0 Mile+22+-+%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AC%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A2

Mile 22 - คนมหากาฬเดือดมหาประลัย

เข้าฉาย 30 สิงหาคม 2561
ผู้ชม : 24,642
ผู้กำกับ : Peter Berg
ความยาวหนัง : 95.00
Text Size

หนัง Mile 22 การกลับมาร่วมงานกันอีกหนึ่งคำรบของสุดยอดผู้กำกับสายแอคชั่นคุณภาพอย่าง ปีเตอร์ เบิร์ก และพระเอกคู่บุญ มาร์ค วอห์ลเบิร์ก เรื่องราวของเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับมือพระกาฬ ต้องร่วมมือกับหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษในภารกิจส่งตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กุมความลับระดับชาติออกนอกประเทศ ร่วมสร้างสีสันด้วยสุดยอดนักบู๊แห่งเอเชีย อิโก้ อูไวส์ นักกีฬา MMA สาวระดับแชมป์เปี้ยน รอนด้า เราซีย์ และนักแสดงระดับตำนาน จอห์น มัลโควิช


An elite American intelligence officer, aided by a top-secret tactical command unit, tries to smuggle a mysterious police officer with sensitive information out of the country.

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

29 สิงหาคม 2561 13:17:31

 

Mile 22 | Peter Berg

หนังระห่ำ แอคชั่นแบบเจ็บจริงตายจริงจากทุนสร้างหลากเชื้อชาติ โดยเฉพาะประเทศจีนแต่ผู้กำกับฮอลลี่วู๊ด ทำให้หนังมีกลิ่นอายแปลกๆ ที่ผสมผสานหลายหลักความคิดเข้าด้วยกัน แต่จากการที่มันเป็นหนังแอคชั่นที่เน้นความมันส์ เสียงปืนแน่นๆ ตัดต่อกระชากรวดเร็ว ทำให้หลักความคิดนั้นผสมแค่เจือจางพอสมควร ถึงกระนั้นหนังก็ทำได้ดีในฐานะหนังแอคชั่นรุนแรงที่มีความสมจริงแบบโม้อยู่หน่อยๆ และในตอนจบที่หักมุมระดับหนึ่ง ทำให้ Mile 22 ควรค่าที่แต่การดูเอามันส์แบบตั้งใจ

ไมล์ 22 เป็นระยะทางในอินโดนีเซียที่หน่วย Overwatch หน่วยทหารลับอเมริกานอกกฏหมายที่จะรับทำงานที่ในเครื่องแบบทำไม่ได้เท่านั้น ส่งมอบสายลับสองหน้า ลี นัวร์ที่ถือฮาร์ดิสก์ที่กุมความลับที่อยู่ของผงขีปนาวุธที่หายไปมายอมสวามิภักด์ แลกกับการที่ตัวเองอพยพไปอเมริกา ซึ่งลีนัวร์จะถูกตามล่าจากองกรณ์ระดับประเทศตลอดระยะเวลาดังกล่าวเพื่อชิงตัว หรือฆ่าลี นัวร์ทิ้ง

หนังขนความมันส์ เสียงปืนแรงๆ ระเบิดอัดหน้า ในระดับที่สัมผัสใกล้ชิด และใช้ตัดต่อกับภาพแบบระยะใกล้เหวี่ยงรุนแรง ทำให้ได้แอคชั่นที่มีความโหด สมจริง ลุ้นกันสนุก แต่น่าเวียนหัว และตามทันยาก ซึ่งถ้าชื่นชอบยุทธวิธีการทหาร แบบโม้นิดหน่อย สมจริงมากหน่อย หนังเรื่องนี้ตอบโจทย์ได้อย่างดี

สิ่งที่ชอบอีกอย่างหนึ่งคือ “เหตุผล” ของสนามรบ ซึ่งในหนังเกือบจะละทิ้งแนวคิดนี้ไปแล้ว แต่ก็อยู่ในการพูดพล่ามของซีเวียที่มีปัญหาด้านควบคุมอารมณ์ ทว่ามันก็เป็นการพล่ามพูดแบบไร้สาระ แบบที่คนไม่ค่อยอยากจะฟังกันนัก เป็นการจิกกัดที่โดนใจดี ที่เราชอบเพราะหนังเรื่องนี้ไม่ได้เข้าไปสำรวจความคิดของมนุษย์ คือผู้กำกับคงเข้าใจว่าหน้าที่ของหนังเรื่องนี้คืออะไร ก็เลยจับเอาแต่เบี้ยมากในการดำเนินเรื่อง ตัวทหารเองก็ไม่ได้มีความคิดที่ขัดแย้ง พวกเขาแค่ทำตามคำสั่งไปเหมือนหุ่นยนตร์ ไม่คิดมากมายไปกว่าจับปืนยิง และหาเงินกินข้าว

ตัวละครมันก็เลยมีความสมจริงในแบบทหาร คือพวกบ้าบอที่ตีกันโดยไม่สนใจเหตุผลไปกว่าการช่วยเหลือตัวเอง แก้แค้น และสนุกกับการต่อสู้ หนังก็เลยไปไม่ไกลเท่าไหร่ในเชิงการเมือง แต่กลับเข้าใกล้ความเป็นมนุษย์แสนน้อยของหน่วยทหารต่างๆ ถึงจะไม่ได้สำรวจความเป็นมนุษย์ที่เหลืออยู่แบบหนังสงครามเรื่องอื่น แต่ความเย็นชาของตัวละครก็ทำให้เรารับรู้ถึงภาวะกดดัน และการทำตามคำสั่งของตัวละครในทหาร ตัดสินใจในรูปแบบไหน ทำไมเขาถึงกลายเป็นแบบนั้น ทำไมถึงไม่ได้สนใจปรัชญาหรืออะไรเลย

ตอนจบที่ดีทำให้หนังเรื่องนี้ก้าวไปไกลกว่าที่มันควรได้รับ ตอนจบที่ดีของมันทำให้หนังมีมิติ และจัดการโยนทิ้ง “Heroism” กับ ทฤษฏีก่อการร้ายแบบ “สงครามโลกครั้งที่ 3” ลงทิ้งถังขยะไป ซึ่งเป็นการจัดการที่น่าชื่นชมนะ และจะทำได้ก็เพราะได้ทุนจีนนี่แหละ เพราะเมื่อหนังเป็นเรื่องราวระหว่าง อเมริกา รัสเซีย อินโดนีเซีย จากทุนจีน ไอ้ฮีโร่อเมริกา หรือผู้ร้ายรัสเซียเลยไม่มีอยู่จริง และทำให้หนังน่าสนใจแบบแปลกๆ นั่นแหละ

Mile 22 เป็นหนังเอามันส์ ที่คุณภาพถึงขั้น อาจเวียนหัวกับการตัดต่อแบบบ้าคลั่ง แต่เสียงปืนแน่นๆ ฉากแอคชั่นโหดๆก็ทำให้หนังทำหน้าที่ของมันได้ตลอดรอดฝั่ง และด้วยตอนจบแบบนั้นทำให้หนังคุ้มค่าในการรับชมในโรงนะครับ

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
8
การดำเนินเรื่อง
7
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
7.5
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
7.3
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
29 สิงหาคม 2561 10:22:21

Mile 22
--- 6/10 ---
“บู๊สนั่น แอ็คชั่นตลอดเรื่อง แต่...ก็เท่านั้นแหละ”

ผลงานของผู้กำกับ Peter Berg ที่ตามกันมาด้วยนักแสดงคู่บุญอย่าง Mark Wahlberg ซึ่งทั้งคู่เคยฝากผลงานไว้ด้วยกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Lone Survivor, Deepwater Horizon, Patriots Day และชอบทั้ง 3 เรื่องเลย จึงคาดหวังไว้กับเรื่องนี้ว่าจะต้องเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราชอบแน่ๆ

โดย Mile 22 เป็นเรื่องราวของหน่วยนอกกฏหมายที่ถูกขนานนามว่า Overwatch หน่วยที่สามารถปฏิการณ์ได้ทุกรูปแบบนอกประเทศแบบไม่ต้องห่วงกฏหมาย และมีประธานาธิบดีหนุนหลัง นำทีมโดย James Silva (Mark Wahlberg) เขาได้รับภารกิจให้ไปตามหาระเบิดที่ซ่อนอยู่ แต่แล้วก็มีการปรากฏตัวของสายลับ Li Noor (Li Noor) บอกว่ารู้ตำแหน่งที่ตั้งของระเบิด แต่มีเงื่อนไขคือต้องพาเขาอพยพไปอเมริกาก่อนถึงจะบอกที่ซ่อน และนั่นแหละ ทั้งเรื่องคือการบุกฝ่าห่ากระสุน เพื่อส่งตัวสายลับคนนี้ไปให้ปลอดภัย

หนังเปิดเรื่องก็แอ็คชั่นเลย ด้วยการทำภารกิจของหน่วย Overwatch ที่ค่อนข้างจะดูดีเลยทีเดียว หลังจากนั้นเนื้อเรื่องของหนังค่อนข้างสับสน มีการเล่าถึงที่มาที่ไปของพระเอก ทำให้คนดูพอจะรู้จักตัวตนพระเอกบ้าง หลังจากนั้นการเล่าเรื่องมีการตัดระหว่างสองเหตุการณ์ เป็นเหตุการณ์แอ็คชั่นกับเหตุการณ์ในห้องสอบสวน ซึ่งมันค่อนข้างทำให้ดูไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าถามถึงความมันส์ ฉากบู๊ มีให้เห็นทั้งเรื่องแน่นอนไม่ต้องห่วง

เรียกได้ว่าเป็นหนังแอ็คชั่นอย่างเต็มตัว เพราะตลอดชั่วโมงครึ่ง เราจะได้พบกับฉากแอ็คชั่นทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเตะต่อย ยิงปืน ขับรถ ระเบิด หนังเรื่องนี้จัดให้คุณหมด และจุดหักมุมของหนังมันก็ไม่ได้แย่ แต่ถ้าคุณเข้าไปชมแบบเพลินๆ ไม่คิดอะไร เรื่องนี้ถือว่าตอบโจทย์

Iko Uwais ดาราแอ็คชั่นชั้นแนวหน้าของวงการ ที่แสดงนำเรื่อง The Raid มาบู๊แบบถึงเนื้อถึงตัวในตัวอย่าง แค่นี้ก็คิดแล้วว่ามันต้องมันส์แน่ๆ แต่พอได้ดูแล้วบอกเลยว่าผิดหวังมาก บทบาทน้อยมาก ฉากที่ต่อสู้มือเปล่าแบบจริงๆ จังๆ ก็มีแค่ 2 ฉาก! แถมทั้ง 2 ฉากนั้นก็ตัดมุมกล้องเยอะเกิ๊น ตัดไปมา ชวนเวียนหัว ทำให้เสียอรรถรสกับการดูฉากต่อสู้ไปสักหน่อย ถือว่าน่าเสียดาย อุตส่าได้ Iko Uwais มาแสดง

อีกคนคงต้องขอพูดถึงหน่อยคือตัวพระเอกอย่าง Mark Wahlberg ที่ปูเรื่องมาก็พอรู้แหละว่าไม่ใช่เด็กธรรมดา มีปัญหาบางอย่าง โตขึ้นมาเลยเป็นแบบนี้ ปัญหาคือพูดทั้งเรื่อง แต่ละฉากที่ออกมานี่เหมือนนั่งดู Show me the money เหมือนเฮีย Mark แกออกมาพล่ามเยอะมาก จนมันดูเยอะไป แรกๆ ก็พอโอเค หลังๆ มันดูเยอะไปจนน่ารำคาญ ถ้ายังมีฉากพวกนี้เยอะกว่านี้มันไม่ใช่ Mile 22 ละ มันจะเป็น 8 Mile !!!

หนังเอาตัวละครตัวอื่นๆ มาใช้อย่างน่าเสียดาย ไม่ว่าจะเป็น Lauren Cohan (จากซีรีส์ The Walking Dead) หรือแม้กระทั่ง CL จากวง 2NE1 ที่เป็นการแสดงเรื่องแรกของเธอในวงการ Hollywood อีกต่างหาก และตัวละครอื่นๆ ที่ไม่ได้มีอะไรน่าจดจำเลย

ด้วยความที่หนังทำเพื่อสนองแอ็คชั่นจริงๆ เลยอาจไม่ได้มีเวลาไปขยี้ประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจในหนัง แถมยังทิ้งข้อสงสัยในเหตุการณ์ต่างๆ ในจุดหักมุมอีกด้วย

โดยรวมแล้วถ้าไปดูเอาแอ็คชั่นอย่างเดียว รับประกันว่าได้ไปเต็มๆ (แต่อาจจะขัดๆ บ้างในบางฉาก) แต่ถ้าจะเสพเนื้อเรื่องด้วยก็อาจจะงงๆ นิดนึง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็หลายๆ คนอาจจะชอบก็เป็นได้ ลองไปตัดสินด้วยตัวเองครับ

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
7.5
การดำเนินเรื่อง
6.5
ดนตรีประกอบ
6
ฝีมือนักแสดง
6
กราฟฟิก
6.5
คะแนนเฉลี่ย
6.5
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)

GUEST
montree
11 กันยายน 2561 07:25:15
ไปดูมาแล้ว เนื้อเรื่อง การตัดต่อ ดูไม่ค่อยรูเรื่อง
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย