0 Hell+or+High+Water+-+%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B8

Hell or High Water - ปล้นเดือดล่าดุ

เข้าฉาย 18 สิงหาคม 2559
ผู้ชม : 7,463
ผู้กำกับ : David Mackenzie (เดวิด แมคเคนซี่)
ความยาวหนัง : 105.00
Text Size

หนัง Hell or High Water หรือชื่อไทย ปล้นเดือด ล่าดุ ภาพยนตร์แนวสืบสวน ผสมแอ็คชั่น ที่ได้เข้าฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์ จากผลงานการเขียนบทโดย เทย์เลอร์ เชอริแดน จาก Sicario และกำกับภาพยนตร์โดย เดวิด แม็คเคนซี่ จาก Starred Up เรื่องราวชีวิตของพ่อม่ายลูกหนึ่ง ที่มีน้องชายเคยติดคุก ร่วมมือกันวางแผลปล้นครั้งใหญ่ เพื่อรักษาฟาร์มที่เป็นสมบัติของครอบครัวเอาไว้ จนพวกเขาต้องถูกหมายหัวจากนายอำเภอ ชนิดที่ว่ากัดไม่ปล่อย โดยได้นักแสดงอย่าง คริส ไพน์, เบน ฟอสเตอร์ และ เจฟฟ์ บริดเจส มาร่วมประชันบทบาท 

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

30 สิงหาคม 2559 03:19:05

Hell or High Water

คะแนนความชอบส่วนตัว 8.5 / 10
..

 

                                 เรื่องราวของ 2 พี่น้อง Tanner (Ben Foster) และ Toby (Chris Pine) ที่เลือกเส้นทางการเป็นโจร โดยออกตะเวนปล้นธนาคาร เพื่อจุดประสงค์บางอย่างที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้นกว่าเดิม โดยมีเจ้าที่ตำรวจ 2 คู่หู Marcus ( Jeff Bridges) และ Alberto ( Gil Birmingham ) รับภารกิจออกไล่ล่า..
..

 

                                     หนังทั้งเรื่องจะโฟกัส ชีวิตของทั้ง 4 คน โทนหนังทั้งเรื่องเป็นสภาพบรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่ดูแห้งแล้ง โดยมีนัยยะสำคัญ ที่จะแสดงออกกลายๆ ว่า ชีวิตผู้คนอยู่ในช่วงวิกฤติแร้นแค้นด้วย สภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง หนังวางเฟรมภาพได้ดี มีนัยยะแอบแฝง อย่างเช่น ช่วงเวลาที่รถขับผ่านเราจะสังเกตุเห็นป้าย พวกปล่อยเงินกู้ตลอดทางที่ผ่าน ทำให้เราสามารถตอบโจทย์ของสาเหตุที่ 2 พี่น้องเลือกเส้นทางการเป็นโจรปล้นธนาคารโดยไม่ต้องรอถึงตอนจบ
..
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในหนังเรื่องนี้ คงเป็นบทสนทนาที่เชือดเฉือนต่อปากต่อคำกัน ระหว่างคน 2 คน ทั้ง 2 คู่ มันดูยอกย้อน เถียงกัน เย้ยหยันกัน แต่มันไม่ดูไร้แก่นสาร และหยาบคายจนเกินไป เพราะสิ่งที่พูดออกมากัน บทหนังทำให้มันดูเหมือนเป็นบทพูดที่ดูฉลาด และมีความหมายแอบแฝง และมีที่มาที่ไป ซึ่งทำให้อารมณ์ของคนดูไหลลื่นไปกับหนังโดยไม่รู้ตัว เพราะคำพูดเท่ๆและฉลาด ที่บทใส่เข้ามา
..
การแสดงของ ทั้ง 4 คนทำได้ดีตามบทที่ได้รับ โดยเฉพาะ คริส ไพน์ ที่เปลี่ยนไปแตกต่างจากลุคที่เราคุ้นเคย บทแต่ละคน แตกต่างไปคนละแบบ โจรที่ต้องใช้กำลังรุนแรง เพื่อให้ตัวเองสมหวังตามต้องการ ไม่สนแบบแผนเท่าไหร่เพราะคิดว่าตนแน่มีประสบการณ์สายนี้มากกว่า กับโจรอีกคนที่ต้องการปล้น แต่ไม่ต้องการให้ใครเจ็บตัว อีกด้านนายตำรวจที่จะถึงวัยเกษียณมีประสบการณ์มากกว่า และยังไฟแรงเสมอ กับอีกคน เรื่อยๆ นิ่งๆ ซึ่งเราจะเห็นได้ ว่ามิติตัวละครต่างกัน แต่พอมาอยู่ในฉากเคมีกับเข้ากัน เลยเกิดบทสนทนาที่ถึงพริกถึงขิง
..
ผมชอบอารมณ์ที่หนังทำออกมาแล้วเรารู้สึกว่า การที่ 2 พี่น้องออกปล้น ในทางกฎหมายคือมันผิดแน่นอน แต่เรากับรู้สึกว่า อยากลุ้นเอาใจช่วยให้ 2 พี่น้องรอดการจับกุม สิ่งที่ทำให้เราคิดแบบนี้ ต้องยกเครดิตให้ผู้กำกับและคนเขียนบท ที่วางเฟรมภาพ การดำเนินเรื่อง และบทพูดที่กลั่นกรองออกมาตั้งแต่ต้นจนจบทำให้เรามีอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้ อย่างที่บทสนทนาหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า "ความจนก็เหมือนโรคร้าย ที่เราติดเชื้อมาจากรุ่นสู่รุ่น " แค่ Toby ต้องการจะหลีกหนีจากโรคร้ายนี้ก็แค่นั้น แม้จะผิดกฎหมาย หรือผิดศีลธรรมแต่เขาเลือกที่จะทำเพื่อให้ ครอบครัวและลูกๆเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จนถึงท้ายสุด ผู้กำกับเลือกที่จะจบแบบปลายเปิดนิดๆ ให้เราคิดต่อว่าเหตุการณ์หลังจากนั้นจะเป็นเช่นไร
..
มีบทพูดหนึ่งที่ Alberto นายตำรวจลูกครึ่งเม็กซิกัน (แต่ Marcus ชอบล้อเขาว่ามีเชื้อสายอินเดียนแดง) พูดกับ Marcus นายตำรวจคู่หูอเมริกัน " บรรพบุรุษของผมเคยอยู่อาศัยที่ดินแดนนี้มาก่อน จนถูกพวกคนขาวอย่างพวกคุณมาปล้นแย่งเอาไป มาถึงตอนปัจจุบันพวกคุณก็กำลังโดนเจ้าพวกนั้น (ธนาคาร) ปล้นพวกคุณอยู่ " จนเรามาคิดว่า พวกคนขาวใช้กำลังแย่งชิงดินแดนมาจนเสียเลือดเสียเนื้อทั้ง 2 ฝ่าย แต่ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง ก็สามารถแย่งดินแดนได้ " ระบบเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ กับ ความจน มันช่างน่ากลัวซะจริง "
..
Jurassic Boy / FB : ผีโรงหนัง

เครดิตบทความ : https://www.facebook.com/pheerongnang/

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
9
การดำเนินเรื่อง
8.5
ดนตรีประกอบ
8.5
ฝีมือนักแสดง
8.5
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
8.5
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)