Avengers: Endgame - อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก

[รีวิว] Avengers: Endgame
--- 9/10 ---
ปิด Infinity Saga ได้อย่างงดงาม
คุ้มค่ากับการปูเรื่องราวมากว่า 11 ปี จะมีหนังอีกสักกี่เรื่องที่ทำได้แบบนี้

พอดู Avengers: Endgame จบ เราจึงได้เข้าใจและเห็นความสำคัญของการปูเรื่องราวตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้มากว่า 11 ปี คือทุกคนที่ดูเรื่องนี้ ส่วนมากคงเติบโต ผูกพัน และรู้จักกับตัวละครเหล่านี้มามากพอสมควร ทุกตัวละครจึงแข็งแรงพอ ที่จะทำให้คนดูอินไปกับพวกเขาและเส้นเรื่องใน Endgame นั่นแหละ ผลของการเสียเวลาปูมา 11 ปี เลยทำให้มันเป็นสุดยอดหนังฮีโร่ไปแล้ว

“เวลาคนเรามีความสุข เวลาจะผ่านไปเร็วเสมอ” คำกล่าวนั้นใช้กับ Endgame ได้ดีเลย เพราะเวลา 3 ชั่วโมง ฟังดูอาจนาน แต่พอได้ดูแล้วมันผ่านไปเร็วเหลือเกิน ไม่รู้จะอธิบายคำพูดออกมายังไงเหมือนกันนะ มันเป็นความรู้สึกประทับใจ และอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก คือหลายๆ คนคงตื่นเต้นตั้งแต่หนังปล่อยคลิปมายั่วถี่ๆ พอถึงวันก็ยิ่งตื่นเต้นตั้งแต่นั่งดูโฆษณาก่อนหนังฉายซะอีก Endgame คือหนังฮีโร่ที่มีครบรสมาก สนุก มันส์ ซึ้ง ดราม่า ตลก ผ่านไปแปบเดียว อ้าวจบแล้วหรอ คือเรายังอินกับเรื่องราวอยู่เลย

เขียนรีวิวยากเหมือนกันนะ 5555 จะเขียนยังไงไม่ให้สปอยล์ดีหว่า หนังเรื่องนี้คุณจะได้เข้าใจเลยว่าทำไมถึงกลายมาเป็น Endgame ไม่ใช่ Infinity War Part 2 เพราะหนังมันให้ความรู้สึกที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง และมันเหนือชั้นไปกว่านั้นมาก หนังโคตรมีจินตนาการในการเล่าเรื่อง คนดูอาจจะพยายามเดาว่าจะเกิดไรขึ้นต่อ แต่หนังก็พาคุณฉีกไปเรื่อยๆ เซอร์ไพรส์อีกหลายๆ ฉาก เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ ตื่นตาตื่นใจ คุณต้องร้องว้าวแน่นอน บางฉากคุณอาจจะอยากกรี๊ดหรือลุกขึ้นมาปรบมือให้ตรงนั้นเลย (ใครดูแล้วคงจะเข้าใจ) จุดพีค จุดไคลแม็กซ์แต่ละจุด เรียกว่ามทำได้ถึงมากถึงมากที่สุด แถมยังตอบคำถามที่ค้างคาหลายๆ อย่างในจักรวาลที่ถูกปูมาทั้ง 11 ปีอีกด้วย แต่...เอาเป็นว่ามันก็ยังมีบางจุดที่ไม่ค่อยเวิร์ค ดูรวบรัดเกินไปอยู่เหมือนกัน

สรุปแล้ว Avengers: Endgame เป็นหนังที่บ่งบอกความเป็น Marvel สุดๆ และมันทำออกมาได้ดีมากอย่างไม่ต้องสงสัยเลย หลายๆ อย่างที่คุณคิดว่าจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้ คุณจะได้เห็นเกินกว่าที่คุณคิดว่าจะได้เห็นซะอีก สำหรับเรา มันไม่ใช่หนังที่เราชอบที่สุดในจักรวาล MCU แต่มันเป็นหนังที่เราประทับใจที่สุดไปแล้ว

Avengers: Endgame เทหมดหน้าตักครั้งสุดท้ายของ MCU

นับตั้งแต่ IronMan ออกฉายในปี 2008 ใครจะไปคิดว่าหลังจากนั้นจะมีหนังตามออกมาเรื่อยๆ จนมาถึง Avengers: Endgame ที่เป็นหนังใน MCU เรื่องที่ 22 และเป็นเรื่องที่ขมวดปมทุกอย่าง เรียกง่ายๆ คือแทบจะเป็นซีรีย์ EP สุดท้ายที่เฉลยๆ ปมทุกอย่างในซีซั่นนี้นั่นเอง

เอาตรงๆ เลยผมเองก็เรียกได้ว่าตามติดหนังใน MCU (Marvel Cinematic Universe) มาตั้งแต่เรื่องแรกเลยก็ว่าได้ แต่ติดตามในฐานะคนที่ดูหนังอย่างเดียวไม่ได้ติดตาม Comics ของ Marvel แต่อย่างใดสิ่งที่ต้องชื่นชมเลยก็คือ การวางรากฐานตัวละครแต่ละตัว ทาง Marvel Studiosให้ความสำคัญในส่วนนี้เอามากๆ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแฟน Comics จึงต้องสร้างหนังวางบทบาทหนังที่ทำให้คนดูหนังทั่วไปเข้าใจในตัวละครด้วย จึงส่งผลให้หนังทั้ง 22 เรื่องเรียกได้ว่าแทบจะประสบความสำเร็จในทุกเรื่องเลยก็ว่าได้ อาจจะมีเป๋ๆ ไปบ้างแต่ก็พูดได้เต็มปากว่าไม่มีเรื่องไหนที่เจ๊งเลยสำหรับหนังในจักรวาลนี้

เป็นเวลากว่า 11 ปีแล้วที่มาร์เวลอยู่คู่คอหนังและสร้างความเซอร์ไพร์ต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นการบุกเบิกประเด็นฮีโร่ที่ไม่ต้องปกปิกตัวตนจริงๆ(IronMan) / หาสร้างหนังรวมพลฮีโร่ครั้งประวัติศาสตร์ (The Avengers) / หนังที่ผลิคองค์กรฮีโร่ให้กลายฉากหน้าขององค์กรร้าย (Captain America Winter Soldier) / การสร้างปมขัดแย่งที่ทำให้ฮีโร่เข้าปะทะกันเอง (Captain America Civil War)/ การสร้างฮีโร่ที่ไม่ต้องเดินเรื่องบนโลก (Guardians of the Galaxy) แถมท้ายด้วยการที่ทำให้หนังแต่ละเรื่องมีจุดเชื่อมโยงกัน ดำเนินเรื่องภายใต้จักรวาลเดียวกัน ที่นำตัวละครต่างๆเดินทางมาพบกันใน (Avengers Infinitywar) และจบเรื่องด้วยการที่ฮีโร่ไม่ใช่ชนะเสมอไป ทำให้คนดูอึ้งในการทิ้งปมไว้แบบนี้ พร้อมทั้งตั้งตารอบทสรุปจักรวาลใน Avengers: Endgame

เนื่องเรื่องในภาคนี้เป็นการดำเนินเรื่องคาบเกี่ยวกับช่วงท้ายของภาค Infinitywar เมื่อธานอสดีดนิ้วล้างบางครึ่งจักรวาล ส่งผลกระทบอะไรบ้างกับฮีโร่ที่ไม่ได้มาช่วยกู้โลกในภาคที่แล้ว ซึ่งเรียกได้ว่าเปิดเรื่องมาด้วยความสิ้นหวังในการที่จะกอบกู้จักรวาลเลยก็ว่าได้ และพอตัวละครสามารถหาหนทางที่จะแก้ไขปัญหาได้ก็ทำเอาคนดูตื่นเต้นตามไปด้วย และจบด้วยฉากมหาสงครามที่เรียกได้ว่าโคตรยิ่งใหญ่และเทหมดหน้าตักจริงๆ 

ส่วนตัวเองผมนั้นบอกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้แม้มันจะพูดว่า Perfect ไม่ได้ แต่ตัวหนังมันแทบจะมีทุกอารมณ์เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นเศร้า ตื้นตัน ตลก และอีกมากมาย สาเหตุที่ทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมได้ขนาดนี้น่าจะเป็นเพราะด้วยความที่ MCU มีมานานแล้วสร้างความผูกพันธ์ของตัวละครกับคนดูเอาไว้เยอะมาก แต่ละฮีโร่นั้นต้องผ่านอะไรมาบ้าง มันไม่จำเป็นต้องบรรยายออกมาเป็นคำพูด เพียงถ่ายทอดออกมาเป็นภาพ คนดูก็สามารถเข้าใจหลักในการตัดสินใจของโฮโร่คนนั้นๆได้ ต้องชื่นชมคนเขียนบทจริงๆว่าสามารถสร้าง Point ทีเล่นงานกับอารมณ์คนดูได้อย่างหนักหน่วงและจัดหนักเอามากๆ ถึงแม้ว่าหนังจะมีความยาวถึง 3 ชั่วโมง แต่ก็เป็น 3 ชั่้วโมงที่รู้สึกว่าไม่นาน และรู้สึกว่าหนังยังสั้นไปด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าเป็นหนังปิดตำนานฮีโร่ที่ต้องไปซ้ำเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศ กับตัวละครที่ผูกพันธ์ได้หลายรอบจริงๆ

E N D  G A M E 
รีวิว Avengers Endgame ฉบับ เด็กเดินตั๋ว - ไม่สปอยล์100%

จบตำนาน Avengers ลงหลังจากติดตามกันมาอย่างยาวนาน ไม่กล้าบอกว่าเป็นแฟนตัวจริง เพราะบางเรื่องก็ดูแล้วจำไม่ได้ บางเรื่องก็หลับใส่เฉย แต่รักจักรวาลนี้มากๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในจักรวาลนี้ล้วนมีความผูกพันมายาวนาน ติดตามมาโดยตลอด ไปดูนี่ก็แอบใจหายเหมือนมางานเลี้ยงอำลาส่งท้ายกันเลย.... (ไม่ร้องนะ...ฮือๆๆๆๆ)

ชื่นชมการเติบโตของซุปเปอร์ฮีโร่และพัฒนาการของทุกตัวละคร ยิ่งดูยิ่งเหมือนได้มารีวิวทีละตัวเลย อะไรๆ ที่ถูกทิ้งถูกค้างคาในแต่ละเรื่อง แต่ละตัวละคร ใครมีissueอะไรก็จะมีบทสรุปให้แทบทุกตัวเลย ยิ่งดูยิ่งอิ่มเอม เห็นการดำเนินไปของแต่ละตัวไม่ว่าจะเป็นยังไงก็เอาใจช่วย ก็ปลื้มปริ่ม ก็ยิ้มให้ทั้งน้ำตาไม่ว่าจะดีหรือแย่ เหมือนเห็นชีวิตเพื่อนๆ คนใกล้ๆ ตัวที่ไม่ว่าจะดีหรือจะเจอปัญหาอะไร เราก็เอาใจช่วย เราก็อยู่ตรงนี้กับเขาเลย (ดราม่าไปไหมเนี่ยเรา... - -")

ฉากต่อสู้เรื่องนี้ไม่ได้มาสายบู๊เอามันเหมือน Avengers ภาคแรกๆ ที่เน้นที่ปราบเหล่าร้าย ชนะแล้วเย่! แต่ Endgame มี mission ที่ต้องทำ มีภารกิจ มีแผนการชัดเจนและมีการปฏิบัติทั้งลุล่วงตามแผน ทั้งต้องแก้ปัญหา และฉากสงครามมาเท่ห์มาก ไม่ค่อยได้เห็นvisualฉากสงครามแนวนี้จาก Avergers สักเท่าไหร่ ส่วนมากจะแอคชั่นนัวๆ ของฮีโร่แต่ละตัว แต่อันนี้แตกต่างออกไปตามที่บอกไป

สไตล์หนังก็ไม่เหมือนหนังแอคชั่นทั่วไปนะ ความยาวสามชั่วโมงมีเหตุผลของเวลาจริงๆ การเล่าหลายอย่างต้องการเวลา มีพาร์ทดราม่าค่อนข้างเยอะ แต่ก็เอาอยู่จริงๆ มันเป็นบทสรุปจริงๆ ส่วนพาร์ทฮาๆ น่ารักๆ ก็มีอยู่เยอะนะ หลายฉากอยู่แบบว่าฮากันลั่นโรงเลย จังหวะมันได้จริงๆ ส่วนเพลงเนี่ยก็แบบมาให้ใจหายเลย ตอนเพลง Theme ขึ้นจังหวะสำคัญๆมันทั้งยิ่งใหญ่ ทั้งเท่ ทั้งเศร้า ทั้งใจหายรวมๆกันหลายอย่างจริงๆ

พอตอนยังไม่ได้ดูก็ต้องหลบสปอยล์กันแทบเอาตัวกันไม่รอด แต่พอดูเสร็จก็อยากหาเพื่อนเม้าท์แต่ก็กลัวสปอยล์เพื่อนอีก555 หลายอย่างต้องการการเม้าท์กันจริงๆ รีบมาดูรีบมาเม้าท์กันเถิดดดดด

- เด็กเดินตั๋ว -

ป.ล. ไม่มี End Credit นะ แต่ว่าตอนโลโก้ท้ายสุดหลังจบ Credit ทั้งหมดมีเสียงประหลาดๆตอนขึ้นโลโก้มาเวล อยากให้อยู่รอฟังกันนะ

Avengers: Endgame

ถ้า Infinity War คือตัวแทนของความสิ้นหวัง End Game ก็คือตัวแทนของความหวัง และนี่เป็นบทสรุปอันยิ่งใหญ่ของจักรวาล Marvel ที่เดินทางมามากกว่า 10 ปี

หนังดำเนินเรื่องต่อจากภาคที่แล้ว อย่างที่เราทราบดีภาคนี้ความยาวของหนังกว่า 3 ชั่วโมง และก็ต้องบอกว่าช่วงชั่วโมงแรกของหนังถือว่าน่าเบื่อพอสมควรสำหรับผม พูดเยอะแทบไม่มีฉากให้ตื่นเต้น แต่ได้ความอบอุ่นใจในหลายๆฉากแทน แต่หลังจากชั่วโมงแรกบอกเลยว่าหนังใส่เต็ม ไม่ยั้ง โดยเฉพาะครึ่งชัวโมงสุดท้ายอลังการ ยิ่งใหญ่จริงๆ 

สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ดูหนังในจักรวาล Marvel อาจจะงงๆ ในหลายๆ ฉาก แนะนำให้ดู ภาค Infinity War มาเป็นอย่างน้อย แต่สำหรับคนที่ดูมาทุกเรื่อง ติดตามมาตลอด จะบอกว่ามีเซอร์ไพร์สในหนังเยอะมาก มี easter egg ให้เยอะสุดๆ End Game ทำให้รู้สึกเหมือนย้อนกลับไปดูเรื่องเก่าๆ ทำให้คิดถึงเลยทีเดียว 

End Game ฮีโร่หลักๆ ก็มากันครบทุกคน จริงๆเราผูกพันกับจักรวาลนี้มาสิบปี มีหลายฉากที่ทำน้ำตาซึม บางคนถึงกับร้องไห้ออกมาเลย ยังไงก็พลาดไม่ได้ครับเรื่องนี้

สำหรับผมภาคนี้มีช่วงน่าเบื่อเยอะมาก ฉากสู้ทำไม่ดีเท่าภาค Infinity War เพราะภาคนี้เน้นการสรุป และการทำให้คิดถึงภาคก่อนๆ ซะมากกว่า จนผมรู้สึกแอบเซงตรงนี้นิดๆ เพราะโทน Infinity War มันดีมากๆ ภาคนี้มีเลยดรอปมากพอสมควร 

ในระบบ 3D บอกเลยว่าคุ้มมาก ภาพสวยมากๆ มีมิติ มีฉากพุ่งเข้าหา เอาเป็นว่าคุ้ม เพราะทั้งเรื่องภาพพุ่งตลอด  ถ้าให้ดีก็แนะนำในระบบ IMAX ไปเลย เพราะเรื่องนี้ถ่ายทำโดยใช้กล้อง IMAX ยาวที่สุด (ผมก็จะไปดูในระบบนี้อีกสักรอบ) 

Avengers: End Game เป็นบทสรุปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยดูมา ถึงแม้จะไม่ใช่หนังที่ผมชอบที่สุดในจักรวาลนี้แต่ก็เป็นหนังที่มีบทจบที่ดีมากๆ ยิ่งใหญ่และไม่รู้อีกกี่ปีถึงจะมีหนังที่มีบทสรุปได้ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้

AVENGERS: ENDGAME

"บทสรุปส่งท้ายแห่งความยิ่งใหญ่ตลอด 11 ปี ของ The Infinity Saga"

181 min | Action/Fantasy | Directed by Joe and Anthony Russo

"มีทุกอย่างที่แฟน Marvel ต้องการ !!"

     นี่คือหนังที่รีวิวยากที่สุดแล้วตั้งแต่ที่เคยรีวิวมาเพราะ Endgame ไม่ได้ดูแลเราเหมือนหนังเรื่องอื่น ตัวหนังไม่ได้มีความเป็นภาพยนตร์ นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพยนตร์ที่มอบเพียงความบันเทิงฉายฉวยเท่านั้น เพราะทุกวันนี้ Marvel ทำให้หนังฮีโร่กลายเป็นอีกวัฒนธรรมนึงไปแล้ว ทุกอย่างค่อยๆ ก่อร่าง สร้างอาณาจักร ผ่านหนัง 21 เรื่อง ตลอดระยะเวลากว่า 11 ปี เปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ที่ค่อยประกอบเข้าด้วยกันจนเป็นภาพขนาดใหญ่ในหนังเรื่องนี้ที่พอได้ดูได้ชมแล้วมันก็ตอบทุกโจทย์ดังคำจำกัดความที่กล่าวไปข้างต้น

     อย่างแรกเลยคือความครบรส ครบถ้วนไปด้วยอารมณ์เท่าที่หนังเรื่องนึงจะให้ได้ ทุกความมันส์ ความเพลิดเพลินกับฉากแอ็กชันที่จัดเต็ม ความสุข ความประทับใจในหลากหลายช่วงเวลาดีๆ ที่เกิดขึ้นบนจอภาพยนตร์ ได้หัวเราะ ได้เสียน้ำตา ได้อินไปกับหนัง แน่นอนว่าหากเราได้ดูหนังของ Marvel มา ได้เติบโตมาด้วยกัน ความผูกพันธ์ที่มีกับตัวละครมันเชื่อมโยงหนังกับผู้ชมได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ

     เหมือน Endgame เป็นข้อพิสูจน์ถึงความยอดเยี่ยม และ ความแข็งแรงที่ Marvel Cinematic Universe ทำมาโดยตลอด สร้าง "บทสรุป" ของเรื่องราวให้ออกมาดีที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุด อลังการที่สุดแทนคำขอบคุณถึงแฟนๆ ที่คอยติดตามจักรวาลนี้มาตลอด ไม่ว่าคุณจะคาดหวังอะไรไว้ ไม่ว่าคุณจะเสียตังค่าตั๋วเท่าไหร่ Avengers: Endgame จะคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์และคุ้มค่ากับการรอคอยอย่างแน่นอน