เทริด - Serd
เข้าฉาย 19 พฤษภาคม 2559
ผู้ชม : 18,528
ผู้กำกับ
: เอกชัย ศรีวิชัย และ ภาคภูมิ วงษ์จินดา
ความยาวหนัง
: 103.00
Text Size
หนัง Serd หรือชื่อไทยว่า เทริด เทริด ภาพยนตร์แห่งศักดิ์ศรีและทัศนคติแห่งศิลปะของแผ่นดินใต้ ว่าด้วยเรื่องราวกว่าจะเป็นโนราห์ ศิลปะการแสดงอันเลื่องชื่อของดินแดนด้ามขวานทองในยุคสมัยใหม่ การสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น การเปลี่ยนผ่านและมุมมองของคนรุ่นใหม่ ถ่ายทอดผ่านการกำกับการแสดงของเอกชัย ศรีวิชัย
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
ความคิดเห็น (0)
GUEST
สุกันยา
20 พฤษภาคม 2559 07:10:59
ทำไมสุรินทร์ไม่ม่ฉายคะ อยากดูมากเลย
เทริด (เอกชัย ศรีวิชัย / Thailand / 2016)
ทุกปีจะมีหนังไทยประเภทที่ทำขึ้นเพื่อโปรโมตศิลปวัฒนธรรม การท่องเที่ยว ท้องถิ่น จังหวัด องค์กร หรือบุคคล ออกมาไม่น้อยนะเมื่อเทียบกับจำนวนหนังไทยในแต่ละปีที่มีอยู่ประมาณครึ่งร้อยเรื่อง อย่างปีนี้ยังไม่ถึงครึ้งปีก็มีแล้วทั้ง เทยทอมเกย์ เฮป่วนเมือง (เอกอนันต์ ดวงดาว) เป็นหนังไทยเปิดปีเรื่องแรก เกี่ยวกับภารกิจปล้นเพชรปล้นพลอยของแก๊งโจรกะเทยที่แวดล้อมด้วยฉากหลังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดหนองคาย มนต์รักขุมคำ (สุรสีห์ ผาธรรม) หนังรักตลกใสซื่อแบบอีสาน โปรโมต ภูฆ้องคำ สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ของอุบลราชธานี วานรคู่ฟัด (นนทกร ทวีสุข) ซึ่งเอาเข้าจริงหมุดหมายปลายทางของคนทำก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาเพราะต้องการโปรโมตวัฒนธรรมอะไรหรอก เพียงแต่ประเด็นอนุรักษ์มันมีให้เห็นชัดไม่แพ้หนังกลุ่มนี้ เป็นหนังแอคชั่นดูเพลินที่ตั้งใจหยิบเอามวยไทยโบราณมาเล่าผ่านตัวละครพระเอกนางเอกที่สวมหัวเป็นหนุมานและเฮ่งเจียผสมผสานสองวัฒนธรรมการต่อสู้ของไทยและจีนเอาไว้ได้สนุกน่าดูชม ฮักในกระติ๊บข้าว (เข็มทอง โมราษฎร์) หนังกึ่งสารคดีที่หยิบเอากระติบข้าวเหนียวมาเล่าอย่างน่ารักน่าสนใจ อ้อมกอดเขมราฐ (ฤทธ ปกกฤตยหริบุญ) หนังรักของคน 3 คู่ โปรโมทการท่องเที่ยวของเขมราฐ อุบลราชธานี ที่สอดแทรกมุมลบของโรงพยาบาลและอาชีพหมออย่างขึงขัง เชื่อมโยงชนบทไทย-ลาวริม 2 ฝั่งโขงผ่านความรักความเมตตาของตัวละคร และ เทริด (เอกชัย ศรีวิชัย) เรื่องราวการสืบทอดการรำโนราห์จากรุ่นสู่รุ่น ไปจนถึงความลึกลับศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าผ่านความสัมพันธ์พ่อลูก และความรักระหว่างหนุ่มสาวโนราห์ ซึ่งต้องบอกว่านอกจาก วานรคู่ฟัด ที่โดดเด่นด้วยแพสชั่นของคนทำที่ตั้งใจพิถีพิถันกับการออกแบบและกำกับฉากแอคชั่นให้ไหลลื่นดูเพลินแล้ว เทริด ก็เป็นหนังในกลุ่มนี้ที่คนทำรังสรรค์จากแพสชั่นได้โดดเด่นไม่แพ้กันอีกทั้งยังหลงเหลือความงดงามให้น่าค้นหามากที่สุด
ภายใต้ความหลงใหลในโนราห์อันเต็มเปี่ยมทำให้ เอกชัย ศรีวิชัย ทำหน้าที่ผู้กำกับได้อย่างน่าดูชม หน้าที่อีกอย่างหนึ่งนอกจากบทบาทเป็นผู้กำกับแล้วเขายังต้องแบกรับตัวละครสำคัญของเรื่องซึ่งเขาก็รับใช้บทบาทครูโนราห์ผู้ฝืนชะตาการดำรงอยู่ของโนราห์จนนำมาสู่โศกนาฏกรรมสุดสลดได้อย่างดีงาม ส่งต่อความรู้สึกศรัทธาไปถึงนักแสดงอีกหลายคนได้อย่างแรงกล้า โดยเฉพาะกับพระเอก ไพศาล ขุนหนู ที่ร่ายรำได้สง่างามมาก
ถึง เอกชัย ศรีวิชัย จะไม่ได้เป็นผู้กำกับหนังมือฉมัง และภาพจำของเขาคือนักร้องที่ร้องรำทำกินงานแสดงเป็นกับแกล้ม แต่ความเป็นไปได้ในการเล่าเรื่องราวของศิลปะแขนงหนึ่งอย่างโนราห์ที่ถูกถ่ายทอดบรรจุไว้ในท่วงท่าของศิลปะอีกแขนงอย่างภาพยนตร์ไม่ใช่เรื่องเกินความตั้งใจจริงของผู้กำกับที่จะสามารถรังสรรค์ออกมาให้กรุ่นกลิ่นความจริงใจมหาศาลซึ่งเป็นสิ่งที่เรามองหาจากหนังจำพวกเชิดชูศิลปวัฒนธรรมหรือเทิดทูนบุคคลองค์กรต่างๆ เป็นกาวประกอบที่ทำให้คนดูไม่รู้สึกถูกยัดเยียดความดีงามที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้น จนบางทีการยกยอแบบโต้งๆ จนเกินลิมิตที่คนดูกลุ่มเป้าหมายในส่วนที่เป็นคนนอกซึ่งคนทำหนังหวังว่าหนังจะเชื้อเชิญให้รู้สึกปลื้มปิติยินดีไปกับเรื่องราวความดีงามนั้นๆ จะรับมือได้
ซึ่ง เทริด ก็เป็นหนังที่แสดงให้เห็นทั้งแง่ความงามของศิลปะจรรโลงโลก และในแง่ของโศกนาฏกรรมดิ่งดำมืดซึ่งนำบทเรียนมาให้คนดูได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับตัวละคร ถึงมันจะเกิดความรู้สึกย้อนแย้งอยู่มากก็ตามกับความต้องการที่อยากจะเผยแผ่โนราห์ตามที่ตัวละครหวัง แต่หนังกลับปิดท้ายหนังด้วยเท็กซ์ที่สื่อว่าการลบหลู่โนราห์นั้นน่ากลัวชนิดที่ทำให้เกิดอาถรรพ์เภทภัยได้ มันคงทำให้คนดูยิ่งขยาดที่จะเข้าไปเรียนรู้เข้าไปแตะต้องสัมผัสโนราห์ใกล้ๆ และไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คนทำต้องการจะสื่อผ่านหนังมันคืออันเดียวกันกับมุมมองความคิดที่เราได้จากหนังหรือไม่ แต่ทำนองตอนท้ายที่คล้ายจะบอกเป็นนัยว่า หากไม่ไหวก็อย่าฝืนเลยที่จะรักษาโนราห์เอาไว้ ปล่อยให้มันเป็นไปตามการคัดสรรของยุคสมัยเสียเถอะ นั้นก็ถือว่าเป็นความกล้าหาญของคนทำที่ซื่อสัตย์ต่อความเป็นไปในโลกแห่งความเป็นจริงอย่างน่าชื่นชม
แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วหนังไม่ได้ดีเด่นในแง่ฝีไม้ลายมือที่ทำให้หนังทั้งเรื่องสมบูรณ์แบบ บทพล็อตเชยๆ ชวนเบื่อและประเด็นสำคัญที่ยังขัดแข้งขัดขากันเองอยู่หลายจุดยังคงเด่นชัดซึ่งก็เป็นจุดที่ทำให้ความรู้สึกแรกหลังเดินออกจากโรงไม่ค่อยชอบหนัง แต่อีกวันสองวันต่อมายิ่งเมื่อได้นั่งมองลึกลงไปในรายละเอียดยิบย่อยแล้วคุณงามความดีของหนังกลับตบตีกันกับส่วนที่ไม่ชอบของหนังได้อย่างน่าสนใจ จนมันแตกแขนงขบคิดต่อไปได้ในหัวของเราเอง ความเชยกลายเป็นจุดเบาบางที่ทำให้จิตวิญญาณของคนทำที่มีต่อโนราห์ยิ่งเด่นชัดสว่างสวยงามมากขึ้น และดูเหมือนว่าขณะที่นั่งเขียนอยู่นี้ เทริดก็ได้หยั่งรากเกาะกุมพื้นที่สมองไปเรียบร้อยแล้ว เริ่มยากที่จะสลัดเทริดออกจากหัวจริงๆ แล้วสิ
สรุปผลวิจารณ์หนัง