0 Blade+Runner+2049+-+%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%94+%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C+2049

Blade Runner 2049 - เบลด รันเนอร์ 2049

เข้าฉาย 5 ตุลาคม 2560
ผู้ชม : 45,865
ผู้กำกับ : Denis Villeneuve (เดนิส วิลล์เนิฟ)
ความยาวหนัง : 165.00
Text Size

หนัง Blade Runner 2049 หรือชื่อไทยว่า เบลด รันเนอร์ 2049 เป็นเรื่องราวใน 30 ปีให้หลังจากภาคแรก เมื่อเจ้าหน้าที่เค (Officer K) ซึ่งนำแสดงโดย Ryan Gosling ที่เป็น "เบลดรันเนอร์" (Blade Runner) คนล่าสุดได้เข้ามาประจำการที่เมืองลอสแอนเจลิส ซึ่งเขาได้พยายามสืบข้อมูลของ "ริค เดซคาร์ด" (Rick Deckard) ซึ่งนำแสดงโดย Harrison Ford บุคคลหายสาบสูญไปนานถึงสามสิบปีเต็ม


หนัง Blade Runner 2049 หรือชื่อไทยว่า เบลด รันเนอร์ 2049 Thirty years after the events of the first film, a new blade runner, LAPD Officer K (Ryan Gosling), unearths a long-buried secret that has the potential to plunge whatandaposs left of society into chaos. Kandaposs discovery leads him on a quest to find Rick Deckard (Harrison Ford), a former LAPD blade runner who has been missing for 30 years.

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

24 ตุลาคม 2560 15:49:08

Bladerunner 2049
5 ตุลาคม 2560 | Denis Villeneuve

 

กำกับโดย Denis Villeneuve ผู้เป็นเจ้าของผลงาน Sicario และ Arrival หรือผลงานชวนฉงนอย่าง The Enermy ซึ่งถูกมองว่าจะเป็นผู้กำกับแห่งยุคในภายภาคหน้า แต่อาจไม่เหมาะกับคนที่ชอบหนังแอคชั่นโผงผาง เป็นไสตล์สืบสวนลึกด่ำ เสพอารมณ์และการตีความไปช้าๆ พร้อมกับฉากดิสโทเปียที่งามหยดย้อยทั้งหลาย

กลิ่นอายของผู้กำกับคนโปรดของผมยังคงครบทุกรส เป็นเอกลักษณ์เด่นที่ใช้ในหนังทุกเรื่อง ทั้งการใช้เพลงกดดันสุดหน่วง และการใช้ภาพกว้างเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราเล็กเพียงใดอยู่ตลอดเวลา ตามมาด้วยการกำกับการแสดงที่เหนือชั้น รวมไปถึงความกดดันด้วยสิ่งที่แทบจะไม่มีอะไรเลย

เบลดรันเนอร์ค่อยๆเดินเรื่องไปอย่างเชื่องช้า เป็นสไตล์สืบสวนสอบสวนไซไฟพังค์แบบโบราณ แต่ก็ให้กลิ่นอายร่วมสมัยอยู่เสมอ เป็นอาร์ตนัวร์แบบดิสโทเปียของมนุษย์ชาติที่ล่มสลาย ทำออกมาได้งดงามมากๆ มีกลิ่นอายของศิลปะแบบภาพวาดตลอดเวลา แค่เข้าไปเสพโปรดักชั่นก็คุ้มค่าเงินที่เสียไปแล้ว

ตัวเนื้อเรื่องมีความขัดแย้งระหว่างไซไฟยุคทองสมัยโบราณ (สมัยเรื่องสั้น IRobot ,Timemachine)  ผนวกกับไซไฟสมัยใหม่ได้อย่างกลมกล่อม เราจะได้เห็นการก้าวข้ามเส้นแบ่งของศีลธรรมในเรื่องตลอดเวลา ทั้งการเหยียดหุ่นยนตร์ มนุษย์ดัดแปลง การกดทับ AI การเล่นกับความทรงจำ ทาส การไปยุ่งกับความทรงจำของผู้คน การกักขังเพื่อความปลอดภัย และรวมไปถึงความถูกต้องแบบซุกใต้พรหมที่เรียกว่า “ความกลัว”

นอกจากนี้เนื่องจากเป็นหนังภายใต้การดูแลของริดรย์ สก๊อต ผู้ซึ่งให้กำเนิดเรื่องราวภาคแรกขึ้นมา จึงมีสัญญะของ “พระเจ้า” มาให้เห็น แต่เป็นในรูปแบบเปรียบเทียบ ไม่ใช่เยินยอหรือกดต่ำ การเปรียบเปรยว่าแรพลิแคนท์เป็นแองเจิล เป็นผู้ที่ “สมบูรณ์แบบกว่า” แต่กลับอยู่ใต้เป็นเบี้ยล่างเพื่อรับใช้มนุษย์ หรือการกำเนิดใหม่ของแองเจิล ก็สอดรับเข้ากันดีกับ David ในหนังไตรภาคเอเลี่ยนของตัวริดรีย์เอง รวมไปถึงความพยายามทำตัวเป็นพระเจ้าของวอลเลส

แต่ตัวเรื่องไม่เฉลยความขัดแย้งทั้งหลายของนิยายวิทยศาสตร์ เราต้องจับความเจ็บปวด ความก้าวข้าม และการเยียวยาไถ่บาปผ่านการแสดงที่ซับซ้อน ซึ่งทั้งไรอัน กอสลิ่งนักแสดงนำ ตัวละครเลิฟ ที่น้ำตาไหลทุกครั้งเมื่อต้องฆ่าใครซักคน แสดงออกมาได้โคตรเทพ เป็นการแสดงที่ซับซ้อนแปลกประหลาด เราจะได้เห็นอยู่ตลอดเวลาผ่านทั้ง AI ที่ต้องการความรัก หรือแรพพลิแคนท์ที่จำเป็นต้อง “ไม่รู้สึก” แต่ลึกๆแล้วก็รู้สึกมากมาย ไม่ว่าจะฉากร่วมรักแปลกประหลาดระหว่างโจกับจอย ฉากจับฝน ฉากจับหิมะ หรือฉากที่เจอจอยอีกครั้ง ฉากแต่ล่ะฉากออกแบบอารมณ์ที่เหนือจิตนาการ เป็นสัญญะที่งดงาม และเจ็บปวดมากๆ

เป็นหนังไซไฟในดวงใจ เป็นหนังสุดเนี๊ยบและงดงามสุดๆ เรียกได้ว่าเป็นผลงานชั้นดี แต่อาจเสพยากนิดหนึ่ง เพราะตัวหนังไม่ได้มีความบันเทิงด้านอื่นๆอย่างการแอคชั่น หรือบทตลก เบลดรันเนอร์2049 เต็มไปด้วยความกดดัน การก้าวผ่าน และการต่อสู้ที่หน่วงหนัก

แต่ก็น่าลอง แบลดรันเนอร์เป็นผลงานศิลปะชั้นเลิศชิ้นหนึ่งที่น่าเสพสรรพ

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
9
การดำเนินเรื่อง
8
ดนตรีประกอบ
9.5
ฝีมือนักแสดง
9.5
กราฟฟิก
10
คะแนนเฉลี่ย
9.2
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
13 ตุลาคม 2560 13:41:24

เงียบเหงา ตาเหลือง หลับเต็มตื่น - รีวิว Blade Runner ฉบับเด็กเดินตั๋ว

หลังจากตื่นเต้นกับภาพที่สวยงาม ราวงานศิลปะ และฉากเปิดที่ตราตึงและน่าสนุกอย่างยิ่ง ที่เหลือเต็มไปด้วยความเรียบนิ่ง เสมือนจริง ในหลาย ๆ ฉากต่อสู้แทบไม่ปรุงเสริมอารมณ์ใด ๆ ปล่อยให้จริงเสมือนเรายืนดูคนสองคนต่อยกัน ยิงกันเงียบ ๆ เจ็บ ๆ ประมาณนั้น คล้าย ๆ เรื่อง No Country For The Old Man ก็แหงล่ะ ผู้กำกับเดียวกัน แต่เรากลับชอบเรื่อง Sicario มากกว่านะ เรื่องนี้เต็มไปด้วยเสียงเอฟเฟกต์แผด ๆ แบบไซไฟ แต่บรรยากาศเงียบงัน ตราตรึงเด็กเดินตั๋วได้ด้วยแค่ภาพที่งามจับจิตมากทุกฉาก แต่ก็นั่นแหล่ะครับ.... หลับสบายใจเลย หลับลึกจนแทบฝัน ตื่นมาหนังก็ยังไม่จบ ก็ยังคงเต็มไปด้วยความเรียบนิ่ง มีความศิลปะสูงมาก ทำเอา Only God Forgive ดูตื่นเต้นเร้าใจขึ้นอีกสิบเท่าเลย 

ขอกล่าวถึงพระเอกหน่อยเถิด ไรอัล กลอสลิ่ง แสดงได้ดีมีแบรนด์คาแรกเตอร์อย่างมาก ดีเลยล่ะ เหมือนได้ชื่นชมไดร์ฟผสมผสานลาลาแลนด์ และ Only God Forgive ในเรื่องนี้เลย

 

ไม่แนะนำให้ดูแบบปกตินะ ไปดู IMAX เถิด คุ้มกว่าเกินแน่นอนครับ

 

-เด็กเดินตั๋ว-

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
6.5
การดำเนินเรื่อง
3
ดนตรีประกอบ
2
ฝีมือนักแสดง
6
กราฟฟิก
9
คะแนนเฉลี่ย
5.3
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
12 ตุลาคม 2560 23:45:27

Blade Runner 2049

นี่เป็นหนัง เหงาที่สุด ในปีนี้เลยก็ว่าได้ ...

บางคนอาจจะงงกับที่กล่าวไปเมื่อกี้ เพราะถึงแม้ในตัวอย่างหนังจะเต็มไปด้วยฉากแอคชั่น แต่เมื่อมาดูหนังจริง ๆ คุณก็จะรู้ว่ามันมีแค่ในตัวอย่างนั่นแหละ! หนังยาว 160 นาที แต่ฉากยิ่งสนั่น ต่อยกระจายมีไม่ถึง 15 นาที หนังเรื่องนี้อาจไม่ได้เจาะทุกคนทุกกลุ่ม ต้องบางคนเท่านั้นแหละที่จะชอบ (ส่วนตัวผมบอกเลยว่า แอบเซ็งกับตัวหนังพอสมควร แต่ก็มีส่วนที่ชอบนะ)

เล่าส่วนดีก่อนนะ 

1. Sound ประกอบหนังคือส่วนที่ดีมากๆของหนังเรื่องนี้ ต้องดู IMAX นะเสียงนี่สั่นถึงพื้นโรงหนังเลย แน่นอนผู้ผลิต sound เทพๆก็ต้อง Hans Zimmer ถือว่าเป็นส่วนที่ดีที่สุดของหนังจริง ๆ ฉากระเบิด ฉากยิง นี่เสียงสะใจมาก หรือเพราะดู IMAX ก็ไม่รู้นะ

2. ภาพหนังสวยมาก ดูในระบบ 3มิติสียิ่งสด มีความตื้นลึกของตัวหนัง (เอาจริง ๆ แค่นี้ก็คุ้มค่าตั๋วนะ) ชอบโทนภาพของหนังเรื่องนี้สุด ๆ 

3. เนื้อเรื่องที่แสดงถึงความเหงา ของเจ้าหน้าที่ K ที่รับบทโดย Ryan Gosling แสดงออกมาได้แม่งโคตรเหงา ดูแล้วก็คิดในใจ เหงาโว๊ยยยยยย ออกมาได้เลย

ส่วนที่แย่ 

1. เอาจริง ๆ ไม่ชอบตัวอย่างหนังเลย เหมือนหลอกเรามาดูอะ เราไม่ได้เตรียมใจว่าหนังมันจะแบบคุยทั้งเรื่องแบบนี้ ถามว่าเนื้อเรื่องโอเคมั้ย เราว่ามันโอเค แต่ตัวอย่างมันหลอกมาก เข้ามาดูจริง ๆ ที่หาวไปหลายรอบ อะไรจะคุยนานขนาดนี้ แถมหนังยังยาวถึงสามชั่วโมง เอาจริง ๆ หนังไม่ต้องยาวขนาดนี้ก็ได้นะ 

2. Harrison Ford ที่กลับมาแสดงภาคต่อ แต่เอาจริง ๆ ตัวหนังก็ไม่ได้สร้างให้เด่น เอาจริง ๆ เหมือนจะเด่นนะ แต่เราว่าไม่มีก็ได้ ไม่น่ากลับมาเล่นเลย ฮือออ

3. Jared Leto นี่ดูเป็นตัวร้ายที่ดีเลยนะ สมบทบาทมากจริง ๆ แต่ตัวหนังโดยเฉพาะตอนจบ คืออะไรเนี่ยยยยยย!!! ไม่ค่อยมีอะไรเลย เฮ้อ

สำหรับผมก็ชอบนะ ตัวหนังมันมีอะไรให้น่าติดตามตลอดเวลา แต่ด้วยความยาวที่มากเกิน บวกกับไม่ได้เตรียมใจไปดูอะไรแบบนี้ ก็แอบเซง ๆ 

แต่ผมว่าไปดูในโรงก็คุ้มค่าตั๋วแล้วละครับ ทั้งภาพ ทั้งเสียง ก็คุ้มค่าแล้วจริง ๆ

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
7
การดำเนินเรื่อง
1
ดนตรีประกอบ
10
ฝีมือนักแสดง
7.5
กราฟฟิก
9
คะแนนเฉลี่ย
6.9
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
GUEST
Sam
18 ตุลาคม 2560 19:47:10
นับว่าเป็นหนังที่ห่วยที่สุดที่ดูมา ดำเนินเรื่องแย่ ดนตรีนรก ที่ช้ำที่สุดHarrison Ford ดาราในดวงใจตามดูทุกเรื่องตั้งแต่Star warเมื่อ40ปีที่แล้วหรืออินเดีย หน้าโจร มาดูเรื่องนี้แล้วเสียความรู้สึกมาก ฝรั่งที่นั่งข้างหลับกรนสนั่นเลย
12 ตุลาคม 2560 22:21:33

ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกอนาคตสุดมืดหม่น บรรยากาศเปียกแฉะพรำน้ำฝน วิชวลไซไฟที่ให้ความรู้สึกเย็นชาไร้ชีวิตชีวา ทั้งหมดล้วนบั่นทอนความฝันถึงโลกอนาคตที่สดใส แต่คือความสิ้นหวังร้างไร้ซังกะตาย ชวนให้นึกถึงความเหมือนที่แตกต่างระหว่างจินตนาการของ Mad Max: Fury Road (2015) ของ George Miller กับ Blade Runner 2049 ของ Denis Villeneuve ในขณะที่เรื่องแรกคือการจำลองโลกอนาคตสิ้นหวังที่ระเบิดฉากแอคชั่นไล่ล่ากันอย่างสุดเหวี่ยง เรื่องหลังคือการค่อย ๆ ละเลียดเล่าจินตนภาพที่สิ้นหวังอย่างถึงที่สุดภายหลังฉากหม่นของโลกดิสโทเปียที่ฝนตกตลอดเวลา

Denis Villeneuve เป็นผู้กำกับไม่กี่คนที่ไม่ว่าจะมาในผลงานครั้งไหนก็แทบจะเรียกได้ว่าท็อปฟอร์มตลอดเวลา หนังของ Villeneuve ไม่จำเป็นต้องแปลกใหม่ด้วย Big Idea หรือห่อหุ้มด้วยความหวือหวาโดดเด้งมากมาย แต่เขามีจินตนาการทางวิชวลและจังหวะจะโคนที่หนักแน่นชัดเจนและสร้างภาษาภาพทางการเล่าเรื่องใหม่ ๆ ได้อย่างน่าสนใจ เขาไม่มัวเล่นสนุกกับการเล่าเรื่องด้วยพล็อตและจังหวะตัดต่อบีบคั้นคนดู แต่ใช้ศักยภาพทุกอย่างของภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็นการใช้แสงและเงา การเคลื่อนกล้อง ความสมจริงของการดีไซน์ CGI และซาวด์ประกอบค่อย ๆ ประกอบร่างสร้างการเล่าเรื่องได้อย่างเต็มอรรถรสในทุกมิติ

แม้ Feedback ที่มีต่อตัวหนังหลาย ๆ เสียงจะค่อนข้างเป็นไปในทางเบื่อหน่าย หรือคนดูรู้สึกว่าถูกหลอก เพราะในความยาวเกือบสามชั่วโมงนั้น หนังมีสัดส่วนของฉากแอคชั่นหรือฉากเร้าอารมณ์น้อยกว่าหนังแอคชั่นบล็อกบัสเตอร์ทั่วไปอยู่มาก ซึ่งก็อาจจะเป็นเรื่องที่ต้องโทษกลยุทธ์ทางการตลาด เพราะถ้าจะพูดในส่วนของคุณภาพหนังล้วน ๆ ก็ไม่เกินไปนักที่จะกล่าวว่า Blade Runner 2049 เป็นหนังที่แทบจะสมบูรณ์พร้อมแทบทุกด้าน และนำทุกศักยภาพของภาพยนตร์กลับมามีชีวิตบนจอภาพยนตร์ได้อย่างงดงาม การจะดูหนังเรื่องนี้จึงอาจต้องละวางความคาดหวังที่ผูกติดกับหน้าหนังเพื่อจะดื่มด่ำกับอรรถรสอีกแบบ และเป็นไปได้ขอแนะนำให้ชมในระบบ Imax เพราะเราจะได้เห็นรายละเอียดองค์ประกอบภาพที่จัดวางอย่างพิถีพิถันได้อย่างเต็มที่ เพราะทุกฉาก ทุกช็อต ทุกการจัดวางล้วนถูกคิดมาอย่างดีแล้ว ถือเป็นประสบการณ์ที่คงจะขาดหายไปไม่น้อยหากเราเลือกชมหนังเรื่องนี้ในคอมพิวเตอร์หรือจอทีวี

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
9.5
การดำเนินเรื่อง
9.5
ดนตรีประกอบ
9.5
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
10
คะแนนเฉลี่ย
9.5
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
5 ตุลาคม 2560 18:08:57

Blade Runner 2049 - เบลดรันเนอร์ 2049

163 min | Sci-fi/Thriller | Directed by Denis Villeneuve 

นี่คือบทพิสูจน์ว่า เดอนี วิลเนิร์ฟ คืออีก 1 ผู้กำกับชั้นยอดในช่วงขณะนี้ เขาพัฒนาได้อย่างรวดเร็วจากหนังภาษาต่างประเทศสู่ฮอลลีวูด ครั้งนี้วิลเนิร์ฟกลับมาสานต่องานไซไฟคลาสสิกขึ้นหิ้ง โดยเรื่องราวผ่านมาจากภาคแรก 30 ปี เจ้าหน้าที่ เค เบลดรันเนอร์ที่คอยเก็บกวาดมนุษย์เทียมรุ่นเก่า จนไปพบเบาะแสบางอย่างที่นำพาไปสู่ปริศนาที่จะเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ! 

ภาคนี้ขยายความล้ำลึกที่ภาคแรกทำไว้ ซึ่งอย่างที่ผมเกริ่นไปข้างต้นถึงความยอดเยี่ยมของผู้กำกับ เพราะเบลดรันเนอร์ 2049 นอกจากจะคลาสสิกมีสเน่ห์ไม่ต่างจากภาคแรกแล้ว หนังยังเต็มไปด้วยความงดงามทางภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นดนตรีประกอบที่โดดเด่น งานภาพที่ประณีต สวยงาม มีซีนที่น่าจดจำมากมาย งานคราฟต์โดยรวมจึงออกมาดีมาก อีกทั้งการแสดงของดารานำ สมทบในเรื่องก็ออกมายอดเยี่ยม มีลุ้นออสการ์ในหลายสาขาอย่างแน่นอน 

หากใครต้องการที่จะชมภาคนี้ แม้ว่าผกก. หรือบางคนอาจจะบอกไว้ว่าไม่จำเป็นต้องดูภาคแรกก็ได้ แต่สำหรับผมผมว่ามันจำเป็นมากในหลาย ๆ บริบทเลยนะครับ อย่างแรกเลยคือเนื้อหามันก็มีความต่อเนื่องกัน มีการพูดถึงเหตุการณ์ในภาคแรกบ้าง ทำให้จะดีกว่ามากหากดูมาก่อน และอีกอย่างคือ เบลดรันเนอร์ ไม่ใช่หนังไซไฟที่มีฉากบู๊ฉากแอคชั่นตูมตามมากมาย เพราะนี่เป็นหนังปรัชญาไซไฟที่มีสไตล์การเล่าเรื่องในแบบของตัวเองและเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งสองภาคนี้มีกลิ่นอายเหมือนกัน ฉะนั้นการได้ชมภาคแรกมาแล้ว จะทำให้เข้าใจอารมณ์และโทนของเรื่องได้ดีกว่า 

โดยรวมนี่แทบจะเป็นหนังที่ผมชอบมากที่สุดในปีนี้เลย มันเป็นหนังที่ตอนดูตื่นตา และสนุกมากในการพูดคุยถึงสิ่งต่าง ๆ ในเรื่องหลังดูจบ ใครที่ชอบเสพย์หนังไซไฟล้ำลึก ห้ามพลาด! โดยเฉพาะในระบบ IMAX เพราะงานภาพ งานเสียง จัดเต็ม คู่ควรในการดูระบบนี้มากจริง ๆ ครับ 

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
9.5
การดำเนินเรื่อง
9
ดนตรีประกอบ
10
ฝีมือนักแสดง
9.5
กราฟฟิก
10
คะแนนเฉลี่ย
9.6
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
8 ตุลาคม 2560 19:18:32
ไม่สนุกเลย
พากษ์ไทยไม่ตื่นเต้น..
เสียดายตังค์..

ความคิดเห็น (0)

GUEST
เรยเยย
14 ตุลาคม 2560 11:54:01
ห่วยมาก เสียดายตั่วนังฟรี เอาคืนมา หลับคาโรงนัง ดูได้ 20นาที เดินออก เบาๆๆจ้า เสียดายตังไม่นุกเรย
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย