Last Night in Soho - ฝัน-หลอน-ที่โซโห
เข้าฉาย 9 ธันวาคม 2564
ผู้ชม : 6,602
ผู้กำกับ
: Edgar Wright
ความยาวหนัง
: 120.00
Text Size
หนัง Last Night in Soho หรือชื่อไทยว่า ฝัน-หลอน-ที่โซโห ขอเรียนเชิญร่วมเดินทางสู่อดีตกับผลงานโดยเอ็ดการ์ ไรท์ ชมตัวอย่างแรกของภาพยนตร์ #LastNightInSoho ฝัน-หลอน-ที่โซโห ผลงานจากเอ็ดการ์ ไรท์ เรื่องราวจิตวิทยาสุดระทึกของเด็กสาวคนหนึ่ง ที่หลงใหลในงานแฟชั่นดีไซน์ เธอสามารถเข้าไปในโลกปี 1960 ไปพบกับสาวที่อยากเป็นนักร้อง ผู้เป็นไอดอลของเธอ แต่ลอนดอนปี 1960 ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นเท่านั่น กาลเวลาดูเหมือนว่าจะแตกสลายโดยมีผลลัพธ์ที่เลวร้าย
A young girl, passionate about fashion design, is mysteriously able to enter the 1960s where she encounters her idol, a dazzling wannabe singer. But 1960s London is not what it seems, and time seems to fall apart with shady consequences.
[รีวิว] Last Night in Soho - ฝัน-หลอน-ที่โซโห
--- 9/10 ---
ผลงานศิลปะของ Edgar Wright
จัดจ้านงานภาพ ละเอียดด้านเสียง มากด้วยเสน่ห์ของนักแสดง
Last Night in Soho บอกเล่าเรื่องราวของ Eloise สาวอังกฤษบ้านนอกผู้มีความหลงไหลมนต์เสน่ห์แห่งยุค 60s และมีความใฝ่ฝันอยากเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์และได้ทุนมาเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังใจกลางมหานครลอนดอน แต่ที่นั่นยามค่ำคืนเมื่อเธอหลับตาลง มันได้พาเธอย้อนกลับไปยังยุค 60s และทำให้เธอเชื่อมโยงกับสาวสวยทรงเสน่ห์ Sandie ผู้มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง แรกเริ่มมันคือแรงบันดาลใจในชีวิต Eloise แต่ยิ่งเธอถลำลึกเท่าไหร่ มันกลับคุกคามชีวิตเธอ ทำให้เธอต้องหาคำตอบว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับ Sandie กันแน่!?
หนังเรื่องนี้คือผลงานการกำกับหนังสยองขวัญระทึกขวัญเพียว ๆ ครั้งแรกของ Edgar Wright แถมเจ้าตัวยังลงมือเขียนบทด้วย ซึ่งตอนแรกบอกตรง ๆ ว่าคิดไม่ออกว่าจะออกมาในรูปแบบไหน เพราะผลงานที่ผ่านมาและคุ้นเคยอย่าง Shaun of the Dead, The World's End, Hot Fuzz, Scott Pilgrim vs. the World หรือ Baby Driver ก็มีความคอเมดี้แต่ก็ไม่ใกล้เคียงกับความสยองขวัญ ระทึกขวัญสักเท่าไหร่ (Shaun of the Dead สยอง+ระทึกก็ได้อะ 555) แต่พอได้ดูตัวอย่างปุ๊บ ไม่บอกชื่อผู้กำกับนี่ไม่รู้เลยว่าคือ Edgar Wright และพอได้ดูมาเรื่อย ๆ จนถึงฉากย้อนกลับไปยุค 60s ครั้งแรกก็พูดได้เต็มปากว่า "นี่แหละ Edgar Wright" กับการใช้เพลงประกอบที่ท่วงทำนองของเพลงสอดคล้องกับสิ่งต่าง ๆ ในซีนนั้น ทั้งเสียงรถวิ่ง, เสียงแตรรถ, เสียงคนคุยกัน หรือแม้กระทั่งจังหวะการก้าวเดินของตัวละคร ล้วนแล้วแต่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับจังหวะของเพลงในซีนนั้นได้อย่างเหมาะเจาะลงตัวไร้ที่ติ เหมือนอย่างที่เราได้เห็นกันในหนังเรื่องก่อน ๆ ของ Edgar Wright และฉากอื่น ๆ ก็ยังคงความยอดเยี่ยมด้านเพลงและดนตรีประกอบไม่แพ้กัน
แต่ที่ว้าวมากคืองานโปรดักชัน ด้านภาพ การออกแบบฉาก แสง สี งดงามมาก ไม่ว่าจะเป็นซีนต่าง ๆ จากยุค 60s หรือแม้กระทั่งซีนปัจจุบันที่ตัวนางเอกอยู่ ก็ถูกดีไซน์ออกมาได้งดงามราวกับศิลปะ จัดจ้านและลงตัว มุมกล้อง การถ่ายภาพ การเคลื่อนกล้อง ก็ยอดเยี่ยมจนไม่รู้จะติยังไงจริง ๆ หลายซีนนี่โคตรสร้างสรรค์ มีความแบบหนัง Alfred Hitchcock ยุค 60s ที่ผสมผสานความโมเดิร์นของปัจจุบัน
และไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือนักแสดงนำ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้ลงตัวมากกว่าเดิม เริ่มตั้งแต่ Anya Taylor-Joy (อีกหนึ่งเหตุผลที่อยากดูแบบไม่มีข้อแม้ 555+) ในบท Sandie นับตั้งแต่วินาทีแรกทีเธอปรากฏตัวในหนัง ตั้งแต่ย่างก้าวแรกเลยด้วยซ้ำ ก็เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เหลือล้น เป็นผู้หญิงที่ทำให้คนดูอย่างเรา ๆ ตกหลุมรักแล้วตกหลุมรักอีกในทุกบทบาท และยิ่งจริตจะก้านของเธอในบทนี้ก็ตกคนดูให้หลงเสน่ห์ได้ทุกคำพูดทุกอิริยาบถเลยทีเดียว ส่วนทางด้าน Thomasin McKenzie ที่เสน่ห์เธอไม่ได้น้อยไปกว่าน้องจอยแต่อย่างใด เพราะยิ่งเรื่องดำเนินไปเสน่ห์ก็เพิ่มขึ้นไปพร้อมกันอย่างไม่หยุดหย่อน ซีนอารมณ์ต่าง ๆ ก็ทำได้ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ ตามมาด้วย Matt Smith ถึงแม้จะออกมาน้อยแต่ก็มีเสน่ห์ เท่ และแสดงได้ดีจริง ๆ ทางด้าน Diana Rigg ถึงแม้จะไม่มีซีนยาก ๆ หรือโชว์อะไรเท่าไหร่แต่ก็ทำได้ดีในบทบาทที่เธอได้รับ และนี่คือการแสดงเรื่องสุดท้ายก่อนเธอจะจากโลกนี้ไป
นี่ไม่ใช่หนังผี แต่มันก็มีผี ไม่ได้น่ากลัวโผล่มาตุ้งแช่อะไรแบบนั้นนะ มันคือหนังระทึกขวัญผสมผสานการสืบสวนหาความจริงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น หนังมีความน่าติดตาม จังหวะเล่าเรื่องดีไม่ได้น่าเบื่อ จังหวะเข้าให้คนดูติดตามอยู่กับหนังก็เป๊ะ แต่จุดที่หักคะแนนก็คือตัวบทนี่แหละ ไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่ แต่หนังทิ้งคำถามคาใจเรามากมายในหลากหลายเรื่อง (ถ้าพิมพ์ไปเยอะสปอยล์แน่นอน) เอาเป็นว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับผีหลายประเด็น รวมถึงเรื่องเกี่ยวกับตัว Eloise และ Sandie ด้วย เอาจริง ๆ หนังแอบปูเรื่องช่วงแรกนาน ส่วนช่วงท้ายก็ดูจะรวบรัดจับยัดไปเสียหน่อยเช่นกัน แต่อย่างที่บอก...มันไม่ได้มีจุดไหนน่าเบื่อเกินไปเลย มันเหมือนมีเสน่ห์อะไรดึงเราอยู่ตลอด ทั้งนักแสดง ทั้งงานภาพ งานเสียง จังหวะเข้าทำต่าง ๆ ที่ตรึงเราไว้ได้ตลอดเวลา
สรุปแล้ว Last Night in Soho เป็นยอดผลงานของ Edgar Wright ที่งดงามราวกับศิลปะ ประทับใจในหลาย ๆ แง่ เต็มไปด้วยเสน่ห์จากหลาย ๆ มุม ควรค่าแก่การดูชมสุด ๆ และน่าจะเป็นอีกหนังของเจ้าตัวที่ถูกพูดถึงไปอีกนาน
สรุปผลวิจารณ์หนัง