Elvis & Nixon - เอลวิส พบ นิกสัน
หนัง Elvis & Nixon หรือชื่อไทยว่า เอลวิส พบ นิกสัน วันที่ 21 ธันวาคม ปี 1970 เอลวิส เพรสลีย์ (ไมเคิล แชนนอน) บินตรงไปยังวอชิงตัน ดีซี เพื่อโน้มน้าวให้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ริชาร์ด นิกสัน (เควิน สเปซี่ย์) แต่งตั้งเขาเป็น ''เจ้าหน้าที่รัฐ'' ระหว่างที่เอลวิส รออยู่หน้าทำเนียบขาวพร้อมกับคู่หู เจอร์รี่ ชิลลิ่ง (อเล็กซ์ เพ็ตติเฟอร์) เขาวานให้ยามรักษาความปลอดภัยยื่นจดหมายถึงประธานาธิบดีเพื่อขอพบเป็นการส่วนตัว ขณะเดียวกันสองที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาว เอกิล โครก (โคลิน แฮงส์)
และดไวท์ แชปิน (อีวาน ปีเตอร์ส) ก็เห็นโอกาสว่าการพบปะระหว่างเพรสลีย์กับประธานาธิบดีเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการหาเสียง ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจใช้เงื่อนไขคือเพรสลีย์จะเข้าพบประธานาธิบดีนิกสันได้ก็ต่อเมื่อเขามอบลายเซ็นให้แก่จูลี่ ลูกสาวของประธานาธิบดี จนกระทั่งเมื่อผู้ทรงอิทธิพลทั้งสองคนเจอกัน มิตรภาพต่างสไตล์สุดขั้ว ต่างวัฒนธรรมก็เริ่มต้นขึ้น
Elvis & Nixon (Liza Johnson / USA / 2016)
ส่วนตัวแล้ว ไม่ได้รู้จักทั้ง Elvis กับ Nixon สักเท่าไหร่ รู้แค่ว่า คนหนึ่งเป็นนักร้องร็อกแอนด์โรลล์ ที่โคตะระจะดัง ในยุคสมัยหนึ่ง และอีกคน เป็นนักการเมือง อดีตประธานาธิบดี ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา และเหตุผลแรก ที่อยากดูหนังเรื่องนี้ คืออยากรู้จัก Elvis กับ Nixon ให้มากขึ้น เหตุผลที่สอง คือหน้าหนังดูผู้ชายๆ แต่ผู้กำกับเป็นผู้หญิง และเหตุผลสุดท้ายที่สำคัญกว่าอันไหน ก็คืออยากเห็น Michael Shannon ในมาด ชุดร็อกแอนด์โรลล์ หวีผมจัดทรงมันวับเล่นเป็น Elvis Presley!! แต่พอได้ดูหนังจริงๆ แล้ว ความอยากดูจากเหตุผลแรก ต้องบอกว่าน่าผิดหวัง กับเหตุผลที่ 2 ก็ไม่เห็นมุมมองอะไรที่ แตกต่างมากมาย แต่กับเหตุผลสุดท้ายนั้น ดูเพลินเริงใจตลกขำขันมากทีเดียว
Elvis & Nixon ไม่ใช่หนังชีวประวัติ? ที่เล่าประวัติชีวิตบุคคลอย่างจริงจัง และมีแก่นสารอะไรเข้มข้น ให้จับต้อง แต่เป็นหนังประเภทเย้ยหยัน ที่เต็มไปด้วยลูกเล่นลีลา ทางมุกขยี้กับบทสนทนา และสถานการณ์ที่ต้องคาดเดา จากการตั้งคำถามว่าครั้งที่ Elvis เข้าพบ Nixon ซึ่งมีรูปถ่ายบันทึก เป็นหลักฐานเอาไว้จริงนั้น แท้จริงแล้วเขาคุยเรื่องอะไรกันนะ จนนำ มาซึ่งมุกล้อเลียนเอกลักษณ์เฉพาะตัว ของตัวละครหลักทั้งสองคน ที่เคยมีชีวิตจริงในประวัติศาสตร์ ได้อย่างแสบสันต์ สังเกตได้จาก เสียงหัวเราะของคนดู ก็วัดได้แล้วว่ามุกล้อ แต่ละมุกที่ขยี้อยู่ตลอดนั้นมันได้ผลเลยล่ะ
การที่ได้เห็น Michael Shannon เล่นเป็น Elvis นั้นแรกๆ ค่อนข้างขัดตา แต่ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็น Elvis ที่น่าสนใจดี ด้วยภาพจำส่วนตัว กับนักแสดงมีฝีมือคนนี้ นั้นมักจะเป็นบทร้าย หรือตัวละครโรคจิต ทำให้ภาพ Elvis ที่เห็นในหนังเรื่องนี้ นั้นพิเศษและสร้างเสน่ห์ เฉพาะให้กับตัวละคร ได้น่าจับจ้องดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่ออยู่ในโทนหนังตลกหน้าตายแบบนี้ ส่วนที่ผิดหวังก็คือ การที่ไม่ได้รู้จักบุคคลทั้งสองมากขึ้น สักเท่าไหร่นั่นแหละ แต่การที่มันไม่ได้เป็นหนัง ที่ตั้งต้นไว้ให้ใส่ใจส่วนนี้อยู่แล้ว ก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับมันอีก เมื่อมันตลก และสร้างความสนุกได้พอตัว แต่อีกที..ก็ทำให้มัน กลายเป็นแค่หนังที่เหมาะ สำหรับดูคลายเครียดคั่นเวลา เท่านั้นแหละ
ปล. ตลกดีอีกอย่างหนึ่งคือ การได้เห็น Evan Peters อยู่ในหนังเรื่องนี้ แล้วยังมีความรู้สึกว่ายังเป็น Quicksilver อยู่เลย แต่เป็น Quicksilver ในแบบฉบับที่ทำงานทำเนียบขาว แต่ทำให้นึกถึง ฉากบุกเพนตากอนเข้าไปช่วย Magneto ใน X-Men: Days of Future Past เออ..ตลกดี
สรุปผลวิจารณ์หนัง