0 Doubting+Thomas+-+%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%88

Doubting Thomas - ศรัทธาแห่งรักจากหัวใจ

เข้าฉาย 21 มีนาคม 2562
ผู้ชม : 4,220
ผู้กำกับ : Anthony O’Brien
ความยาวหนัง : 90.00
Text Size

หนัง Doubting Thomas หรือชื่อไทยว่า ศรัทธาแห่งรักจากหัวใจ ทอม (วิลล์แม็คแฟดเดน) และเจน (ซาราห์บัตเลอร์) มีความรักที่สุกงอม ทั้งคู่กำลังประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และมีความพร้อมเต็มที่ที่จะมีบุตรด้วยกัน จนเจนได้ตั้งครรภ์ขึ้นมา ชีวิตของพวกเขาที่เหมือนกำลังจะสมบูรณ์แบบ กลับต้องสะดุดเมื่อถึงวันที่เจนคลอด เขาทั้งสองได้ลูกผู้ชาย แต่... ลูกชายเป็นเด็กผิวสี ไม่มีใครสามารถหาคำตอบเกี่ยวกับบุตรของพวกเขาได้ แม้แต่ตัวของทอมและเจนเอง ทารกผิวดำไม่เคยเกิดจากพ่อแม่ผิวขาว ยกเว้นเด็กคนนี้!! เจนสาบานต่อทอมว่า เขาเป็นเพียงคนเดียวที่เป็นพ่อของเด็กคนนี้ ทอมยืนยันว่าเขาเชื่อคำพูดของเธอ ทั้งคู่รักใคร่และไว้เนื้อเชื่อใจกันมาตลอด พวกเขาจึงเลือกที่จะยอมรับความจริงที่ไม่มีคำอธิบาย เนื่องจากความรับผิดชอบที่จะต้องเลี้ยงดูทารกที่เกิดใหม่ สำคัญยิ่งกว่า


After a white couple inexplicably gives birth to a black child, the purest bonds of trust, friendship, and love are put to the ultimate test.

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

25 มีนาคม 2562 11:33:51

[รีวิว] Doubting Thomas - ศรัทธาแห่งรักจากหัวใจ
--- 9/10 ---
หนังที่เต็มไปด้วยอารมณ์ และหนักหน่วงในทุกประเด็น
ไม่เพียงแต่ตั้งคำถามกับตัวละครในหนัง มันยังตั้งคำถามกับคนดูด้วย

Doubting Thomas หนังชื่อเรื่องง่ายๆ ว่า “ทอมัสขี้สงสัย” ซึ่งพอเอาไปหาใน Google กลับไม่เจอหนัง แต่ดันเจอเรื่องราวเกี่ยวกับอัครสาวกของพระเยซูที่ชื่อ Thomas ซึ่งเขาคือคนที่ไม่เชื่อว่าพระเยซูฟื้นคืนชีพขึ้นมา ทำให้ตัวเขาเองเนี่ยได้ไปสัมผัสแผลพระเยซูเพื่อพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ และนั่นเป็นที่มาของชื่อเรื่องนี้กับข้อกังขาในตัว Thomas นับว่าเป็นการตั้งชื่อเรื่องที่เจ๋งมากจริงๆ นอกเหนือจากนั้นเค้าโครงเรื่องนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริง ของครอบครัวผิวสีที่คลอดลูกออกมาเป็นผิวขาว แต่เหตุผลที่เรื่องนี้กลับกัน (ให้พ่อแม่ผิวขาวลูกผิวสี) นั่นก็เพราะมันจะส่งผลเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ในเรื่องได้มากกว่า

หนังว่าด้วยเรื่องของครอบครัวคนผิวขาว แต่ให้กำเนิดลูกผิวสีขึ้นมา โดยภรรยาก็บอกว่าเขาไม่เคยนอกใจเลยสักครั้ง ส่วนผู้เป็นสามีก็เริ่มสงสัยเล็กน้อย เพราะเขาก็มีเพื่อนสนิทเป็นคนผิวสี ทำให้เขาต้องเจอบททดสอบ ที่จะพิสูจน์ความศรัทธาในตนเอง จริงๆ เห็นตัวอย่างนี้ครั้งแรกก็โคตรน่าสนใจมากๆ กระตุ้นต่อมอยากดูสุดๆ และพอได้ดูจริง ก็ไม่ผิดหวังกับหนังเรื่องนี้เลย

หนังไม่เต็มชั่วโมงครึ่ง ที่ดูเหมือนจะสั้นไปสำหรับหนังดราม่าหนักๆ แต่หนังบอกเล่าเรื่องราวได้ครบถ้วน รุนแรง หนักหน่วง ทุกวินาทีในหนังสำคัญมาก ไม่มีช่วงไหนที่รู้สึกว่าน้ำๆ เลย มันเนื้อเน้นๆ !!! ตั้งแต่ประเด็นความเชื่อใจที่สามีมีแต่ภรรยา ประเด็นมิตรภาพของสามีกับเพื่อนสนิท ประเด็นผิวสีที่หนักไม่ใช่เล่นของสามีกับลูกและกับเพื่อนสนิท ซึ่งจะเห็นได้ว่าที่หนังตั้งชื่อเรื่องแบบนี้เพราะ หนังจะดำเนินเรื่องผ่านตัวละคร Thomas สามีผู้ต้องผ่านบททดสอบต่างๆ นานา เหล่านั้น เห็นแนวหนังกับตัวอย่างพร้อมเนื้อเรื่องอาจคิดว่ามันน่าเบื่อ แต่ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว

หนังไม่ได้ซับซ้อน ไม่ได้ดูยาก และไม่ได้เข้าใจยาก เพียงแต่หนังปล่อย พื้นที่ให้เราได้คิด และสงสัยไม่พร้อมๆ กับเรื่องราวในหนังเลย คือตลอดทั้งเรื่องเราจะรู้สึกสงสัยไม่ต่างจากตัวละคร Thomas นักหรอก หนังจะค่อยๆ ให้เบาะแส กับเราเกี่ยวกับประเด็นที่ทั้งคนดูและเหล่าตัวละคร กับพระเอกในหนังต้องสงสัยแน่ๆ “ตกลงเด็ก?” “เมียมันมีชู้ใช่ไหม?” “ได้กับเพื่อนสนิทผิวสีพระเอกหรือเปล่า” นั่นแหละ หนังจะคอยให้ข้อมูลเหล่านั้นแก่ทั้งตัวพระเอกควบคู่ไปกับให้แก่คนดู ซึ่งเราชอบในจุดนี้มากๆ เลย แต่สิ่งที่ชอบที่สุดของหนังเรื่องนี้คือตอนจบ เชื่อได้เลยว่าหลายคนมีตอนจบที่ต่างกัน ในสถานการณ์เดียวกัน แน่นอนว่าคุณอาจจะคิดต่างกันก็เป็นได้ แถมตัวหนังเองยังไม่ได้มีเพลงขยึ้อารมณ์ แต่จะเงียบๆ และปล่อยนักแสดงบรรเลงอารมณ์แทน มันให้ความรู้สึกที่เรียลมาก

ดูผิวเผินตัวละครอย่าง Thomas อาจดูเป็นคนที่ต้องแบกรับหรือเจออะไรมากที่สุด ซึ่งมันก็จริง เพียงแต่ว่าไม่ใช่แค่เขาที่ต้องเผชิญเรื่องหนักๆ อยู่คนเดียว หนังยังพาเราไปนำเสนอแง่มุม ของตัวละครอื่นๆ ทั้งภรรยา และเพื่อนสนิทได้อย่างน่าเจ็บปวดไม่แพ้ Thomas เลย ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นถูกถ่ายทอดผ่านยอดทีมนักแสดงที่น่าปรบมือให้สุดๆ ทุกคนเล่นดีจนถึงดีมาก ดูจบแล้วนี่ถึงกับต้องปรบมือให้เลยจริงๆ

สิ่งที่ช่วยให้หนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องได้อย่างราบรื่น และน่าสนใจคือมุมกล้องการถ่ายทำ หนังมีการใช้มุมกล้องแบบ Close-Up บ่อยมาก ให้คนดูรู้สึกถึงความอึดอัด กดดัน ร่วมกับตัวละครในหนัง ซึ่งน่าชื่นชมจริงๆ เพราะมันสามารถถ่ายทอดอารมณ์ และทำให้ซีนเหล่านั้นดูน่าสนใจมากขึ้นไปอีก

สรุปแล้ว Doubting Thomas เป็นหนังที่ควรค่าแก่การดูมากๆ ดราม่าหนักหน่วง ประเด็นผิวสีรุนแรง หนังเล่าครบทุกประเด็นที่คนดูควรรู้ ทั้งบททดสอบ ตั้งคำถามกับเหล่าตัวละครในหนัง และกับคนดู ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าคุณจะคิดแบบไหน และตอนจบของคุณเป็นยังไง

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
9.5
การดำเนินเรื่อง
9.5
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
9.5
กราฟฟิก
9.5
คะแนนเฉลี่ย
9
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)