0 2538+%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%9A+-+2538+Alter-Ma-Jeeb

2538 อัลเทอร์มาจีบ - 2538 Alter-Ma-Jeeb

เข้าฉาย 19 มีนาคม 2558
ผู้ชม : 4,349
ผู้กำกับ : Yanyong
ความยาวหนัง : ไม่ระบุ
Text Size

ปี 2558 ในยุคที่ทุกอย่างดูรวดเร็วไปหมด ก้อง (เนตั้น - แดนอรุณ รามณรงค์)เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่มีเฟซบุ๊กเป็นบ้านหลังที่สอง มีสมาร์ทโฟนเป็นปัจจัยที่ห้า เขามองว่าความรักก็เหมือนการเล่นไลน์ รักแล้วไม่ต้องรอ ส่งสติกเกอร์เดี๋ยวเดียวรู้เรื่อง แน่นอนว่าเขาไม่เคยเข้าใจความรักของพ่อแม่ที่กว่าจะรักกันได้ต้องใช้เวลาขนาดไหน แต่ไม่ทันไร ก้องก็ได้รู้เรื่องสมใจ เมื่อเขาไปเจอเพจเจอร์เก่ากึ๊กของพ่อที่อยู่ดีๆ ก็มีข้อความส่งมาให้โทรกลับ แต่บังเอิญสมาร์ทโฟนคู่ใจแบตหมด เขาจึงไม่รอช้าควักเหรียญหยอดตู้โทรศัพท์โทรไปเบอร์นั้นทันที!
ก้องลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าตัวเองอยู่ในปี 2538 ปีที่วัยรุ่นทุกคนยังฟังเพลงผ่านเทปคาสเซ็ท วงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟอย่างวงพราว อรอรีย์ สไมล์บัฟฟาโล่ กำลังโด่งดังแบบสุดๆ และที่สำคัญวัยรุ่นยังจีบกันผ่านเพจเจอร์อยู่เลย ก่อนที่เขาจะได้พบกับพ่อหรือ ตั้มวัยหนุ่ม (แวน - ชนินทร จิตปรีดา) และแม่หรือ แหม่มวัยสาว (โฟน - ชลกาญจน์ พวงน้อย) ที่ยังเป็นวัยรุ่นอัลเทอร์ฯสุดจี๊ดแต่นั่นยังไม่จี๊ดเท่ากับได้เจอ ส้ม (ใบเฟิร์น - พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) เด็กสาววัยรุ่นสุดเปรี้ยวสมชื่อที่เขาตกหลุมรักเธอรวดเร็วราวกับส่งสติกเกอร์ไลน์ จนอยากเอาเธอมาจีบเสียเหลือเกิน แต่ดูเหมือนจะผิดที่ผิดทางผิดเวลาไปหน่อย เพราะส้มคือมือที่สามที่จะมาแย่งตั้มไปจากแหม่ม พูดง่ายๆ ส้มคือตัวแปรสำคัญที่เกือบจะทำให้เขาไม่ได้เกิดมา!
ก้องจึงต้องพยายามทำทุกทางเพื่อให้พ่อกับแม่ได้สมหวังกัน ขณะเดียวกันหัวใจเขาก็ได้เทให้ส้มไปหมดแล้ว เพราะเธอคือคนที่ทำให้เขารู้ว่า ความรักก็เหมือนฟังเทป รักแล้วต้องรอ ไม่ใช่กรอไปฟังเพลงไหนก็ได้
งานนี้ได้แต่ร้องเพลงรอลุ้นว่าก้องจะทำอย่างไรกับปัญหาหนักใจในครั้งนี้ แล้วเขาจะกลับมายุคปัจจุบันเพื่อมาอัพสเตตัสเฟซบุ๊กได้อีกครั้งหรือไม่?

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

1 เมษายน 2558 03:00:10
2538 อัลเทอร์ มาจีบ (ยรรยง คุรุอังกูร / Thailand / 2015)
 
ด้วยเรื่องราวที่ชวนให้หวนหาอดีตเมื่อ 20 ปีที่แล้วก็น่าจะสามารถดึงคนดูในวัยผู้ใหญ่วัยทำงานวัยพ่อวัยแม่และแฟนเพลงอัลเทอร์เนทีฟพร้อมใจกันตีตั๋วเข้าโรงมาระลึกความทรงจำก่อนเก่าได้ไม่น้อย  และเรื่องราวความรักตลกโรแมนติกระหว่างตัวละครพระเอกนางเอกวัยมัธยมก็น่าจะดึงดูดให้หนุ่มสาวกระโปรงบานขาสั้นชักชวนกันมาดูได้มาก  แต่เมื่อการตลาดไม่ได้ฉกาจรอบด้านทำให้การที่จะได้เงินหรือยืนโรงนานแค่ไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวหนังและกระแสปากต่อปาก  แต่น่าเสียดายที่หนังไม่ได้ทำให้ถึงขั้นประทับใจโดยเฉพาะการตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการยัดความหวังหอมหวานตรงๆ โต้งๆ ในตอนจบ  แทนที่มันจะกลายเป็นความทรงจำเศร้าหม่นปนสุขให้ตลอดรอดฝั่ง  ทั้งที่ก่อนหน้านั้นบางอย่างในหนังมันมีเสน่ห์และของดีทีเด็ดมหาศาลเมื่อเทียบกับหนังไทยกระแสหลักในช่วงเวลาเดียวกันนี้หรือแม้กระทั่งในรอบหลายปีที่ผ่านมา
 
ทีเด็ดอย่างแรกคือพล็อตเรื่อง ‘เด็กหนุ่มที่ย้อนอดีตไปเจอกับเด็กสาวมัธยมที่เคยหลงรักพ่อของเขาเองในอดีต  ’ สำหรับเรามันน่าสนใจมากๆ ในความเป็นหนังรักโรแมนติกและลูกเล่นของความขัดแย้งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้  และพระเอกของหนังที่ดีเด่นกว่าการแสดงของพระเอกหลายเท่าก็คือ Dilemma สถานการณ์กระอักกระอ่วนในช่วงจุดเปลี่ยนท้ายเรื่องที่ทำให้หนังที่แรกๆ ไหลไปเรื่อยให้มีดีและน่าติดตามขึ้นมาได้ในระดับที่เปรียบได้ว่าเป็นฟ้ากับเหว  และตรึงเราไว้กับหนังได้ตั้งแต่ตอนนั้น  ถึงระหว่างทางมันจะยังไม่ทิ้งความปวกเปียกของตรรกะและปรากฏความเฉิ่มเชยอยู่ประปราย  จนถึงขั้นมากมายเหลือเกิน  เมื่อเทียบกับจุดดีที่ชอบมากๆ  มันก็อดที่จะบ่นซ้ำไปซ้ำมาด้วยความเสียดายไม่ได้น่ะนะ
 
 
ในส่วนของการแสดง ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก สามารถประคองและเสริมเสน่ห์ตัวละคร ‘ส้ม’ ได้อย่างเหมาะเจาะกับคาแร็กเตอร์  ถึงแม้บางทีบทที่เขียนขึ้นมาจะเล่าลักษณะตัวละครได้น่ารำคาญและรอบคอบน้อยไปหน่อยกับการล้อมมุกเฉิ่มเชยและไม่เวิร์คในความสมเหตุสมผล  จนทำให้ตัวละครมันดูไม่น่าเชื่อและดูงี่เง่าตามไปด้วย  ก่อนจะถึงคิวระเบิดเสนห์ในฉากโรแมนติกดราม่าที่อบอวลด้วยบรรยากาศสิ้นหวังกับฉากประกวดร้องเพลงช่วงท้ายๆ หลังจากที่เกิด Dilemma ท้องก่อนแต่งที่คนดูและตัวละครทุกตัวรู้เรื่องกันหมดนอกจากส้มที่ไม่รู้เรื่อง  ซ้ำแล้วยังมีความสุขในความหวังเต็มเปี่ยมทำให้ตั้งแต่วินาทีนั้นมาพลังความหวังในความรักของส้มมันกระทบกระแทกให้ทุกรอยยิ้มทุกความดีใจของส้มกลายเป็นความเศร้าสำหรับเราในทุกเสี้ยววินาที  ขณะที่ เนตั้น แดนอรุณ  พระเอกของเรื่องที่การแสดงยังปวกเปียก  แต่เสน่ห์ส่วนตัวก็สามารถกลมกลืนกับตัวละคร ‘ก้อง’ ได้ดีอยู่  เสียดายตรงที่ความสามารถในเรื่องดนตรีของเนตั้นเองหรือข้อดีของตัวละครที่มาจากอนาคตไม่ได้ถูกเอามาใช้เป็นมุกให้เกิดเสน่ห์มากขึ้นเท่าไหร่   มีแต่มุกที่ตั้งใจยัดเกินไปจนไม่เกิดมิติและกลายเป็นแค่มุกๆ หนึ่งที่อยากเล่นอยากล้อโดยที่ไม่รอบคอบกับความสมเหตุสมผลของการรับรู้ของตัวละคร  และไม่ได้เกิดประโยชน์กับสถานการณ์
 
ถึงหนังจะมี Dilemma โหสสัสที่เราอินกับมันมาก  แต่หนังก็มีจุดอ่อนที่มากๆ คือความขัดแย้งแตกหักในความสัมพันธ์ในครอบครัวของพระเอก  โดยเฉพาะพ่อกับแม่ที่พอปูมาหน่อยเดียวแล้วโพล่งปัญหาด้วยเหตุผลหึงคนตายง่ายๆ  มันก็เลยทำให้ในส่วนของภารกิจเปลี่ยนอดีตเพื่อครอบครัวที่ดีขึ้นของพระเอกมันอ่อนด้วยลงไปด้วยในตอนท้าย  อีกทั้งเมื่อมองดีๆ แล้วตรรกะของวนลูปเวลามันยังขัดแย้งกันอยู่จนเป็นแผลเหวอะสุดๆ ที่รู้สึกได้ชัดๆ  นอกไปจากการแสดงของ แหม่ม วิชุดา  กับ  อิงค์ อชิตะ รวมถึง เนตั้น และการกำกับที่ทำให้คนทั้ง 3 คนในครอบครัวนี้ดูไม่เป็นธรรมชาติ  โดยเฉพาะฉากสรุปการลงเอยของความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดูยังไงก็ขัดๆ ทั้งขาดและเกิน  กลายเป็นฉากที่เราไม่ได้รอดูและแทบจะไม่สลักสำคัญอะไรเลยเพราะเราหลงรักตัวละคร ‘ส้ม’ ไปเรียบร้อยแล้ว  แต่ฉากสุดท้ายหนังก็มาพรากส้มไปจากความทรงจำพอดีพองามของเราไปอย่างไม่น่าให้อภัย

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
7
การดำเนินเรื่อง
6.5
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
7
กราฟฟิก
6.5
คะแนนเฉลี่ย
6.8
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)