Blue Giant - บลูไจแอนต์
หนัง Blue Giant เรื่องราวของ มิยาโมโตะ ได นักเรียนมัธยมปลายผู้เริ่มเล่นแซ็กโซโฟน เพราะหลงใหลในดนตรี จึงตัดสินใจเดินทางมาโตเกียวเพื่อไล่ตามความฝันก่อนได้ก่อตั้งวงดนตรีกับเพื่อนอีกสองคน ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาคือ การขึ้นแสดงที่ So Blue คลับระดับสูงชื่อดังให้ได้
Blue Giant Dai Miyamoto's life is turned upside down the day he discovers jazz. A former high school basketball player, Dai picks up a saxophone and begins practicing day and night, determined to become one of the greatest of all time. He leaves his sleepy hometown for the bustling nightclubs of Tokyo, but soon finds the life of a professional musician is not for the faint of heart. His passion eventually wins over the cocky but talented pianist Yukinori, and after Dai convinces his friend Shunji to learn the drums, they launch a new jazz trio whose rough sound contains a raw energy that quickly wins attention from local audiences. But what does it take to truly be great ?
เชื่อว่าหนังเรื่อง Blue giant จะกลายเป็นหนังดนตรี top 5 ของใครหลายๆคน อาจจะติด top 10 หนังในดวงใจใครหลายๆคนด้วย
บทหนังจริงๆดูเรียบง่ายมาก คือเด็กคนนึงอยากตามฝันเป็นนักดนตรีแล้วก็ออกเดินทางไปเมืองใหญ่ เจอเพื่อนเล่นดนตรี รวมวงกันจนได้ไปถึงจุดที่เล่นดนตรีมีคนมาฟัง ประสบความสำเร็จ คือไอเนื้อเรื่องง่ายๆนี่แหละ แต่เขาเอามาทำได้แบบว่า ถึงพริกถึงขิง แบบมันสุดจัดในแทบทุกมิติที่จะเป็นหนังเรื่องนึง ยกเว้นเรื่องรักโรแมนติกนะ
เรื่องนี้ออกฉายไป อาจจะทำให้ดนตรี Jass กลับมาเป็นที่นิยม รึเปล่าไม่รู้ แต่ตัวหนังน่าจะเป็นที่นิยม โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เคยไปดูมาแล้วรอบนึง อาจจะมีไปซ้ำอีกหลายๆรอบได้555
ว่ากันด้วยดนตรี Jazz นั่นมีรากมาจาก ดนตรีบลูส์ ซึ่งก็พัฒนามาเรื่อยๆจนเป็นเพลงป๊อปที่พวกเราฟังๆกันนี่แหละยิ่งสมัยนี่เพลงป๊อปนิยมเอาทางแจ๊สกลับมาใช้กลายแนว Neo soul อะไรพวกนั้นไป ส่วนตัวก็ไม่ได้รู้เรื่องเพลงแจ๊สมาก แต่เพลงแจ๊สของวงพระเอกน่าจะเป็นแนว Fusion Jazz มั่งไม่แน่ใจ แต่ก็ช่างแม่ง ในจุดนี้
เคยได้ยินมาว่าเพลงแจ๊สนั้นแค่อิมโพรไวส์หรือด้นสดกันขึ้นมาก็เป็นเพลงแจ๊สแล้ว ซึ่งในหนังก็มีจับเรื่องนี้มาเป็นประเด็นแล้วดันทรงพลังมาก น้ำตาแทบร่วงแล้วมันจะมีอีกหลายประเด็นในหนังที่ได้ฟิลแบบแรงบันดาลใจมากๆ มันจะฟิลแบบนี้..... ตอนต้นเรื่องเริ่มมา เปิดหัวมาด้วยตัวละครคิดแบบนี้ทำแบบนี้แล้วดำเนินไปเรื่อยๆ แล้วมันจะมีจังหวะคอนฟลิกท์มาหักแล้วเกิดเป็นแรงบันดาลใจสุดอิมแพคให้คนดู ซึ่ง คนดูไม่จำเป็นต้องรู้ดนตรีแจ๊ส หรือแม้กระทั่งรู้เรื่องดนตรีเลยก็อินไปกับหนังไม่ยาก รับประกันได้เลย
แล้วการคิดคาแรคเตอร์ อันนี้ต้องขอชมว่า ยอดเยี่ยมมาก เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องดนตรี แต่มันคือการให้เห็นชีวิตกับแนวคิดไปจนถึงการทำลายกำแพงของตัวเองและเติบโตหรือก้าวไปอีกขั้นนึงของคนๆนึง ซึ่งส่วนตัวให้ สิ่งนี้เป็นเมนหลักของหนัง และมันสุดยอดมากที่ทำให้กลมกลืนไปกับหนังได้อย่างแนบเนียนไร้ที่ติมาก
แนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ไปดูในโรงครับเรื่องนี้ ทั้งภาพและเสียง เรื่องราว มันต้องในโรงสักครั้ง ตั๋วไม่แพงด้วย
ส่วนตัวไปซ้ำแน่นอน
สรุปผลวิจารณ์หนัง