Doctor Sleep - ด็อกเตอร์ สลีป ลางนรก
หนัง Doctor Sleep หรือชื่อไทยว่า ลางนรก “Doctor Sleep” จะเป็นเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ใน The Shining ในอีก 40 ปีถัดมาจากเหตุการณ์สยอง ณ โรงแรมโอเวอร์ลุค ที่ยังคงทำให้แดนรู้สึกหวาดกลัวจนถึงทุกวันนี้ แดนพยายามหาวิธีให้ตัวเองได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขที่สุด แต่ความสงบสุขนั้นกลับพังทลายลงเมื่อแดนได้เจอกับ แอบรา หญิงสาวจิตใจกล้าหาญเจ้าของพลังวิเศษเรียกว่า “ไชน์” ที่เดินทางออกตามหาแดนเพื่อขอความช่วยเหลือให้ร่วมต่อสู้กับ โรส เดอะ แฮท ผู้เหี้ยมโหด และเดอะ ทรู น็อต กลุ่มลัทธิคัลต์ลูกสมุนของเธอ ที่ออกตามล่าเด็กผู้บริสุทธิ์เพื่อชีวิตอมตะของตัวเอง จากคนแปลกหน้ากลายเป็นพันธมิตร ในระหว่างที่แดนและแอบราต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยงอันตรายในสงครามใหญ่กับโรส จิตใจอันบริสุทธิ์และกล้าหาญของแอบรากลับปลุกพลังลึกลับภายในตัวของแดนขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่นั่นทำให้เหล่าภูติผีวิญญาณร้ายในอดีตฟื้นคืน และทำให้แดนต้องเผชิญหน้ากับความหวาดกลัวอีกครั้ง “Doctor Sleep” สร้างอิงจากนวนิยายชื่อเดียวกันของเจ้าพ่อสยองขวัญ สตีเฟ่น คิง ซึ่งเป็นภาคต่อของนวนิยาย The Shining ที่มีการสร้างเป็นภาพยนตร์และขึ้นแท่นเป็นต้นตำรับความสยองไปเมื่อปี 1980 กำกับและเขียนบทโดยไมค์ ฟลานาแกน ผู้ฝากผลงานสยองชื่อดังไว้แล้วมากมายอาทิ Oculus (2013), Before I Wake (2016), Gerald’s Game (2017) และซีรีส์ทางช่องสตรีมมิ่ง The Haunting of Hill House ร่วมกับทีมนักแสดงนำโดย ยวน แม็คเกรเกอร์, รีเบคก้า เฟอร์กูสัน และเจค็อบ เทรมเบลย์
Years following the events of \"The Shining\", a now-adult Dan Torrence meets a young girl with similar powers as his and tries to protect her from a cult known as The True Knot who prey on children with powers to remain immortal.
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
Doctor Sleep การวกกลับเข้าร่องเข้ารอย
The Shining (1980) ถือเป็นหนังสืออีกเล่มนึงของ สตีเฟ่น คิง ได้มีการนำมาสร้างเป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ โดย Stanley Kubrick แม้นักวิจารณ์หลายสำนักจะยกให้เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์คลาสสิคขึ้นหิ้งก็ตาม แต่กลับกันเจ้าของเรื่องราวอย่าง สตีเฟ่น คิงส์ นั้นเข้าขั้นเกลียดและไม่เผาผีภาพยนตร์เรื่องนี้เลยก็ว่าได้ เนื่องด้วยตัวหนังนั้นไม่ค่อยได้เดินเรื่อง หรือมีจุดที่เหมือนต้นฉบับที่ สตีเฟ่น คิง ซักเท่าไหร่ หลายคนคงจำได้ว่าในเวอร์ชั่นภาพยนตร์นั้น โรงแรมผีสิงนั้นไม่ได้มีการถูกทำลายแต่อย่างใด กลับกันในเวอร์ชั่นนิยาย โรงแรมแห่งนั้นจะต้องถูกไฟเผาผลาญไปแล้ว นี่คงเป็นแค่เสี้ยวนึงที่คนเขียนหนังสือนั้นรับไม่ได้ จนกระทั่งเมื่อปี 2013 สตีเฟ่น คิงก็ได้มีการเข็นนิยายภาคต่อ The Shining ออกมาในชื่อ Doctor Sleep จนแล้วจนรอดได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ แต่ครั้งนี้สตีเฟ่น คิงได้เข้ามามีบทบาทในตัวบทภาพยนตร์เป็นอย่างมาก เพราะเค้าคงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยคราวก่อน
เรื่องราวใน Doctor Sleep นั้นเป็นเรื่องราวหลายปีต่อมาจาก The Shining แดนนี่ ลูกของแจ็คและเวนดี้ เทอแรนส์ ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่เขาเองก็โดนความกลัวในวัยเด็กตามหลอกหลอนตลอดมา เขาต้องหาทางเปิดล๊อคความกลัวในความคิด และปิดกั้นพลังพิเศษในการหยั่งรู้ของตัวเองให้ได้ ในขณะที่ได้มีลัทธิลึกลับ ผู้ซึ่งชอบดูดกลืนพลังชีวิตของเด็กผู้ที่มีพลังพิเศษ เพื่อคงความเป็นอมตะของลัทธิตัวเองได้ออกเดินทางตามล่า เด็กสาวอย่าง แอปบร้า จนเรื่องราวทุกอย่างนำพาให้ต้องกลับไปสู่โรงแรมโอเวอร์ลุค ในภาคก่อนนั่นเอง
หลังจากดูจบแล้วต้องปรบมือให้กับผลงานการดัดแปลงบทภาพยนตร์ของ สตีเฟ่น คิง และ Mike Flanagan (ผู้กำกับ) ที่สามารถ จัดการดัดแปลงนิยายเล่มนี้ให้สานต่อความสะพรึงจาก The Shining ได้อย่างชาญฉลาด และสร้างบรรยากาศใหม่ในการดำเนินเรื่อง ชนิดที่ว่ายิ่งดูไปยิ่งทำให้คนดูยิ่งอยากรู้เรื่องราวต่างๆ การเฉลยปมต่างๆ ว่ามันจะไปสิ้นสุดลงที่ไหน โดยเฉพาะ 30 นาทีสุดท้ายของเรื่องเป็นอะไรที่เซอร์วิสแฟนๆ The Shining เป็นอย่างมาก
สรุปแล้ว ถ้าใครเคยดูหรือเคยชอบ The Shining ก็ไม่ควรพลาดชม Doctor Sleep จริงๆ และขอย้ำเลยว่าถ้าใครอยากดูให้ได้อรรรสในการรับชมแบบเต็มอิ่ม ควรที่จะย้อนดู The Shining ไปก่อนซักรอบ เพื่อรื้อฟื้นความทรงจำเรื่องราวในภาคนี้ เพื่อที่จะได้สานต่อความสนุกใน Doctor Sleep ได้อย่างเต็มที่ 9/10
สรุปผลวิจารณ์หนัง
[รีวิว] Doctor Sleep - ลางนรก
—- 9.3/10 —-
ภาคต่อของ The Shining
ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ช่วงท้ายยังเรียกเสน่ห์ความคลาสสิคของภาคแรกออกมาได้อย่างดี
Doctor Sleep เป็นภาคต่อของ The Shining ในปี 1980 ที่สร้างมาจากนิยายของเจ้าพ่อสยองขวัญ Stephen King โดยหนังจะบอกเล่าเรื่องราวของ Danny Torrance เด็กชายผู้มีสัมผัสพิเศษในภาคแรก และภาคนี้เขาได้โตขึ้นแต่ความหวาดกลัวกับเหตุการณ์ ณ โรงแรม Overlook ยังตามมาหลอกหลอนเขาอยู่ เขาจึงพยายามใช้ชีวิตอย่างปกติสุขที่สุด แต่แล้วความสงบนั้นก็ถูกทำลาย เมื่อเขาต้องช่วยเด็กสาวที่มีสัมผัสพิเศษเหมือนกับเขาจากการตามล่าของพวกที่กินเหล่าผู้มีสัมผัสพิเศษ!
บอกก่อนเลยว่าไม่เคยอ่านฉบับนิยายของทั้งสองภาค รู้เพียงแค่ว่ามันต่อกัน เลยไม่สามารถบอกได้ว่ามันเหมือนนิยายไหม แต่ถ้าใครที่เคยดู The Shining มา ทั้งฝั่งที่ชอบและไม่ชอบ อยากบอกเลยว่าภาคต่อนี้ยังกะหนังคนละเรื่อง! นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นภาคต่อ The Shining ไม่เชื่อนะเนี่ย คือมันโคตรจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ภาคแรกมันความระทึกขวัญ สยองขวัญ ภาคนี้มันให้อารมณ์แบบ X-Men ยังไงยังงั้นเลยจริงๆ ภาคแรกน่ากลัวกว่า ระทึกกว่า ภาคนี้จะให้ความรู้สึกแบบว้าวกว่า มันกว่า
ไม่เพียงแต่การดำเนินเรื่องและการนำเสนอที่แตกต่างเท่านั้น การถ่ายทำ การนำเสนอ มุมกล้อง การเคลื่อนกล้อง ยังให้ความรู้สึกที่โคตรจะแตกต่าง ภาคแรกจะเป็นการเคลื่อนกล้องยาวๆ ทิ้งช่วงหน่อย ช้าๆ ถ่ายแบบมุมกว้างๆ F กว้างๆ ถึงแม้การทำแบบนั้นในภาคแรกมันจะดูว่ายืดเยื้อและนานไปก็ตาม แต่เรามองว่ามันเป็นเสน่ห์ของ The Shining ซึ่งในภาคนี้ไม่ได้หยิบเอาจุดนั้นมาใช้สักเท่าไหร่ แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหา แค่เสียดายนิดหน่อย และให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปยังกะคนละเรื่องที่ได้กล่าวไปข้างต้น แต่ยังดีที่เพลงประกอบยังมีเสน่ห์เหมือน The Shining เช่นเคย
แต่ในช่วงท้ายของหนัง Doctor Sleep ก็ยังพาเราให้หวนคิดถึง เหมือนเป็นการคาระสดุดี The Shining กลับไปยังสถานที่ที่คุ้นเคยกันกับในภาคแรก อย่างโรงแรม Overlook มีภาพจำที่คุ้นเคยและเชื่อว่าหลายๆ คนคงคิดถึงแน่นอน ติดอยู่นิดนึงคือตัวเขาวงกตออกแบบมาไม่เหมือนกับภาคแรกซะงั้น รวมถึงหน้าของบางตัวละครที่ดูออกแหละว่าใคร แต่ช่วยทำให้เหมือนกว่านี้ได้ไหม
ตัวหนังมีความยาว 2 ชั่วโมง 31 นาที แต่ก็ไม่ได้มีความน่าเบื่อเลยสำหรับเรา มันค่อยๆ เล่ารายละเอียด เปิดเผยทีละอย่างสองอย่าง จนมันมาขมวดปม และจบอย่างลงตัวในตอนท้าย ซึ่งการที่หนังทำให้ออกมาแตกต่างโดยสิ้นเชิงขนาดนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่ถือว่าฉลาดมากๆ คือคนจะไม่เปรียบเทียบกับภาคแรกอย่างแน่นอน แต่จะกลายเป็นดึงข้อดีของทั้งสองภาคมารวมกัน แถมตอนจบของภาคสองยังทำให้นึกถึงภาคแรกอีก แค่นี้ก็ยอดเยี่ยมแล้ว
สรุปแล้ว Doctor Sleep - ลางนรก เป็นหนังที่แปลก (ในทางที่ดี) พึ่งเคยเจอหนังภาคต่อที่ให้ความรู้สึกแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับภาคแรกก็เรื่องนี้เป็นครั้งแรกเนี่ยแหละ ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าจะคนที่ชอบ The Shining จะไม่ชอบ Doctor Sleep หรือเปล่า และก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าคนทีไม่ชอบ The Shining จะชอบ Doctor Sleep หรือเปล่า สำหรับตัวเราไม่ได้ชอบทั้งหมดของ The Shining แต่ชอบการถ่ายทำ เซ็ตติ้งฉาก การแสดงของ Jack Nicholson และเราก็ชอบความเป็น Doctor Sleep เช่นกัน
DOCTOR SLEEP
" คารวะต้นฉบับทั้งแบบนิยายและคูบริกได้อย่างยอดเยี่ยม "
152 min | Drama/Horror | Directed by Mike Flanagan
Doctor Sleep คือภาพยนตร์อีกเรื่องที่ดัดแปลงจากนวนิยายของสตีเฟ่น คิง และยังถือว่าเป็นเรื่องราวที่ต่อกันจาก The Shining นวนิยายและภาพยนตร์ขึ้นหิ้งโดยผู้กำกับชั้นครู สแตนลีย์ คูบริก ซึ่งในเรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องราวของ แดน ทอร์แรนซ์ (เด็กน้อยผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์อันโหดร้ายในโรงแรมผีนรก) ที่ใน 40 ปีผ่านมาเขาใช้ชีวิตมาด้วยความทนทุกข์กับการติดอยู่กับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติในอดีต แต่เขาก็พยายามหาหนทางที่จะทำให้ชีวิตสงบสุขลงให้ได้ แต่ความสงบนั้นก็คงอยู่ได้ไม่นานเหมือน แดน พบกับ แอบรา เด็กสาวผู้มีสัมผัสพิเศษเฉกเช่นเดียวกับเขา ซึ่งมันอาจจะไม่แปลกอะไรถ้าเกิดโลกนี้ไม่มีกลุ่มคนลึกลับที่ตามล่าเด็กและผู้คนที่มีพลังนี้เพื่อความอมตะของตัวเอง ทำให้แดนต้องยอมช่วยเหลือแอบราให้รอดพ้นจากอันตรายนี้ แม้ว่ามันจะนำพาเขาไปพบกับสิ่งที่ไม่อยากเจออีกครั้งก็ตาม...
นี่คือหนังที่ชอบแบบผิดคาดมากที่สุดเรื่องนึงในปีนี้เลยก็ว่าได้ เพราะมันมาในโทนที่แทบจะคนละแบบกับ The Shining เลย (อย่างกับหนังที่ไม่ใช่ภาคต่อกัน) ซึ่งอาจจะดูแปลกแต่มันกลายเป็นว่าพอหนังทำถึงมันเลยแอบบันเทิงและน่าติดตามมาก คือนึกว่าดู X-MEN หรือ Heroes เลย ซึ่งส่วนนึงก็ต้องยอมใจในความเป็น geek นิยายลุงคิงของตาผู้กำกับ Mike Flanagan ด้วย ที่หยิบนิยายมาทำกี่เรื่องก็น่าสนใจและสร้างสเน่ห์บางอย่างให้กับหนังได้ตลอด
แม้ว่าหนังจะยาวเกือบ 3 ชั่วโมง และช่วงแรกอาจจะเนือยไปบ้างแต่โดยรวมแล้วหนังไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด เพราะลูกล่อลูกชนของหนังมันฉลาดมากที่จะเอาใจผู้คนในกลุ่มแมสเอย สยองเอย แฟนนิยายเอย หรือแม้แต่การคารวะคูบริกก็ดี มันเลยนัวๆ ดูเพลินๆ ไปอีกแบบ แถมยังซื้อไอเดียที่แม้แต่คนวัยกลางคนก็ยังต้องก้าวผ่านวัยและเติบโต เพราะหากยังไม่ล้มหายตายจากเราก็ยังต้องมีอะไรบางอย่างที่ก้าวผ่านไปเรื่อยๆ แถมไคลแม็กซ์ของหนังก็ยอดเยี่ยมมากจนเอาเป็นว่าใครที่เคยได้มีโอกาสชม The Shining แล้วควรดูและฟินกันอย่างแน่นอน
สรุปผลวิจารณ์หนัง