Maze Runner 2 : The Scorch Trials - เมซ รันเนอร์ : สมรภูมิมอดไหม้
เข้าฉาย 17 กันยายน 2558
ผู้ชม : 31,782
ผู้กำกับ
: Wes Ball (เวส บอล)
ความยาวหนัง
: 149.00
Text Size
หนัง Maze Runner: The Scorch Trials หรือชื่อไทยว่า เมซ รันเนอร์ : สมรภูมิมอดไหม้ เริ่มปล่อยของมาเรียกน้ำย่อยกันแล้ว กับภาพโปสเตอร์แรกจากภาพยนตร์ภาคที่สองของเหล่าชาวทุ่ง Maze Runner: The Scorch Trials ที่สร้างขึ้นจากนิยายขายดีเล่มที่ 2 จากผลงานการเขียนหนังสือของ เจมส์ แดชเนอร์ กำกับการแสดงโดย เวส บอล และยังคงได้นักแสดงชุดเดิมมาสานต่อเรื่องราวการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ Maze Runner โธมัส (ดีแลน โอ'เบรียน) และเพื่อนชาวทุ่งของเขายังคงต้องเผชิญกับความท้าทายอันยิ่งใหญ่ เช่น การตามหาเบาะแสแห่งความลึกลับและองค์กรที่มีอำนาจในนาม WCKD การผจญภัยครั้งนี้ได้พาพวกเขาไปที่ Scorch พื้นที่ว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยอุปสรรคที่คาดไม่ถึง พวกเขาต้องร่วมทีมกับนักต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ชาวทุ่งได้เข้ายึดอำนาจอันยิ่งใหญ่ของ WCKD และได้พบกับแผนการที่ทำให้ทุกคนถึงกับช็อค
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
ความคิดเห็น (0)
GUEST
NERT
4 มิถุนายน 2558 13:04:31
ดีมาก
Maze Runner :The Scorch Trials วิ่งระทึกนอนสต๊อป
ถือเป็นอีกเรื่องที่สานต่อจาก The Maze Runner ภาคแรกที่ฉายไปเมื่อปีที่แล้ว กระแสตอบรับค่อนข้างไปทางไม่ปลื้มซักเท่าไหร่ แต่จากรายได้ที่พอไปวัดไปวาได้ ทางค่ายเลยไฟเขียวสร้างภาคต่อทันทีเพราะหวังว่าการตีเหล็กในช่วงที่ยังร้อนๆน่าจะพอช่วยพยุงตัวหนังภาคต่อเอาไว้บ้าง ซึ่งส่วนตัวก็แอบหวั่นๆ เพราะค่ายนี้ทำแฮททริคหนังป่วยติดๆกันมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น F4 เวอร์ชั่นล่าสุด หรือแม้กระทั่ง Hitman รีบูท
จากภาพและโปสเตอร์ที่ปล่อยออกมา (โดยเฉพาะโปสเตอร์อันล่าสุดที่ใช้กันแพร่หลายทั่วไป) ถึงขั้นกุมขมับว่าทำไมฝ่าย AW เรื่องนี้ถึงได้ออกแบบโปสเตอร์หลักออกมาได้ห่วยคงเส้นคงวามาก จนทำให้ก่อนไปชมถึงกับทำใจให้ว่างทิ้งทุกอย่างไว้บ้านแล้วไปสนุกกับตัวหนังเลยทีเดียว ก่อนชมแอบไปส่องความยาวหนังมา ร่วมๆ 2 ชั่วโมงครึ่ง (หูยแม่เจ้า) ภาคแรกชั่วโมงกว่าๆเอง สงสัยภาคนี้ถ้าหนังบทไม่แน่นจริง คงเป็นอีก 1ความล้มเหลวของค่ายนี้แน่นอน
หลังจากที่ได้ชมตัวหนังทั้งเรื่อง ต้องขอบอกเลยว่า ตัวหน้ากล้าที่จะเปลี่ยนโทนหนังมาทางแนวนี้จริงๆเพราะเป็นแนวที่ตลาดกลาดเกลื่อนมากโดยเฉพาะหนังยุคหลังๆ แต่!มันเป็นความตลาดๆที่น่าติดตามตลอดทั่งเรื่อง ไม่ปฏิเสธเลยว่าฉากไล่ล่า หรือวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจากพวกแคร้งนั้น ทำเอาหัวใจเต้นแรงๆทุกฉากไปเลย ตัวหนังเดินเครื่องแบบเต็มสูบมากตลอดทั้งเรื่อง เนื้อหาเน้นๆมาเต็มๆ ไม่น่าเบื่อ (ส่วนตัวคิดว่ามันNon-Stopระดับน้องๆ Mad max 2015 เลยทีเดียว)
ถึงแม้จะดูดีเพอร์เพคในความเป็นหนังตลาดๆที่แฟนๆคนไทยต้องชอบแน่ๆ แต่ไม่วาย การวางปมการเฉลยปมในเรื่องนั้น มันดูแห้งๆมากเลยทีเดียว ไม่เหมือนภาคแรกที่ทำได้ดีในส่วนนี้ ซึ่งการผูกปมของเนื้อเรื่องน่าจะเว้นระยะให้คนดูสงสัยและติดตามพร้อมเดาเนื้อเรื่องล่วงหน้าไปก่อนซักพักก่อนที่จะตบท้ายด้วยการเฉลยปมต่างๆให้หายข้องใจ กลับกลายเป็นว่าในภาคนี้ ผูกปมปุ๊ป แป๊ปๆก็เฉลยปั้บแบบให้มันผ่านๆไป สุดท้ายหนังตัดจบได้แบบว่า ลองนึกถึงฟิลคนดูที่พึ่งชม Hunger Games Catching Fire หรือ Hobbit Desolation of Smaug จบเลยทีเดียว อยากให้ภาค 3 ฉายต่อไว้ๆ
ด้าน 3D และ CG ภาคนี้ถือเป็นภาคแรกที่มีการฉายในระบบนี้ ต้องขอบอกเลยว่า คุ้มจริงๆ เพราะแค่ฉากแรก เกล็ดหิมะก็ลอยออกมากระแทกตากันแล้ว ส่วนเอฟเฟค 4DX ถ้าใครชอบการกระแทกๆของเก้าอี้อาจจะไม่พอใจเท่าไหร่เพราะมีพอประมาณไม่ได้เยอะแยะแบบเรื่องอื่นๆ ที่เรียกได้ว่าเขย่าซะตกเก้าอี้เลยทีเดียว
สรุปเรื่องนี้ถึงแม้จะไม่เพอร์เฟคสุดๆในแบบที่น่าจับตามอง แต่มันก็ตอบโจทย์หนังที่ให้ความบันเทิงได้ดีทีเดียว ซึ่งมีเปอร์เซนที่จะทำรายได้ชนะภาคแรกได้ไม่ยาก 8/10 สาววายไม่ต้องห่วง หนุ่มๆจากภาคแรกยังมีโมเม้นท์ให้สาววายจิ้นได้เสมอ
สรุปผลวิจารณ์หนัง