Maps to the Stars - มายาวิปลาส
ภาพยนตร์ดราม่าน้ำดี ตีแผ่ความปั่นป่วนและปวดร้าวของจิตใจมนุษย์ผ่านตัวละครที่เป็นคนในวงการฮอลลีวูด เรื่องของการแก่งแย่งเพื่อความโด่งดัง อยากมีชื่อเสียง และอยากกลับมามีชื่อเสียง โดยดื้อรั้นและดันทุรังที่จะพาตัวเองไปสู่จุดที่ต้องการแม้ว่าจะต้องแลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต หนังเล่าเรื่องของครอบครัวไวส์ที่ประกอบไปด้วยสมาชิก 4 คนได้แก่ ดร. สตาฟฟอร์ด (จอห์น คูแซค) อดีตนายแพทย์ที่ผันตัวมาเป็นนักจิตบำบัดทางโทรทัศน์ที่โด่งดังจนได้ออกหนังสือและกลายเป็นเซเลบริตี้แถวหน้า, คริสตินา (โอลิเวีย วิลเลียมส์) ภรรยาของ ดร. สตาฟฟอร์ด ผู้เสพติดการควบคุมชีวิตของลูกชายในทุกด้าน, เบนจี้ (อีแวน เบิร์ด) ลูกชายวัย 13 ที่เป็นดาราเด็กชื่อดังของฮอลลีวู้ด แต่กลับมีความลับที่ไม่อาจเปิดเผยแก่สาธารณชนนั่นคือเขามักเห็นภาพหลอน และ อกาธา (มีอา วาสิโกวสกา) ลูกสาววัยรุ่นที่ ดร. สตาฟฟอร์ดอยากจะกำจัดเธอไปให้พ้นจากครอบครัว โดยอกาธาเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลโรคจิตหลังจากโรคชอบจุดไฟเล่นทำให้เธอมีแผลเป็นทั่วทั้งตัว วันหนึ่งอกาธาได้ไปรู้จักกับหนุ่มโชเฟอร์ (โรเบิร์ต แพททินสัน) ที่ขับรถลีมูซีนให้นักแสดงสาววัยกลางคนที่กำลังตกอับและชอบเห็นภาพหลอนอย่าง ฮาวานา เซอร์แกรนด์ (จูลีแอนน์ มัวร์) และได้กลายมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเธอ นี่ยังไม่นับว่าโชเฟอร์หนุ่มนั้นมีความฝันอยากจะไต่เต้าขึ้นเป็นดาราฮอลลีวู้ด และฮาวาน่าเองก็อยากจะเป็นนางเอกในหนังรีเมคหนังที่ แคลริส (ซาราห์ เกดอน) แม่ของเธอผู้เป็นนักแสดงเคยเล่นไว้จนโด่งดังในยุค 60 เพื่อจะได้กลับมาเป็นดาราดังอีกครั้งหนึ่ง
Maps to the Stars (2014/USA)
David Cronenbreg
ผลงานกำกับล่าสุด David Cronenberg ผู้กำกับผู้ขึ้นชื่อว่าเซอร์ไม่เคยแคร์ใครและเฮี้ยนขั้นสุด มาครั้งนี้ไม่ทำให้สาวกผิดหวังด้วยการจัดเต็มทั้งมุกตลกร้ายเสียดสี ตัวละครที่สติแตก และพล็อตเรื่องที่จับทางไม่ได้จนทำให้หนังพาเราไปไกลเกินขอบเขตความคุ้นชิ้นเดิมๆ อย่างที่เคยเป็นมาเสมอเมื่อได้ดูหนังของ Cronenberg
Maps to the Stars ว่าด้วยละครจิตป่วยมากชีวิตที่ต่างติดอยู่ในวังวนของการมีชื่อเสียงในฐานะความเป็น ‘สตาร์’ ดาราหญิงเริ่มเข้าสู่วัยทองที่กำลังกังวลว่าจะได้รับบทที่เพิ่งไปแคสติ้งมาไหม อดีตดาราเด็กน้อยขวัญใจมหาชนซึ่งติดหล่มความดัง คนขับรถลีมูซีนที่เขียนบทหนังที่ตัวเองอยากมีโอกาสได้เล่นเองสักวัน และอีกหลายๆ ตัวละครที่มีส่วนได้เสียพัวพันไม่ทางตรงก็ทางอ้อมกับความเป็นที่รู้จักเชิดชูในสังคม
ครึ่งแรกของหนังเต็มไปด้วยมุกตลกเสียดสีวงการบันเทิงอเมริกาที่จิกกัดได้อย่างเผ็ดมันและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความไม่ธรรมดาคือขณะที่ Cronenberg ใช้ฟังก์ชันของตัวละครทำหน้าที่ในการจิกกัดสังคมภายนอก แต่ปมทางจิตวิทยาที่เพี้ยนประหลาดภายในใจของตัวละครก็เล่าเรื่องเจ็บแสบสุดขีดของคู่สามีภรรยาที่แต่งงานมีลูกด้วยกันและมารู้ในภายหลังว่าแท้จริงแล้วตัวเองเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นลูกสาวของพวกเขายังชอบเล่นแต่งงานกับน้องชายอันสะท้อนปมในใจพวกเขา ซ้ำยังเคยอารมณ์เกรี้ยวกราดถึงขั้นจุดไฟเผาบ้านมาแล้ว หรือดาราวัยทองหน้ากำลังเหี่ยวที่หมกมุ่นกับแม่ในวัยสาวของเธอ แม่ซึ่งเคยเป็นดาราที่เฉิดฉายเป็นร่มเงาบดบังเธอ และแม่ที่เธอเข้าใจว่าเคยล่วงละเมิดทางเพศเธอตั้งแต่ยังเด็ก ประเด็น Incest ในเรื่องที่ผูกเงื่อนยั่วล้อควบคู่ไปกับการเสียดสีวงการบันเทิงอย่างคมคายร้ายกาจ ทำให้หนังของ Cronenberg ยังคงเป็นหนังที่ควรค่าแก่การดูและตบหน้าเปิดกะโหลกคนดูจนเหวอได้เสียทุกที
เป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่คงไม่ได้ตอบโจทย์ความบันเทิงในแบบที่คนทั่วไปคุ้นชินเท่าใดนัก และด้วยความเป็น Cronenberg ที่ไม่เคยแคร์ใครก็อาจทำให้คนดูเบือนหน้าหนีไม่รับ ซึ่งก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละท่าน แต่หากตัดประเด็นเรื่องรสนิยมทางความบันเทิงของใครของมันไป ประเด็นที่หนังโยนใส่หน้าคนดูก็เป็นประเด็นที่ช่างเจ็บแสบกวนใจและกระตุ้นต่อมคิดให้ทำงานไปได้ไกลจริงๆ
สรุปผลวิจารณ์หนัง