โฮมสเตย์ - Homestay
หนัง Homestay หรือชื่อไทยว่า โฮมสเตย์ "HOMESTAY" เมื่อ "ร่างชั่วคราว" คือรางวัลสุดมหัศจรรย์จากสวรรค์ เขามีเวลา 100 วัน เพื่อเปลี่ยนรางวัลเป็นชีวิต -------------- "มึงได้รางวัลนะ" ผู้ชายท่าทางลึกลับที่เรียกตัวเองว่า ผู้คุม (นพชัย ชัยนาม) บอกผม ในขณะที่เรายืนประจันหน้ากันบนผนังตึกของโรงพยาบาลที่หมุนพลิกราวกับแรงโน้มถ่วงกลับด้าน! ผู้คุมไม่รอให้ผมปะติดปะต่อเรื่องราวในหัว เขากระชากคอเสื้อผมให้มาฟังคำอธิบายถึงรางวัลที่วิญญาณเร่ร่อนอย่างผมได้รับ นั่นก็คือการได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของเด็กม.ปลายที่ชื่อ มิน (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) ที่นอนนิ่งอยู่ในตู้เก็บศพของโรงพยาบาลแห่งนี้ จะว่าไปการได้มาอยู่ในร่างใหม่ ก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่โฮมสเตย์ คืออยู่ได้แค่ชั่วคราว แถมยังไม่ได้อยู่ฟรีๆ เพราะผมต้องหาคำตอบให้ได้ภายใน 100 วัน ว่า "มินตายเพราะใคร" ถ้าตอบไม่ได้ ผมจะต้องตายและจากร่างโฮมสเตย์นี้ไปตลอดกาล เอาเข้าจริงๆ ผมก็ไม่คิดว่าจะอินกับการอยู่ในร่างโฮมสเตย์นี้ซักเท่าไหร่ การมีครอบครัวใหม่ มีเพื่อนใหม่ ก็ไม่ทำให้หัวใจเต้นแรงเท่าการได้มีความรักครั้งใหม่ ผมได้รู้จักกับ พาย (เฌอปราง อารีย์กุล) พี่รหัสของมิน ผู้หญิงที่ทำให้ผมอยากอยู่ในร่างโฮมสเตย์นี้ตลอดไป แต่เวลา ชีวิต และความรัก เป็นเหมือนรางวัลที่สวรรค์ให้ผมมาแค่ชั่วคราว ผมจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อตอบคำถามผู้คุมให้ได้ว่า “มินตายเพราะใคร” ก่อนที่เวลาชีวิตในร่างโฮมสเตย์ของผมจะหมดลง....
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
ตรงไปตรงมา...จากใจ 'เด็กเดินตั๋ว'
บอกเลยว่าคาดหวังกับโฮมสเตย์ค่อนข้างมาก ด้วยความเป็นมาตรฐานระดับ GDH หนึ่งในค่ายหนังไทยที่รักษาคุณภาพและรสชาติหนังไว้ได้เป็นเอกลักษณ์มาเสมอ และด้วยตัวอย่างหนังต่างๆ ที่ปล่อยออกมาดูค่อนข้างว้าวมาก บอกเลยเรื่องนี้มาดูเพราะซีจี มีช็อตที่ตกหน้าต่างเหมือนในฉากหนึ่งของเรื่อง Doctor Strange เลย ได้ฟิลแบบฮอลลีวู้ดมากๆ เลยอยากดูว่าหนังไทยตอนนี้ไปถึงไหนกันแล้ว
บอกเลยว่ารู้สึกเฉยๆ แฮะ ฉากขายก็อยู่ในตัวอย่างเสียหมดแล้ว แอบคาดหวังว่าจะมีฉากซีจีแจ่มๆ เยอะกว่านี้นะ ส่วนการกำกับของพี่กอล์ฟ ภาคภูมิ (ผู้กำกับบอดี้ ศพ19, ห้าแพร่งตอนหลาวชะโอน) ก็รู้สึกว่างานวิชวลพี่แกเด็ดจริงๆ นะ วิธีการเล่าเรื่องคลายปมก็ซับซ้อนสมกับเป็นพี่กอล์ฟดี ส่วนที่เหลือก็แบบในแบบ GDH อ่ะ ทั้งบทพูด การแสดง เรื่องราว การเริ่ม การจบ การผลิตงานสร้างโปรดักชั่นต่างๆ มันเป็นเอกลักษณ์จนเหมือนจะตายตัวไปเลย แทบจะเดาเรื่องได้เลย ไม่ค่อยสะเทือนต่อมว้าวของเด็กเดินตั๋วสักเท่าไหร่ ภาพที่เหลือก็เป็นในมาตรฐานของ GDH ไม่ได้มีมุมแบบฮอลลีวู้ดอะไรมากนะ แต่บางฉากก็ให้อารมณ์แบบในภาพยนตร์ Anime แบบมีกลิ่นๆ อยู่
สำหรับการแสดงของเจมส์และเฌอปราง ก็แอบอึ้งในบทที่ท้าทายน้องอยู่ ท้าทายมากๆ จะท้าทายน้องท้าทายคนดู ท้าทายโอตะอะไรขนาดน้านนนน ชื่นชมในหลายฉากมาก ไม่ห่วงหล่อ ห่วงสวยกันเลย เล่นเป็นหนัง เป็นชีวิตกันจริงๆ แอบชื่นชอบคาแรกเตอร์ของตัวรองหลายๆ ตัวด้วยซ้ำ เช่นพี่สู่ขวัญ หรือน้องทอมเพื่อนพระเอก ก็เล่นถ่ายทอดอารมณ์ส่งมาได้จริงๆ
หลายคนหลายความคิด ต่างคนต่างดูต่างมุมมอง ไม่อยากให้เอาบทวิจารณ์หรือคอมเม้นท์ต่างๆ มาขวางทางทุกคนจากการดูหนังให้สนุกเลย หลายคนดูก็สะเทือนใจ สะเทือนชีวิตของเขาในส่วนต่างๆของหนังที่แตกต่างกันไป เรื่องนี้เป็นอีกหนังไทยที่มีคุณภาพและนำพาความคิดเราได้จริงๆ อยากให้ทุกคนได้ไปดูด้วยความว่างเปล่า ด้วยความไม่คาดหวังอะไรแล้วสนุกกับหนัง อินกับหนังให้เต็มที่ครับ
- เด็กเดินตั๋ว -
สรุปผลวิจารณ์หนัง
Homestay (2018)
หนังไทยที่มีคุณภาพอีกเรื่องหนึ่งเลย โดยเฉพาะ CG ที่เนียนมาก การดำเนินเรื่องที่แปลกใหม่ อีกทั้งนักแสดงที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีเกินคาด(โดยเฉพาะเจมส์ และพี่สู่ขวัญ ที่แสดงออกได้ดีมาก จริงๆ เป็นสองคนที่แบกหนังเรื่องนี้ไว้เลย ถ้าไม่ได้สองคนนี้บอกเลยว่าเละแน่ๆ)
เนื้อเรื่องเกี่ยวกับ วิญญาณที่ได้รับรางวัลให้มาอยู่ในร่างของคนที่ชื่อ "มิน" ที่ฆ่าตัวตาย เรียกร่างนี้ว่า Homestay แต่มีข้อแลกเปลี่ยนคือต้องหาว่าใครที่ทำให้มินฆ่าตัวตายในเวลา 100 วัน
เนื้อเรื่องนี้อิงจากต้นฉบับจากหนังสือเรื่อง Colorful เขียนโดย Mori Eto โดยในหนังสือก็ใช้ชื่อร่างมนุษย์ว่า Homestay เหมือนกัน แต่เนื้อเรื่องมีความแตกต่างตามบริบทครับ
ด้านการดำเนินเรื่องและบทหนัง ก็ลื่นไหล ดูสนุก ลุ้นจนจบเรื่อง แต่ถ้าถามตัวผม ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยแปลกใจเท่าไร เราเดาเนื้อเรื่องได้ง่ายเกินไปนิด ยิ่งถ้าดูตัวอย่างหนังมาก่อนก็แทบจะเดาเรื่องได้หมดเลย พอดูจบก็จบกัน ไม่ได้มีความรู้สึกอยากจะดูซ้ำ (ความรู้สึกส่วนตัวนะครับ)
ทางด้านนักแสดง อย่างที่กล่าวข้างต้น เจมส์(แสดงเป็น มิน)เล่นดีมาก แสดงอารมณ์ได้หลากหลาย และทำให้เราเชื่อว่าตัวละคร มิน มันมีอารมณ์นั้นเกิดขึ้นจริงๆ ส่วนอีกคนที่ต้องชื่นชมก็คือสู่ขวัญ ไม่อยากเชื่อ ว่าจะแสดงเก่งมาก บทเศร้าคือเศร้ามาก บทน่ารักครอบครัวก็น่ารักไปเลย ทั้งสองคนถือว่าเป็นตัวละครสำคัญที่ทำให้หนังมันดูดีขึ้นมามาก อีกคนนึ่งที่จะกล่าวถึงคือเฌอปราง จริงๆ เป็นตัวละครที่บทเยอะเกินความจำเป็น กล่าวบ่อยพอสมควรจนมันล้น ประกอบกับแสดงหนังเรื่องแรกด้วยรึป่าว จึงแอบรู้สึกว่าเกร็งๆ ไม่ธรรมชาติ จริงๆ ไม่รู้ว่าหนังต้องการให้โอตะหรือแฟนคลับเข้ามาดูรึป่าว แต่ถ้าขายแบบนี้บ่อยๆ ผมว่าไม่โอเคนะ
สุดท้ายที่ต้องชื่นชมคือ CG มันดีงามมากเลย สวยมาก แต่ต้องเข้าให้ทันหนังเริ่มเพราะมันมาตั้งแต่ต้นๆเรื่องเลย อันนี้ชื่นชมมาก GDH พัฒนาด้านนี้มาได้ไกลจริงๆ
สรุป เป็นหนังที่ดูสนุกคุ้มเงินที่เสียไปครับ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
สรุปผลวิจารณ์หนัง
Homestay " โฮมสเตย์ "
135 min | Thriller/Fantasy | Directed by Parkpoom Wongpoom
เรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ?
โฮมสเตย์ เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องราวของ วิญญาณ เร่ร่อนที่ได้รับรางวัลให้มาอยู่ในร่างของมิน นักเรียนม.ปลายที่พึ่งจะฆ่าตัวตาย โดยเงื่อนไขคือต้องหาคำตอบให้ได้ว่ามินตายเพราะใครภายใน 100 วัน หากทำได้จะได้อยู่ร่างนี้ แต่หากทำไม่ได้ก็จะตายและวิญญาณก็จะไม่ได้ไปผุดไปเกิดอีกเลย เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะหาคำตอบให้ได้ว่าใครกันที่ทำให้มินตาย ก่อนที่เวลาจะหมดลง
ความรู้สึกแรกหลังดูจบ..
เป็นหนังที่ชอบในแง่มุมของการถ่ายทำ โปรดัคชั่นต่าง #ๆ งานคราฟในส่วนนี้มันออกมาดี ออกมาดูสวยงามมาก เท่มาก ซีนสวยมากมาย แต่ความรู้สึกที่มีต่อหนังโดยรวมมันกลับเฉยมากๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเราคาดหวังไว้มากมายหรือเปล่า เพราะพอมาดูเข้าจริงๆ รู้สึกว่าหลายอย่างมันไม่ถึงที่คาดไว้ ผมจะไม่พูดถึงการดัดแปลงใดๆ เพราะตัวผมเองก็ไม่เคยอ่านหรือดูตัวต้นฉบับอย่าง Colorful เหมือนกัน อย่างแรกเลยคือพอมานั่งดูไปสักพัก คุณจะเดาบทสรุปของหนังได้ในทันทีว่า คำตอบของหนังคืออะไร ซึ่งในส่วนนี้ผมแอบเคืองนิดๆ ที่นอกจากมันจะคาดเดาได้ไม่ยากแล้ว ในมุมมองของผมแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุดจริงๆ เหรอ ?
สิ่งที่น่าชื่นชม
ถึงแม้ว่าผมจะไม่ชอบบทรวมๆ ของหนัง หรือบทสรุปของหนังมากแค่ไหน แต่สิ่งดีๆ ของหนังก็มีอยู่ไม่น้อยที่มาคอยช่วยประคับประคองหนังด้วย อย่างแรกเลยก็คือการแสดงของ เจมมี่เจมที่ดีมาก มีสเน่ห์อย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนเฌอปรางทำได้ดีเลยสำหรับการแสดงเรื่องแรก นักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็โอเค ส่วนรองลงมาคือเรื่องของซีนต่างๆ ที่ดูก็รู้เลยว่าผู้กำกับตั้งใจถ่ายทอดมันออกมาให้สวยงาม ซึ่งหลายต่อหลายซีนมันก็ทำงานได้ดี หวือหวาดี
สรุป
โดยรวมแล้ว โฮมสเตย์ อาจเป็นหนังที่เรารู้สึกผิดหวังก็ได้ เพราะอาจจะคาดหวังไว้เยอะมากๆ คือมันมีทั้งส่วนที่ชอบและไม่ชอบ ทำให้พอถัวๆ กันดูแล้วมันเลยอยู่กึ่งกลางระหว่างความชอบและไม่ชอบ แต่ถ้าใครที่อยากดูอยู่แล้วแนะนำว่าให้ลองไปดูเถอะครับ คุณอาจจะชอบก็ได้
สรุปผลวิจารณ์หนัง
Homestay
6.5/10
“หนังอยู่ในระดับโอเค แต่ยังไม่มีอะไรให้น่าจดจำ”
หนังแนวใหม่จาก GDH ของผู้กำกับหนังสายสยองขวัญไม่ว่าจะเป็น ชัตเตอร์ แฝด สี่แพร่ง ห้าแพร่ง อย่าง ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ซึ่ง Homestay เป็นหนังแนวดราม่า แฟนตาซี ระทึกขวัญกลายๆ ที่เพียงได้ดูตัวอย่างหนังต้องบอกเลยว่าน่าดูมากกกก
โดย Homestay ว่าด้วยเรื่องของวิญญาณที่ได้รางวัลให้เข้ามาอยู่ในร่างของชายคนหนึ่ง แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องหาคำตอบภายใน 100 วัน ให้ได้ว่าใครเป็นคนฆ่าร่างนี้ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายเรื่อง Colorful - เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม
นับตั้งแต่เรื่อง ฉลาดเกมส์โกง ของค่าย GDH แล้ว เราก็มีความหวังกับวงการหนังไทยขึ้นมาในทันที ทั้งแนวเรื่องแบบใหม่ การดำเนินเรื่องแบบใหม่ และหนังที่ไม่เน้นเรื่องรักๆ กุ๊กกิ๊ก และส่งผลให้หนังเรื่องนั้นมันสุดยอดมากๆ เรียกได้ว่าเป็นหนังไทยที่เราชอบที่สุดเลยก็ว่าได้ ซึ่งพอมาเรื่อง Homestay หนังเรื่องนี้มีการนำเสนอในรูปแบบใหม่ๆ เช่นกัน ซึ่งเรามักจะได้เห็นแต่หนังรัก ตลก ผี แต่เรื่องนี้กลับทำให้มันแฟนตาซี แทน มีการใช้ CG เล่นที่สวยงามเลยทีเดียว
นักแสดงในหนังเรื่องนี้เรียกได้ว่าคัดสรรค์มาดีเลย ที่ชอบที่สุดสำหรับเรื่องนี้คือนักแสดงนำอย่าง เจมส์ ธีรดนย์ ที่บอกว่าเอาหนังอยู่มากๆ สามารถแบกหนังได้ทั้งเรื่องเลยทีเดียว โดยเฉพาะการแสดงผ่านทางสีหน้าในซีนอารมณ์ต่างๆ ถือว่าเรื่องนี้ทำได้ดีมากๆ เรียกได้ว่าแค่ดูจากสีหน้าแล้วไม่ต้องพูดอะไร เราก็สามารถเข้าใจได้เลยว่าตัวละครตัวนี้รู้สึกยังไง นั่นรวมไปถึงตัวละครที่เล่นดีแบบสุดๆ น่าชื่นชมมากๆ อย่าง สู่ขวัญ ในบทบาทของแม่ เรียกได้ว่าทุกซีนที่เธอออก ทุกการแสดงที่เธอทำในหนังเรื่องนี้นั้น มันสุดยอดมากจริงๆ รวมไปถึงเหล่านักแสดงทั้งหลายที่ปรากฏออกมาน้อย แต่มาก ไม่ว่าจะเป็น ปีเตอร์ นพชัย, พลอย เฌอมาลย์ หรือคุณเอก ธเนศ แต่...
นักแสดงที่เราค่อนข้างจะผิดหวังเลยก็คือ เฌอปราง (อย่าว่าเรานะT^T) ที่เลือกเฌอปรางมาก็คงเพราะอยากขยายกลุ่มคนดู เรียกกระแสเป็นแน่แท้ มีหลายๆ ซีนที่ไม่รู้จะเรียกว่า เซอร์วิสเหล่าโอตะ หรือว่าชวนให้โอตะเดือดก็ไม่ทราบได้ แต่เราว่ามันก็ยังดีกว่าหนังอีกเรื่องที่นำอร มาเน้นเซอร์วิส เอาใจโอตะล้วนๆ การแสดงในเรื่องนี้โดยส่วนตัวคิดว่าเฌอปรางไม่เหมาะกับบทนี้ในทุกๆ ด้าน ทุกการแสดง ทุกอริยาบทของเธอไม่สามารถทำให้เรารู้สึกหรือเชื่อได้ว่าตัวละครตัวนั้นรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ทุกอย่างมันดูเป็นการแสดงเกินไป มันดูตั้งใจเกินไป มันไม่ธรรมชาติเลย แม้กระทั่งซีนรักกุ๊กกิ๊กระหว่างคู่พระ-นางก็ตาม โดยเฉพาะซีนอารมณ์ เราสารภาพเลยว่าฟังไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย ถึงกับต้องไปอ่านซับภาษาอังกฤษเลย ว่าเธอพูดว่าอะไรกันแน่ เราเห็นถึงความตั้งใจของเฌอปรางนะ แต่มันก็คือการแสดงเรื่องแรกของเธอแหละ ถ้าในอนาคตมีโอกาสได้เล่นอีก เราว่าเธอน่าจะมีการพัฒนาและทำได้ดีกว่านี้
ทางด้านเนื้อเรื่องนำเสนอออกมาได้ดีเลยทีเดียว ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะต้นฉบับทำไว้ได้ดีหรือเปล่า แต่ก็ต้องขอชื่นชมในประเด็นของหนังที่พาเราชวนสงสัยได้ตลอดทั้งเรื่อง คลี่คลายได้ดี และตบจบได้สวย มีประเด็น ข้อคิด คติในการดำเนินชีวิตแฝงไว้ได้สวยงามเลยทีเดียว แต่...
อีกหนึ่ง “แต่” คือเรื่องราวความสัมพันธ์ของคู่พระ-นาง มันก็ดูน่ารักดี แต่มันดูเยอะไป เยอะไปจนน่ารำคาญ เหมือนหลุดธีมเรื่องไปพักใหญ่ๆ เหมือนกำลังดูหนังอีกเรื่องนึงยังไงยังงั้น และหนังเหมือนจะหนักมือกับความสัมพันธ์ของคู่พระ-นางมากเกินไป จนลืมความสัมพันธ์ที่ควรจะให้ความสำคัญอย่างคู่พระเอกกับพี่ หรือพระเอกกับพ่อ ทิ้งเอาไว้ดื้อซะอย่างนั้น
โดยรวมแล้วหนังมันก็อยู่ในระดับที่ “โอเค” ในด้านนักแสดง CG และบทสรุปที่สวยงาม แต่หนังมันเดาทางง่าย รวมทั้งมันยังไม่สุด ยังไม่มีอะไรให้น่าจดจำสักเท่าไหร่
Homestay | ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ
หนัง GDH ที่ผสมอารมณ์หลากหลายในคราวเดียวอย่างน่าสนใจ โดยมีโครงเรื่องเข้มๆ จากญี่ปุ่นเรื่อง Colorful เป็นแรงบันดาลใจ และด้วยบทที่แข็งแกร่งนี้ประกอบกับการเล่าเรื่องตรงไปตรงมาที่เนี๊ยบตามฉบับ GDH ทำให้ได้หนังดราม่าเรียกน้ำตา ที่จะสะท้อนก้องเข้าไปในใจของคนซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย และคนที่ไม่สามารถออกจากตัวเองไปได้ หนังเรื่องนี้แสดงส่วนที่เรียกว่า “ความจริงมันน่าเจ็บปวด แต่ความจริงเท่านั้นที่ช่วยเราออกมาได้” อย่างตรงไปตรงมาสุดๆ แต่จุดจดจำอาจน้อยไปหน่อย และมีช่วงยืดช้าไปบ้าง
โฮมเสตย์เป็นเรื่องราวของวิญญาณเร่รอนตนหนึ่งที่ถูกรางวัล กลับเข้าไปในร่างฆ่าตัวตายที่ชือ “มิน” โดยมีเงื่อนไขว่าต้องตอบกับผู้คุมให้ได้ว่ามินตายเพราะใคร โดยมีเวลาให้ 100 วัน มีโอกาสตอบครั้งเดียว หากตอบถูกนาฬิกาที่นับถอยหลังจะหยุดลง และร่างนี้ก็จะเป็นของวิญญาณเร่ร่อนไปตลอดกาล
GDH ได้ดัดแปลงวิธีการเล่าเรื่องไปเป็นฉบับตัวเอง คราวนี้เป็นเลือกใช้โครงสร้างตระกูลดราม่าเรียกน้ำตาแบบปกติ คือช่วงแรกจะมีความสุขมากๆ ก่อนจะฆ่าคนดูด้วยมหกรรมความเจ็บปวดของชีวิต โดยจะพิเศษหน่อยด้วยการคละแซมด้วยการสืบสวนระทึกขวัญ กับเรื่องราวเหนือจริงของผู้คุมวิญญาณ จะมีฉากแสดงอภินิหารที่เรียบเนียนไปกับเรื่อง ทำให้ได้ความตื่นตาด้านโปรดักชั่นไปพร้อมกับเรื่องที่เข้มข้น
ในส่วนนี้แอบติดอยู่บ้าง จริงๆ ออกจะโชว์มากไปหน่อยด้วยซ้ำ เหมือนบางครั้งฉากตระกาลตาหยุดเวลาเหล่านี้ก็ไม่ได้สำคัญกับนัยยะของเรื่องมากนัก แต่ในส่วนอื่นๆของการเล่าเรื่องนั้นทำออกมาได้ดี คือตัดต่อออกมาได้งดงามมากๆ โดยเฉพาะการใช้เสียงและการเชื่อมซีนที่ไม่รู้สึกสะดุดใดๆ เป็นหนังไหลลื่นที่แอบช้าบ้าง แต่เรียกความดราม่าออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยต้องขอบคุณงานภาพที่เข้มข้นสวยงามอีกด้วย แต่การเดินเรื่องที่ให้เวลากับความสงสัยมากไปก็ทำให้อึดอึดบ้างเป็นระยะๆ
ในส่วนของตัวเรื่องมีความน่าสนใจเป็นพิเศษอยู่ เหมือนโครงสร้างเรื่องจากญี่ปุ่นจะทำการบ้านด้านจิตวิทยาและตัวละครเหล่านี้มาเป็นอย่างดี ส่วนตัวแล้วผมมีโอกาสได้ไปเกี่ยวข้องการงานด้านจิตวิทยา ทำให้รู้ว่าการสืบค้นที่ “ผู้คุม” ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับมิน รวมไปถึงคำตอบสุดท้ายที่มินให้นั้นเป็นคอนเซ็ปของจิตวิทยาปรึกษาที่จะพาไปเผชิญหน้ากับ “ความจริง” กับผู้รับการปรึกษาทั้งหลาย
และปัญหาคือเรามักจะลืมไปว่า “ความจริง” มันมีหลายด้าน ไม่ใช่เฉพาะกับมิน พาย เพื่อน และครอบครัวเท่านั้น แต่ในเชิงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตด้วย
ความจริงเจ็บปวดเสมอ แต่ก็มีแต่ความจริงเท่านั้นแหละที่จะคลี่คลายทุกอย่างได้...
ถือว่าเป็นหนังที่ให้ความอิ่นเอมสมบูรณ์ในตัวมัน และก็อาจมีส่วนที่กระแทกใจคนซึมเศร้า คนที่คิดจะฆ่าตัวตาย คนทีออกจากปัญหาตัวเองไม่ได้อยู่เยอะมากๆ ปกติจิตวิทยาปรึกษาจะค่อยๆพาเราสำรวจเรื่องราวในชีวิต ปมต่างๆอย่างปลอดภัย เป็นพื้นที่ว่างเปล่าและค่อยๆสร้างเขาขึ้นมา แต่เรื่องนี้ออกจะขี้เล่น ขี้แกล้ง และกระแทกรุนแรงไปเสียหน่อยน่ะนะ
เป็นหนัง GDH ที่สมมาตรฐาน CG สวยหยด นักแสดงน่ารักน่าชัง ผมรักความทะเยอะทะยานของมันมากๆเลยล่ะ อยากให้มันได้ไปไกลเหมือนกับฉลาดเกมส์โกง
สรุปผลวิจารณ์หนัง