Breathe - ใจบันดาลใจ
หนัง Breathe หรือชื่อไทยว่า ใจบันดาลใจ "จะดีแค่ไหนที่เราหาคนที่รักเราจริง ๆ เจอ" Breathe ภาพยนตร์รักเรียกน้าตาที่สร้างจากเรื่องจริงของ โรบิ้น หนุ่มนักผจญภัยที่อยู่ๆ ก็ล้มป่วยด้วยโรคโปลิโอในวัย 28 จากคนที่แข็งแรงกลายเป็นผู้ชายที่ต้องใช้ชีวิตบนรถเข็นตลอดไป แต่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เขากลับเลือกออกเดินทางรอบโลกไปกับผู้หญิงคนที่รักเขาที่สุด และไม่เคยทิ้งไปไหน
หนัง Breathe หรือชื่อไทยว่า ใจบันดาลใจ Based on the true story of Robin (Garfield), a handsome, brilliant and adventurous man whose life takes a dramatic turn when polio leaves him paralyzed.
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
Breath - ใจบันดาล
117 min | Drama/Biography | Directed by Andy Serkis
สร้างจากเรื่องจริงของ โรบิน คาร์เวนดิช ชายหนุ่มผู้รักการเดินทางและมีชีวิตโลดโผนแบบชายหนุ่มทั่วไป เขาได้พบเจอและตกหลุมรักกับหญิงสาวที่เป็นภรรยาของเขาในเวลาต่อมา แต่แล้ววันนึงเขาเกิดติดไวรัสโปลิโอซึ่งมันกัดกินและทำให้เขาเป็นอัมพาต ซึ่งมันเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล
นักแสดงมากความสามารถผู้อยู่เบื้องหน้าและภายใต้สิ่งมีชีวิตเหนือจินตนาการด้วยเทคโนโลยีโมชั่นแคปเจอร์ แอนดี้ เซอร์คิส ผันตัวมาจับงานกำกับเรื่องแรกในชีวิต ซึ่งก็ต้องบอกก่อนเลยว่าทำได้ไม่เลวนัก ปัญหาของหนังอยู่ในช่วงแรกหรือช่วงต้นเรื่อง หนังไม่ได้ใส่ใจมากนักกับการปูพื้นตัวละครหรือแนะนำตัวละครให้เรารู้จัก ตรงนี้ถ้าไม่ได้เสน่ห์และความสามารถเฉพาะตัวของนักแสดงช่วยไว้ อาจเป็นปัญหาหนักที่พังหนังทั้งเรื่องเลยก็ว่าได้ เพราะนี่มันหนังดราม่า แล้วการที่เราจะอินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาเราก็ต้องรู้จักเขาประมาณนึงก่อน ไม่งั้นมันก็จะไม่ต่างอะไรกับการฟังเรื่องเล่าหรือดูข่าวที่ไม่ได้ใกล้ตัวเรามักนัก เราก็จะแค่ฟัง ๆ แล้วก็ลืมไป
อีกปัญหานึงที่แอบรบกวนใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อหนังทั้งเรื่องเหมือนประเด็นแรก คือการใช้ time skip ค่อนข้างบ่อยมาก ทำให้ pacing ของหนังไม่ค่อยดี บางจุดเร็วไปมาก ๆ บางจุดก็ช้าเกินไป ทำให้ภาพรวมของหนังยังไม่กลมกล่อมเท่าที่ควร แต่อย่างที่ผมได้เกริ่นไปข้างต้น ทีมนักแสดงตั้งแต่นักแสดงนำอย่าง แอนดรูว์ การ์ฟีลด์ หรือ แคลร์ ฟอย (จาก The Crown) และนักแสดงสมทบต่างก็ทำให้เราเพลิดเพลินและอินไปกับหนังได้ แถมตัวเรื่องราวที่เป็นต้นฉบับ ของตัวคาร์เวนดิชเอง ก็มีความน่าสนใจ ทั้งแนวคิดของเขาและสิ่งที่เขาทำ ทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาโอเค
ใครที่ชอบหนังดราม่าฟีลกู้ดที่ให้แรงบันดาลใจ และมีกลิ่นอายโรแมนติกเล็กน้อย ก็อยากให้ลองมาชมดู หนังพอดูได้เพลิน ๆ ไม่น่าเบื่อ หลายคนดูคร่าว ๆ อาจนึกถึง Me Before You แต่จุดนี้ก็ต้องบอกก่อนเลยว่าอาจคล้ายแค่เค้าโครง แต่อารมณ์ของหนังนั้นต่างกันมากทีเดียว ยังไงก็ต้องลองไปชมกันดูครับ
สรุปผลวิจารณ์หนัง
Breath
19 ตุลาคม 2017 | Andy Serkis
หนังโรแมนติคยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กับความรักแท้ที่เกิดขึ้นท่ามกลางความเจ็บปวดของโรบิน และไดอาน่า โดยมีแก่นกลางที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือความพิการทั้งร่างกายของฝั่งสามี เป็นระดับที่ต้องใช้ความอดทน การทุ่มเท และการเสียสละอย่างสูง ก่อนที่ทั้งคู่จะก้าวข้ามผ่านสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต ไปจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายแห่งการตัดสินใจ
หนังเดินเรื่องราวเป็นเส้นตรง มีลูกเล่นสนุกสนานไปตามขนบหนังรัก เป็นหนังฟิลกู๊ดที่ดีเรื่องหนึ่ง แต่ก็เป็นหนังธรรมดาที่ดูได้เพลิน ๆ การตัดต่อ การเล่าเรื่องเน้นปลอดภัย คือไม่หวือหวา แต่ก็ไม่มีอะไรใหม่ ซึ่งถ้าไม่ได้คาดหวังเรื่องพวกนี้ หนังเรื่องนี้ก็ตอบโจทย์การดูหนังรักเพลิน ๆ ได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากทำมาจากเรื่องจริง และโปรดิวเซอร์เองก็เป็นลูกของโรบินกับไดอาน่า ดังนั้นจึงมีการถ่ายทอดที่ตรงจุดพอดี อาร์ตเนี๊ยบ สวย และคุมโทนได้ดี ผมสามารถเสพอาร์ตจากเรื่องนี้เพียว ๆ และตกหลุมรักกับอังกฤษยุคนั้นได้เลย
ถึงกระนั้นหนังก็ไม่กล้าแตะต้องด้านลบ ๆ ตัวพ่อเขาเอง จริงอยู่ที่ว่ามีฉากหดหู่ ฉากเลือดอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะหลีกเลี่ยงด้านแย่ ๆ ของตัวละครหลัก ทำให้มันขาดความเป็นมนุษย์ จนดูเผิน ๆ เหมือนกับหนังที่สร้างเพื่ออุทิศให้พ่อแม่ตัวเองมากกว่า ถึงแม้จะมีส่วนเกี่ยวกับ “การใช้ชีวิตของคนพิการ” อยู่เยอะ แต่เมื่อขาดความสมจริงบางจุด มันทำให้พลังตรงนี้ลดลงไป
เมื่อรวมกับการเดินเป็นเส้นตรง และเลือกที่จะเล่าเรื่องอย่างปลอดภัย หนังเลยจำเป็นต้องใช้บุคลิกภาพของนักแสดง ซึ่งการ์ฟิลด์ที่แสดงเป็นโรบิน และฝาแฝดพี่ชายไดอาน่านับว่าแบกเรื่องได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าทำให้หนังมีความสนุกสนานมากขึ้นเยอะ
ถึงจะไม่ค่อยสมจริง เป็นหนังรักเพลิน ๆ เรื่อย ๆ แต่ก็ประทับใจเรื่องราวอย่างอื่นของตัวละครเช่นกัน นั่นคือการ “สร้าง” ของฝั่งไดอาน่า ที่กล้าจะทำอะไรแหกกฎเพื่อจะ “หนี” จากกรอบ เมื่อสามีอยากออกจากที่นี่ เธอก็สามารถต่อสู้ท้าทายกฎสากลเพื่อสร้างสิ่งใหม่ ๆ โดยอิงพื้นฐานของ “ชีวิต” ที่เรียกว่าความสุข ไม่ใช่แค่เพียง “หายใจ” เธอพาสามีไปเที่ยวรอบโลก พาไปหาทุน พาไปสร้างเรื่องราวใหม่ ๆ ที่คนพิการปกติไม่มีทางจะทำได้
เรียกได้ว่า ไดอาน่าเป็นเฟเมนิสต์ที่แกร่ง และพยายามให้ชีวิตครอบครัวของเธอได้ไปต่อ จวบจนช่วงสุดท้ายที่เป็นการ “เสียสละ” และ อิสรภาพในอีกรูปแบบหนึ่ง
ซึ่งหนังก็ถ่ายทอด การมี “ชีวิต” ได้เป็นอย่างดีว่ามันงดงามเพียงใด
Breath ถือว่าเป็นหนังอาร์ตยุค 60 เนี๊ยบ ๆ ที่ดูเพลิน ๆ คือลำพังดูอาร์ตก็ทำให้พึงพอใจได้แล้ว ซึ่งพอเนื้อเรื่องกับการเล่าแบบตัดต่อเน้นปลอดภัย อาจไม่ได้ให้อะไรใหม่ แต่ก็ทำออกมาได้ดีจนสามารถดูได้จนจบโดยไม่รู้สึกติดขัด ตัวหนังมีเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจได้อยู่เยอะ ทำให้เรารู้สึกอยากจะสู้ต่อไป เป็นหนังที่เหมาะกับการดูเพลิน ๆ หรือไม่ก็สร้างแรงบันดาลใจเวลาเราอยากทำอะไรยิ่งใหญ่นั่นเอง
Breathe - ใจบันดาลใจ
"เป็นหนังที่มีแสงสว่างผ่านช่องเล็กๆจากความเศร้าและหดหู่"
ช่วงแรกของหนัง ไม่ค่อยบอกพื้นฐานตัวละครเท่าไรนัก จนเหตุการณ์ที่พระเอกโรบิน (Andrew Garfield) เป็นโรคโปลิโอ ช่วงนั้นหนังทั้งเครียดทั้งหดหู่ พระเอกต้องอยู่ในโรงพยาบาล เรารู้สึกว่าตอนนั้นมวลๆที่หัว มันเครียดอยู่ นึกภาพในหัวว่าถ้าเป็นเราเราจะรู้สึกอย่างไร (ช่วงนี้หนังสื่อเนื้อหาออกมาได้ดีเลยทีเดียวแหละ)
จากนั้นเราก็เริ่มเห็นแสงสว่าง โดยมีนางเอก (Claire Foy) เป็นผู้ชี้นำโรบิน จริงๆแล้วไม่ง่ายเลยที่คนป่วยคนหนึ่งจะมีแรง และกำลังใจ แต่เรื่องนี้บอกให้เรารู้ว่า ถึงแม้เราจะลำบากขนาดไหน แต่ถ้าเรามีกำลังใจที่ดี เราก็จะผ่านตรงนั้นไปได้
เนื้อเรื่อง มีส่วนที่เรารู้สึกว่าเฮ้ย มันไม่น่าจะเป็นไปได้นะ (ถ้าดูไม่คิดอะไรมาก ก็จะดีมาก) ก็ต้องยอมรับว่าพระเอกเรื่องนี้มีความโชคดีในหลายๆด้าน โชคดีมากจริงๆ (ดูไปอิจฉาไป)
มุกตลกของหนังก็มีให้เรายิ้มกรุ้มกริ่มตลอดเวลา Andrew Garfield นี่เล่นได้ดีมาก แบกทั้งเรื่องเอาไว้ มุมเครียดก็เครียด ฉากไหนฮา ก็แสดงสีหน้าได้ดีสุดๆ ถึงแม้จะนอนทั้งเรื่อง แต่ด้วยการแสดง เราก็ยอมรับว่าแสดงได้ดีจริงๆ
นักแสดงสมทบ ก็แสดงได้ดีนะ ถือว่าเป็นสีสันให้กับหนังได้อย่างดีเลยหละ
ถึงแม้หนังจะมีช่วงน่าเบื่อ แต่เนื้อหาของหนัง ความเข้มข้นของเนื้อเรื่อง ก็ทำให้เรารู้สึกว่า สองชั่วโมงมันเร็วจริงๆ
ผมก็แนะนำนะครับ เป็นหนังให้กำลังใจ และเตือนสติตัวเองและคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี ตีตั๋วดูกันเลยครับ :))
สรุปผลวิจารณ์หนัง