Star Wars: The Rise of Skywalker - สตาร์ วอร์ส: กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์
หนัง Star Wars The Rise of Skywalker หรือชื่อไทยว่า สตาร์ วอร์ส กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ มหากาพย์ของสงครามอวกาศเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดของไตรภาคใหม่ เหตุการณ์หลังจาก ไคโลเรน นำกองทัพกวาดล้างกลุ่มกบฎ ซึ่งคราวนี้แตกพ่าย โดยมี เรย์ หญิงสาวตัวละครหลักของไตรภาคนี้ นำเจ้าหญิงเลอาห์และกลุ่มกบฎขึ้นยานมิลเลนเนียมฟัลคอน หลบหนีไป ในขณะที่ลุค สกายวอล์คเกอร์ ได้ใช้พลังเจไดเฮือกสุดท้ายในการไคโลเรน ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตไปตามวิถีของเจได เรื่องราวต่อไปใน Star Wars IX จะเป็นอย่างไรต้องไป คอยติดตามชม
The final chapter of the saga from a galaxy far, far away.
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
Star Wars The Rise of Skywalker ปิดตำนานตระกูลดังที่ทำชิบหายทั้งจักรวาลมาแล้วถึง 8 ภาค
จะว่าไปแล้วถ้ามองภาพรวมตั้งแต่ไตรภาคแรก EP 4-6 และไตรภาคที่ 2 EP 1-3 นั้นแก่นหลักของเรื่องคือเรื่องราวของตระกูล Skywalker เป็นแกนหลักล้วนๆ เลย ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลนี้ จักรวาลคงจะไมได้ชิบหายมากมายเท่านี้ จนกระทั้งการมาถึงของ EP7-8 ที่ดูเหมือนจะพยายาม Move On จากตระกูลนี้ไปแล้ว แต่ก็ไม่วายต้องวกเรื่องกลับมาเล่นเปิดฉากตระกูลนี้ให้ได้ซักที แต่ทำไมถึงตั้งชื่อว่า The Rise of Skywalker ล่ะ นี่คือเหตุผลที่คุณต้องดู
เรื่องราวในภาคนี้จะเล่าต่อจากภาคก่อนคือ เรย์ได้เริ่มฝึกการเป็นเจไดแล้วโดยมี นายพลเลอา เป็นอาจารให้ ในระหว่างนี้ โพ/ฟิน/BB-8 ได้ไปทำภาระกิจลับ นำข่าวจากสายลับสองหน้ามาส่ง ซึ่งมีใจความว่า สโน้คนั้นไม่ใช่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังปฐมภาคี แต่เป็นจักรพรรดิ์พัลพาทีนเจ้าเก่านั้นเอง ที่กำลังซ่องสุมกำลังขนาดใหญ่เตรียมโจมตีฝ่ายต่อต้านให้ราบคาบ ในขณะที่ไคโลเรนนั้นก็ได้มีแผนการลับที่จะยึดครองจักรวาลเอาไว้เอง โดยพยายามที่จะชวนเรย์ให้มาเป็นพวกด้วย สุดท้ายแล้วเรื่องราวจะไปลงเอยที่ไหนต้องไปดูกันต่อในหนังนะครับ
ส่วนตัวผมเองนั้นค่อนข้างที่จะชอบภาคนี้นะ ไม่ว่าจะเป็นการใส่ Easter Egg ต่างๆ ตัวละครเก่าๆ โดยเฉพาะการอ้างอิงถึงหนังทั้ง 2 ไตรภาคก่อน ในเรื่องนี้ด้วย ทำให้อบอุ่นหัวใจเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า แต่ก็ต้องบอกจริงๆว่าช่วงแรกของหนังมีความเล่าเรื่องราวเร็วมาก เร็วชนิดที่ว่าเกือบตามเรื่องราวไม่ทันเลย ผมเองหลังดูจบก็ลองมาคิดๆดูว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้หนังมันต้องเร่งขนาดนี้ มันน่าจะเป็นผลมาจากภาคก่อนหรือเปล่าที่พยายามที่จะทิ้งสิ่งเก่าๆลองอะไรใหม่ๆ ฆ่าสโนคตายแบบเร่งรีบมากในภาคก่อน ทำให้ภาคนี้ต้องหาทางปูเรื่องไปยังบอสใหญ่อย่างพัลพาทีนในช่วงต้นๆเรื่อง (อันนี้จริงองก์แรกในหนังภาคนี้ ถ้าถูกตัดไปลงเป็นช่วงท้ายๆของภาคก่อน น่าจะพีคไม่น้อย) และหนังก็จะไม่ต้องรีบเล่าแบบรีบๆอย่างที่เป็นอยู่แบบนี้ด้วย
สรุปแล้วถึงแม้ว่าจะเป็นการปิดฉากที่ไม่ค่อยสมศักดิ์ศรีซักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นรับไม่ได้ เอาเข้าจริงแล้วเป็นภาคที่ทำเอาใจแฟนๆสตาร์วอร์สแทบจะ100% ของทั้งเรื่องเลย ถึงแม้ว่าดูผ่านๆ มันแทบจะเพลย์เซฟตัวเอง เดินรอยตาม EP 6 ก็ตาม 8/10
สรุปผลวิจารณ์หนัง
Star Wars The Rise of Skywalker
The Rise of Skywalker เป็นหนังปิดไตรภาค ที่ได้ความเป็น Star Wars กลับคืนมา แต่ก็น่าผิดหวังที่สุด แป๊กที่สุด (รีวิวนี้จะรีวิวตัวหนังในระบบ IMAX3D)
ย้อนกลับไปภาคก่อน The Last Jedi สำหรับผม เป็นภาคที่รู้สึกแย่ที่สุด คือไม่สนุกเลย เนื้อเรื่องออกทะเลไปไกลจากความเป็น Star Wars มาก แต่ก็ไม่ใช่ผมคนเดียวที่คิดแบบนี้เพราะหลังจากหนังฉายไปได้สักพัก ก็มีเหล่าแฟนคลับออกมาเรียกร้องให้ถอด The Last Jedi จากจักรวาล
มาภาคนี้ The Rise of Skywalker ได้ J.J มากำกับ สำหรับตัวผมก็ชอบภาคนี้มากกว่า The Last Jedi รู้สึกได้ความเป็น Star Wars กลับมา แต่ J.J. ดันคุมเนื้อเรื่องไม่ได้ จุดโหว่ตัวบทเยอะมาก รู้สึกถึงความไม่สมเหตุสมผลของหนัง และที่สำคัญเรารู้สึกได้ว่าภาคนี้แทบไม่ได้มีความต่อเนื่องกับภาคก่อนๆ เลย มันเลยกลายเป็นไม่อิน ไม่เหมือนกับ EP1-3 ที่เนื้อเรื่องต่อกัน และมาจบที่ EP3 แบบพีคสุดๆ ไตรภาคนั้นคือเต็มอิ่มมาก แต่ไตรภาคนี้กลับไม่รู้สึกแบบนั้นเลย
สำหรับนักแสดง Daisy Ridley ที่รับบทเป็นเรย์ เป็นนักแสดงที่แสดงดีมากๆ แต่เสียดายที่ตัวบทไม่เอื้อให้เธอดูเด่นขึ้นมา เสียดายจริงๆ ทุกฉากที่มีเธอออกมาคือเท่มาก ดูแข็งแกร่ง ดูมีพลัง
ส่วนตัวละครที่ตัวบทแย่มากๆ คือโพ จากที่รับบทเทพๆ มาหลายภาค แต่ภาคนี้มา เอ่อ... บรรยายไม่ถูกครับต้องไปดูเอง แต่บทไม่โอเคมากๆ ในภาคนี้
สำหรับฉากดวลไลท์ไซเบอร์ในภาคนี้ หนังทำได้แย่มากๆ ไม่ขลังและไม่มีพลังเอาซะเลย เหมือนฉากเด็กๆ สู้กัน (ใน The Last Jedi ฉากดวลเซเบอร์ดีกว่ามาก)
มาถึงระบบ IMAX3D ก็ต้องบอกว่าไม่คุ้มเอาซะเลย เพราะฉาก 3D ที่ลอยทะลุออกมามีแค่ฉากเดียวจริงๆ นอกนั้นก็แค่ดูมีมิติธรรมดา ส่วนระบบเสียงในโรงก็ต้องบอกว่าแย่สุดๆ ไม่มีความรู้สึกว่าอยู่ในโรง IMAX เลย เสียงเบา และไม่ทรงพลัง (ภาคก่อนๆ คลื่นเสียงทำพื้นในโรงสั่นเลยแต่ภาคนี้ไม่มีแบบนั้น) ก็แนะนำว่าดูโรงธรรมดาก็น่าจะพอแล้วครับ (เสียใจ และเสียดายตังค์ TT)
สรุป สำหรับใครที่ติดตามมาทุกภาค ภาคนี้ก็ควรดูครับเพราะได้ความเป็น Star Wars กลับมา แต่ดูๆ ไปอาจจะต้องร้องในใจว่า อะไรเนี่ย!! ในหลายๆ ฉาก
สรุปผลวิจารณ์หนัง
[รีวิว] Star Wars: The Rise of Skywalker
--- 6/10 ---
ผิดหวัง!
เป็น Star Wars ภาคที่ชอบน้อยที่สุด
ปิดตำนานได้ไม่ยิ่งใหญ่และไม่สมศักดิ์ศรี
เนื้อเรื่องรีบมาก ฉากไม่ชวนว้าว ตื่นเต้น และไม่อินกับอะไรเลย
The Rise of Skywalker คือหนังภาคปิดตำนานเรื่องราวของตระกูล Skywalker ที่ถูกบอกเล่ามาถึง 42 ปี ที่แฟนๆ ทั่วโลกต่างรอคอยกันมาอย่างยาวนาน หลังจากในภาค The Lase Jedi ผู้กำกับอย่าง Rian Johnson ได้ทำการสังหารตัวละครอย่าง Luke Skywalker ทิ้ง ทำให้ความลำบากและยากเย็นตกมาอยู่กับ J.J. Abrams ผู้สานช่วงต่อ
รีวิวนี้คือความคิดเห็น ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ในฐานะแฟนคลับคนหนึ่งที่ติดตามมาโดยตลอด และเป็นแฟรนไชส์หนังที่รักมากๆ เลย
หลายๆ คนอาจเห็นต่างกันก็เป็นได้ และความรู้สึกแรกหลังจากดูภาคนี้จบเลยคือ “ผิดหวัง” อาจจะด้วยความที่เราคาดหวังมันไว้มากๆ ภาคปิดตำนานเลยนะเว้ย ความรู้สึกมันตื่นเต้นและอยากดูยิ่งกว่า Avengers: Endgame เสียอีก! และความรู้สึกอื่นๆ ก็ค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามา รวมๆ แล้ว “น่าเสียดาย” และ “น่าเศร้า” ไปพร้อมๆ กัน
สำหรับเรา The Rise of Skywalker คือภาคปิดตำนานที่ขาดเสน่ห์ ไม่ยิ่งใหญ่ ไม่สมศักดิ์ศรีความเป็นภาคปิดตำนานเลยสักนิด มันขาดหลายๆ อย่างที่สร้างผลกระทบต่อคนดู ขาดการบิ้วอารมณ์แบบภาคอื่นๆ มันไม่มีสักโมเม้นท์ที่ชวนขนลุก ไม่มีสักฉากที่สร้างความน่าประทับใจ ไม่มีฉากชวนว้าว ชวนทึ่ง คือไม่มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจได้เลยจริงๆ ไม่ว่าจะฉากดวลดาบหรือฉากขับยานยิงก็ตาม แม้กระทั่งฉากจบ ยิ่งช่วงท้ายๆ แทนที่จะนั่งฟิน ตื่นเต้นจิกเบาะ กลับกลายเป็นนั่งกุมขมับหนักมาก
บทในเรื่องนี้ไม่เข้าท่าสุดๆ มันไม่สมเหตุสมผลเลยคือจู่ๆ ก็มีนั่น มีนี่ ขาดตกบกพร่องเยอะมาก เหมือนแบบเอาเรื่องราวมาแปะๆ ต่อกันไปงั้นอะ และคือรู้เลยว่า J.J. ต้องการปิดและลบล้างสิ่งที่ Rian ได้ทำเอาไว้ใน The Last Jedi และยิ่งทำมันยิ่งเละกว่าเดิม ไม่ได้ช่วยให้มันดีขึ้นแต่อย่างใด ที่สำคัญดำเนินเรื่องเร็วเกิน รวบเกิน ไม่รู้จะรีบไปไหน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่ทิ้งเวลาให้เราซึมซับ เข้าใจ หรืออะไรกับมันเลย
มาถึงตัวละคร ไม่อินกับตัวไหนเลย หนังไม่ได้ทำให้เรารู้สึกผูกพัน, เอาใจช่วย หรือประทับใจตัวละครไหน แม้กระทั่งตัวนำอย่าง Rey กับ Kylo Ren ก็ไม่สร้างการจดจำเลยแม้แต่นิดเดียว พอสองตัวนั้นมันไม่อิน ยิ่งทำให้ตัวละครอื่นๆ กลายเป็นตัวประกอบไปเลย อย่าง Finn, Po, Chewbacca คือภาคก่อนเท่อะ เราชอบ Finn กับ Po มากเลยนะ
เท่านั้นไม่พอ ยังใส่ตัวละครใหม่เข้ามาอีก “เพื่อ!?” (อาจใส่ไปเพื่อจะสร้างภาคต่อ/ภาคแยกลง Disney+ ก็เป็นได้) หลายตัวละคร มาๆ ไปๆ และมันก็ไม่ให้เวลาเราทำความรู้จักกับตัวละครเหล่านั้นเลย ความจำเป้นของการมีอยู่ของตัวละครเหล่านั้นคืออะไรอะ มาทำไมอะ มีทำไมอะ เอาง่ายๆ คือ ตัวละครแต่ละตัวดูไม่สำคัญสักตัว
แต่มันก็ยังมีสิ่งที่เราชอบ หนึ่งคือดนตรีประกอบ ยิ่งฉากสู้กันนะ โคตรน่าประทับใจ เข้ากันมากกกกกก และรู้สึกว่าดนตรีเท่สุดๆ สองคือ Easter Egg ต่างๆ ที่คอยใส่มาเซอร์วิสแฟนๆ ที่ติดตามมาตลอด สามคือฉากเปิดเรื่อง เท่านั้นล่ะ
สรุป J.J. ทำหนังภาคนี้ออกมาเพลเซฟมาก เป็นเพลเซฟที่แบบเราไม่โอเคกับมันด้วย มันน่าผิดหวังจริงๆ สรุปง่ายๆ มันคือภาคปิดตำนานที่ไม่ยิ่งใหญ่ น่าผิดหวังมากๆ และน่าเสียดายไปพร้อมๆ กัน เพราะมันจะเป็นภาคปิดตำนาน ภาคสุดท้ายอะ ฮื้อออออ T^T ในฐานะแฟนคนนึง ที่อย่างน้อยมันก็ทำให้เราหายคิดถึงได้บ้างแหละนะ
ปล. ถึงยังไงก็ต้องดูแหละ ยังรักและรอติดตามอยู่เสมอนะ Star Wars
สรุปผลวิจารณ์หนัง
กรี๊ดดดดสลบ สำหรับแฟนเดนตาย
ชอบ! บอกเลย.... ไม่อยากพูดอะไรมากเดี๋ยวสปอล์ย ฟีลลิ่งไม่ต่างกับภาคที่แล้วเท่าไหร่ จะลงลึกดีเทลเรื่องของเรย์มากขึ้นเหมือนเดิมภาคที่แล้ว ภาคนี้ได้ J.J. Abrams (Star Wars Force Awaken,Star Trek) กลับมากำกับอีกครั้ง ได้ Visual เท่ๆ เล่าเรื่องได้กลิ่นอายภาคเก่าๆ ใช้มุมกล้องและภาพเล่าเรื่องเก่งมาก (ดูแล้วอิน) ฉากสงครามก็สนุก (แต่เด็กเดินตั๋วชอบฉากสงครามใน Rouge One มากที่สุด) แม้จะไม่ค่อยมีสงครามมากนัก เน้นสู้ตัวๆมากกว่า (แต่ก็น้อยอยู่ดีอ่ะ) เรื่องที่จะเล่าประเด็นไม่ได้ใหญ่อะไรมาก แต่ก็พาหนังมาทั้งเรื่อง (ไม่ต่างอะไรจาก8แปดภาคที่ผ่านมาโดยตลอด ก็พอเดาๆทางได้แหล่ะ) แต่รวมๆก็สนุกมาก หนังเอาอยู่เลย อยู่ได้ไม่เบื่อไม่ง่วงเลย แฟนก็น่าจะถูกใจเลยล่ะ
- เด็กเดินตั๋ว -
สรุปผลวิจารณ์หนัง
STAR WARS: THE RISE OF SKYWALKER
" เมื่อตำนานต้องเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด "
141 min | Action/Fantasy | Directed by J.J.Abrams
หลังจากเหตุการณ์บนดาวเครต ฝ่ายต่อต้านเพียงน้อยนิดหลบหนีออกมาได้ แต่ก็ยังคงถูกกดดันโดยปฐมภาคีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เรย์ยังต้องฝึกฝนพลังมากขึ้น ฟิน โพ และเพื่อนๆ ที่เหลือ ต้องออกไปตามล่าหนทางและเตรียมตัวเพื่อทำสงครามในศึกสุดท้ายกับ กับปฐมภาคี ภายใต้การนำทีมของผู้นำสูงสุด ไคโลเรน แม้ว่าจะดูยาก แต่ก็มีเพียงความหวังเท่านั้นที่เป็นทางออกเดียวของพวกเขา
ในฐานะที่เป็นแฟนบอยและรักสตาร์วอร์สก็ต้องขอบอกว่าเจ็บปวดไม่น้อยเหมือนกันครับ ที่ต้องบอกว่าในภาพรวมแล้ว เราสามารถพูดได้เลยว่า The Rise of Skywalker เป็นหนังสตาร์วอร์สที่น่าผิดหวัง และอาจจะรั้งท้ายเลยสำหรับไตรภาคที่ 3 นี้ และอาจเป็นงานกำกับภายใต้เครดิตของ J.J. Abrams ที่แย่ที่สุด โดยมีเหตุผลคร่าว ๆ ดังต่อไปนี้เลยครับ แต่ก่อนอื่นเราขอพูดในส่วนที่ชอบและชื่นชมก่อน นั่นก็คือการที่หนังเรื่องนี้แน่นอนว่าตอบโจทย์ในเรื่องของความบันเทิงมาก และแน่นอนว่าเรื่องราวกับบทสรุปที่เขาจัดวางมาให้กับผู้ชม โดยเฉพาะแฟนบอยสตาร์วอร์สจะต้องชอบในส่วนนี้อย่างแน่นอน คืออะไรที่เราอยากเห็นเขาก็จัดให้เราเกือบทั้งหมด เหมือนเป็นหนังตามสั่งแฟนสตาร์วอร์สโดยแท้จริง
แต่อย่างที่บอกไปข้างต้นพอหนังตั้งใจจะเซอร์วิซแฟนอย่างเต็มรูปแบบก็กลายเป็นดาบสองคม เพราะถ้าถอดความเป็นแฟนบอยออกไปแล้วมาดูในเรื่องของบทหนังจริงๆ มันค่อนข้างเละเทะสะเปะสะปะมากๆ แล้วที่ดูมีปัญหามากที่สุดก็คือการเล่าเรื่องที่มาอย่างรวดเร็ว เร็วมาก เร็วจนเกินไป เร็วชนิดที่ว่าคุณอาจไม่เคยเห็นหนังเรื่องไหนที่เปลี่ยนซีนไวมากขนาดนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้เรายังแทบไม่ได้อินหรือรู้สึกใดๆ กับซีนก่อนหน้านั้นเลยแม้แต่น้อย แล้วเป็นแบบนี้ตลอดทั้งเรื่องจนพอหนังจบคุณก็อาจไม่ได้เข้าถึงอารมณ์อะไรซักอย่างในหนังได้เลย มันเลยน่าเสียดายมากที่เรื่องราวดีแบบนี้ แต่การกำกับในภาพรวมของ เจเจ กลับพลาดไปซะหมด แต่จะโทษเค้าอย่างเดียวก็ไม่ได้นัก เพราะด้วยความที่ค่ายวางทิศทางของไตรภาคนี้แปลก ๆ อย่างเช่นการเปลี่ยนผู้กำกับทุกภาค ทำให้หนัง 2 ภาคก่อนหน้านี้มันอาจจะดี แต่ก็ดีในแบบของตัวเอง แต่พอภาคนี้มันต้องจบ ต้องสรุปแล้ว มันเลยยากมากจริงๆ
เสียดายครับ เสียดายมาก The Rise of Skywalker อาจจะไม่ใช่หนังที่แย่หรือพังอะไรนะครับ แต่มันแค่น่าผิดหวังมากจริง ๆ ก็ได้แต่เข้าใจในตัวผู้กำกับที่พอภาค 8 ไม่ได้กำกับทำให้ในภาค 9 เขาต้องมาเล่าเรื่องราวที่ยังไม่ได้เล่ามากมายเต็มไปหมดจนต้องมาอัดๆกันในภาคนี้
คือถ้าคุณเป็นคนที่ดูสตาร์วอร์สมาทุกภาค แน่นอนครับว่าไม่ควรพลาดอยู่แล้ว เพราะมันก็เป็นอะไรที่จบและสรุปแล้วจริง ๆ ซึ่งในส่วนเรื่องราวมันทำได้ดี แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าอาจจะต้องเผื่อใจไว้บ้างจริงๆ หรือทางแก้แบบเฉพาะกิจอาจจะเป็นการไปดูซ้ำเพื่อซึมซับอารมณ์ในแต่ละฉากได้ดียิ่งขึ้นก็เป็นได้ครับ
![[SPOIL] เรื่องราวเชื้อสายของ Rey ใน Star Wars: The Rise of Skywalker](https://images-storage.thaiware.site/news/2019_12/728x409/17678_19122418364545.png)
เป็นไตรภาคที่หลังจากดูจบก็รับรู้เลยว่าเหมือนผู้กำกับแต่ละภาคเค้าไม่ได้เตรียมกันมาก่อน คือทุกๆ ภาคของหนังสตาร์วอร์สชุดใหม่จะให้อารมณ์ต่างกันในทุกๆภาค คนดูภาค 7 อาจไม่ชอบภาค 8 คนดูภาค 8 อาจไม่ชอบภาค 9
ผมคงต้องขอย้อนไปสักหน่อย ในภาค 7 หนังปูปมต่างๆ ไว้เยอะมากเตรียมที่จะเอามาสานต่อได้ในภาคต่อๆ ไป แต่พอมาภาค 8 หนังกลับเอาปมมาปิดสรุปง่ายๆ ในภาคทำเอาคนดูอึ้งไปตามๆกัน ผลกระทบต่อไปเลยมาลงที่ภาค 9 เต็มๆ
ถ้าให้เรียงลำดับความชอบคงเป็น 7>8>9 ส่วนตัวผมไม่ใช่แฟนหนังสตาร์วอร์สรู้เรื่องราวคร่าวๆ ทั้งหมดมีลืมบ้างเป็นบางเรื่องแต่ไม่ได้รู้จริงจัง ทำให้ยังสนุกกับภาคอยู่แม้จะมีเรื่องขัดใจเป็นบางเรื่อง แต่พอมาภาค 9 นี้มันเหมือนเป็นหนังเรื่องใหม่ ใช่เนื้อเรื่องมันอาจจะต่อจากภาคที่แล้วแต่หนังใส่ปมใหม่ การดำเนินเรื่องใหม่ ถ้าให้พูดง่ายๆลองนึกถึง skyfall กับ spectre ดู หนังภาคนี้พยายามแถสิ่งที่ภาคได้ทำเอาไว้ แถมแถแบบตรงๆ หน้าด้านๆ เลย ทำให้หนังมีจุดไม่สมเหตุสมผลเยอะจริงๆ
ก็คงต้องบอกตรงๆ ว่าผิดหวังกับภาคนี้ ความเข้มข้นของเนื้อเรื่องในภาคนี้น้อยกว่าทุกภาคทั้งๆ ที่เป็นภาคสุดท้าย ฉากแอ๊คชันก็อยู่ในขั้นปานกลาง
ธีมของหนังภาคนี้มันต่างจากภาคที่แล้วเกินไปจนเหมือนดูหนังคนละเรื่อง แทนที่หนังจะดึงปมของภาคที่แล้วมาสรุปต่อแต่หนังพยายามแก้ไขปมภาคที่แล้วและสร้างปมใหม่ขึ้นมาอีกรอบ ซึ่งไอ้ปมใหม่เนี่ยมันไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างตอนต้นเรื่องแล้วขมวดจบในหนังภาคเดียว มันควรจะแบ่งอาจจะสัก 2 พาร์ท
เรื่องที่น่าจะชมก็คือเพลงประกอบ ทำออกมาถี่แต่ก็ยิ่งใหญ่ชวนนึกถึงสตาร์วอร์สภาคเก่าๆ
บ่นมาขนาดนี้แล้วก็คงต้องบอกว่าผมไม่อินกับหนัง แต่ถ้าใครไม่ได้คิดหรือคาดหวังอะไรมากก็มาดูเถอะ หนังมีวิชวลที่ดี ฉากยานรบยิงกัน หนังมีสิ่งที่หนังป๊อปคอร์นพึงมีครบเลยล่ะแต่ที่ผมบ่นเยอะเพราะมันคือหนังภาคสุดท้ายชองซาก้านี้เลยนะ มันควรจะยิ่งใหญ่กว่านี้ ควรจะน่าติดตามกว่านี้
สรุปผลวิจารณ์หนัง