0 Jurassic+World%3A+Fallen+Kingdom+-+%E0%B8%88%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%84+%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B9%8C%3A+%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2

Jurassic World: Fallen Kingdom - จูราสสิค เวิลด์: อาณาจักรล่มสลาย

เข้าฉาย 7 มิถุนายน 2561
ผู้ชม : 110,334
ผู้กำกับ : J.A. Bayona
ความยาวหนัง : 130.00
Text Size

หนัง Jurassic World 2 Jurassic World: Fallen Kingdom จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ Claire Dearing นางเอกสาวส้นสูงของเราผู้เป็นคนก่อตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมาที่ชื่อว่า “Dinosaur Protection Group” หรือแปลได้ว่า “กลุ่มผู้คุ้มครองพิทักษ์ไดโนเสาร์” ที่ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่มีการปรากฏตัวของตัวละครหน้าใหม่ที่รับบทโดย Daniella Pineda และ Justice Smith ภารกิจของพวกเขาต้องยากยิ่งขึ้นเมื่อพวกเขาต้องหาทางอพยพเหล่าไดโนเสาร์ออกจากเกาะ หลังจากการตื่นขึ้นของภูเขาไฟยักษ์ ที่จะคร่าชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนเกาะและทำให้เกาะแห่งนี้ลุกเป็นไฟ เธอจึงจำต้องกลับไปขอความช่วยเหลือจากคนรักเก่าของเธออย่าง Owen Grady พระเอกสุดเท่ผู้คุยกับไดโนเสาร์รู้เรื่องให้กลับมาช่วยเธออีกครั้งหนึ่ง Jurassic World: Fallen Kingdom กำกับโดย J.A. Bayona นำแสดงโดย Chris Pratt, Bryce Dallas Howard, James Cromwell, Ted Levine, Geraldine Chaplin, Toby Jones, Rafe Spall ร่วมกับนักแสดงรับเชิญอย่าง BD Wong และ Jeff Goldblum


When the island's dormant volcano begins roaring to life, Owen and Claire mount a campaign to rescue the remaining dinosaurs from this extinction-level event.

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

19 มิถุนายน 2561 15:06:50

Jurassic World Fallen Kingdom อีกก้าวของจักรวาลไดโนเสาร์

ถ้า Jurassic World คือการสานฝันในสิ่งที่ Jurassic Park ไม่เคยทำได้ นั่นก็คือ การสร้างสวนสนุกให้สำเร็จและเปิดทำการ ใน Jurassic World Fallen Kingdom ก็คือการหยิบเอาประเด็นการขนย้ายสัตว์ออกจากเกาะไปยังแผ่นดินใหญ่ของ The Lost World Jurassic Park มาใช้ก็ไม่ผิดคาด

เรื่องราวของภาคนี้เริ่มต้น 3 ปีหลังจากพาร์คล่มสลาย เมื่อเกาะอิสลานูบลานั้นกำลังจะระเบิด เพราะภูเขาไฟที่อยู่บนเกาะนั้นไม่ได้ดับสนิทอีกต่อไป เป็นผลให้ไดโนเสาร์จะสูญพันธ์ุอีกครั้ง นี่คือพ้อยแรกที่ตัวอย่างหนังบอกหลายๆ คนไว้ ซึ่งหลังจากเนื้อเรื่องตรงนี้ต่างหากที่น่าสนใจเพราะตัวหนังเองปรับโทนจากหนังแอคชั่นผจญภัย ไปเป็นภาพยนตร์ไล่ล่าระทึกขวัญ สยองขวัญเต็มขั้น ชนิดที่เรียกได้ว่าเหมือนดูเอเลี่ยนเวอร์ชั่นต้นฉบับเลยทีเดียว

ที่ต้องชมเลยนอกจากช่วงครึ่งหลังของเรื่องที่ปรับเปลี่ยนโทนหนังไปแล้ว อีกฉากที่พีคและดีที่สุดใน 5 ภาคของซีรีย์นี้ นั่นก็คือฉากเปิดเรื่องของภาคนี้ เป็นฉากเปิดเรื่องที่บิ้วคนดูขึ้นจริงๆ สามารถทำให้คนลุ้นระทึกตั้งแต่เปิดเรื่อง หลายคนถึงกับส่งเสียงลุ้นออกมาจนออกนอกหน้าเลยก็มี

สรุปแล้ว Jurassic World Fallen Kingdom สามารถตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการความแปลกใหม่ โทนใหม่ๆสำหรับหนังไดโนเสาร์ แต่ถ้าใครที่ต้องการได้บรรยากาศเดิมๆ พร้อมเพลง Theme Jurassic Park ก็อาจจะผิดหวัง แต่ที่แน่ๆ เป็นภาคที่ทิ้งท้ายไว้ได้น่าดูดีเดียว และเป็นภาคที่จบเรืองได้ตามคอนเซปชื่อเรื่องที่ว่า Jurassic World คือภัยพิบัติระดับโลกเลยทีเดียว 9/10

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
9.5
การดำเนินเรื่อง
9
ดนตรีประกอบ
9
ฝีมือนักแสดง
8.5
กราฟฟิก
9
คะแนนเฉลี่ย
9
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
13 มิถุนายน 2561 12:49:57

 Jurassic World - Fallen Kingdom

เป็นหนังที่ปล่อยหมัดฮุกตลอดเวลา แทบไม่มีเวลาให้เราได้พักหายใจ ดำเนินเรื่องเร็ว ลุ้นระทึกตลอดเวลา เป็นหนังที่เอนเตอร์เทนผู้ชมที่ไม่ค่อยชอบความน่าเบื่อ (แต่บทก็อ่อนหลังอย่างเห็นได้ชัด) ภาพสวย ใครชอบไดโนเสาร์ ต้องชอบแน่ๆ เพราะออกมาหลายตัว ปล่อยออร่าความเท่มาเต็มๆ T-rex พระเอกในทุกๆ ภาค ก็มีให้ชื่นชมกันอยู่หลายฉาก อีกอย่างใครที่ได้ดู IMAX3D ก็จะเพิ่มอรรถรสในการชมขึ้นอีกมากๆ เลยทีเดียวครับ 

บทหนัง เนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่อง
การดำเนินเรื่องอย่างที่บอกไป ปล่อยหมัดฮุกแทบตลอดทั้งเรื่อง และดำเนินเรื่องเร็วมาก อยากเห็นไดโนเสาร์จัดไป อยากเห็นฉากวิ่งหนีตายก็จัดให้ทั้งเรื่อง คือหนังสนองความต้องการของเราทุกอย่างแต่ข้อเสียก็คือเนื้อเรื่องหรือบทหนังไม่ค่อยมีอะไร ใครที่ดูตัวอย่างหนังก็แทบเดาตอนจบของเรื่องได้แล้ว ไม่มีอะไรแปลกใหม่จากตัวอย่างหนังสักเท่าไร (ตัวอย่างเอาฉากเด็ดๆ มาออกเกือบหมด เสียดายของมาก พอมาดูในหนังกลายเป็นว่าไม่ตื่นตาตื่นใจแล้ว)

ไดโนเสาร์ที่ปรากฎในเรื่องมีแทบครบ อยากเห็นตัวไหนก็มีหมด และในหนังก็ชูบลู หรือแร็บเตอร์ เป็นตัวเด่นแทบทั้งเรื่อง ใครที่ชอบบลูจากภาคที่แล้วเรื่องนี้ต้องชอบยิ่งขึ้นไปอีก (ฉากมุงมิ้งนี่เยอะมาก)

คุณภาพของภาพและเสียง
ตัวผมเองได้ดูในระบบ IMAX3D ก็ชอบมากเลยนะโดยเฉพาะเสียง ฉากภูเขาไฟระเบิดนี่คือพื้นโรงหนังสั่นสะเทือนหนักมาก เหมือนเราอยู่ในเหตุการณ์เลย ฉากที่มีเสียงดังแล้วทำให้เราตกใจก็มีหลายฉาก แต่ข้อด้อยคือ 3D ที่ทำให้เห็นภาพนูนนั้นทำได้ไม่ค่อยดีเลย เรารู้สึกถึงความลึกและมิติของภาพ แต่ก็ไม่มากพอจะให้เราตื่นตาตื่นใจสักเท่าไร ทางด้าน CG ต้องบอกว่าเนียนมาก เหมือนจริงมาก เหมือนเราได้เห็นไดโนเสาร์ตัวจริงๆ เลย  

ด้านดี
แน่นอนหนังเอนเตอร์เทนคนดูมาก คือเข้าไปดูไม่ง่วงเลยตื่นเต้นตลอดเวลา นักแสดง Chris Pratt ก็แสดงดีมาก มุกฮาคือฮา ช่วงดิบเถื่อนพี่แกก็ทำได้ดี พี่แกถือเป็นข้อดีมากๆของหนังในเรื่องนี้ และในตัวระบบ IMAX3D มีระบบเสียงที่กระฮึ่ม ยอมรับว่าฉากภูเขาไฟระเบิดนี่ตื่นเต้นมากๆ เสียงดังจนพื้นสั่น แบบว่าตื่นเต้นเหมือนเราอยู่ตรงนั้นจริงๆ

ด้านแย่
การดำเนินเรื่อง ตื่นเต้น รวดเร็ว ทำให้เนื้อหาในหนังหายไปเยอะมาก แทบไม่มีอะไรเลย เนื้อเรื่องเดินเป็นเส้นตรง เดาได้ตั้งแต่เราดูตัวอย่างหนังแล้ว แต่ถ้าดูเอามันส์ ด้านแย่อันนี้ก็แทบไม่ต้องสนใจครับ ไปดูเถอะสนุกมาก เป็นสองชั่วโมงที่เวลาผ่านไปเร็วมากเลยครับ

ส่วนตัวหลังจากดูจบก็ต้องบอกว่าชอบมากนะ ตื่นเต้นทั้งเรื่องแทบไม่ง่วงเลย หนังเอนเตอร์เทนคนดูได้เก่งมาก ใครชอบดูฉากไล่ลาคนของไดโนเสาร์ ภาคนี้ก็ไม่ทำให้เสียใจ มีครบ สนุกมาก วันไหนว่างตีตั๋วไปชมได้เลยครับ 

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
8
การดำเนินเรื่อง
8.5
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
8.5
กราฟฟิก
9
คะแนนเฉลี่ย
8.2
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
10 มิถุนายน 2561 21:24:40

Jurassic World: Fallen Kingdom "จูราสสิค เวิลด์ อาณาจักรล่มสลาย"

128 min | Action/Sci-fi | Directed by J.A. Bayona 

เรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ? 

หลังจากที่สวนสนุก Jurassic World ได้เปิดให้บริการอีกครั้งในปี 2015 เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมก็ดูจะส่งผลให้เกาะไดโนเสาร์ต้องร้างไปอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าชะตากรรมของเหล่าไดโนเสาร์จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อเกาะ อิสลา นูบลาร์ กำลังจะเกิดภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ และทำให้เหล่าไดโนเสาร์จำต้องสูญพันธุ์ไปอีกครั้ง แคลร์ และ โอเว่น จึงต้องหาทางช่วยเหลือเหล่าสิ่งมีชีวิตจากโลกดึกดำบรรพ์ให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ 

ความรู้สึกแรกหลังดูจบ.. 

แทบจะชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นแล้วว่า ไตรภาค Jurassic World นี้ เดินรอยตามไตรภาคต้นฉบับอย่างชัดเจนมาก ในภาคแรกเองก็มีความคล้ายคลึงประหนึ่งรีบูท Jurassic Park ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แน่นอนว่าในภาคล่าสุดนี้แทบจะเดินรอยตาม The Lost World อย่างชัดเจน รวมไปถึงกราฟความสนุกที่ขึ้นๆ ลงๆ ไม่สเถียร ความรู้สึกของผมที่สึกเป็นแฟนไดโนเสาร์จะรู้สึกหน่วงๆ ระหว่างชอบกับไม่ชอบ เพราะหนังมีทั้งจุดดี และจุดด้อยมากมายปะปนกันไปหมด

สิ่งที่น่าชื่นชม 

ชื่นชมการปรับอารมณ์ในภาคนี้ให้มีความ thriller มากขึ้น ไม่อึกทึกมากนัก แถมตัวหนังยังมีซีนเปิดที่ค่อนข้างน่าจดจำ ที่ได้โชว์ของให้แฟนๆ ได้ฮือฮาอ้าปากค้าง และในช่วงท้ายกับลูกเล่นการตัดต่อและการตัดสินใจทิศทางของหนัง ที่แม้ว่าผมจะไม่ได้ปลื้มภาคนี้มาก แต่ก็อยากที่จะติดตามต่อไป 

สิ่งที่รู้สึกไม่ชอบ 

โอเคว่าไม่ได้คาดหวังในตัวบทอยู่แล้ว เพราะพอมาดูมันก็มีปัญหาค่อนข้างมากจริงๆ ซึ่งในส่วนนี้ทำให้ช่วงกลางเรื่องค่อนข้างดรอปและน่าเบื่อไปอย่างชัดเจน จนแทบจะหลุดความสนใจไปจากหนัง และแม้ว่าหนังจะสร้างไดโนเสาร์ตัวใหม่ที่ซึ่งเป็นตัวร้ายของเรื่อง เพื่อมาไดร์ฟหนังให้ไปข้างหน้า รวมถึงให้ผู้ชมได้รู้สึกถึงความแปลกใหม่ แต่กลับกลายเป็นว่า ตัวใหม่ ในที่นี้ ก็ไม่ได้สร้างความจดจำมากมาย ได้เฉกเช่นเดียวกับที่ I-Rex ทำได้ในภาคก่อน เป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก 

สรุป

Jurassic World: Fallen Kingdom เป็นภาคต่อที่ไม่ได้ถึงขั้นแย่ พอดูได้เพลินๆ ยิ่งคุณเป็นแฟนจูราสสิคยังไงก็ต้องไม่พลาดชมอยู่แล้ว แต่ไม่อยากให้คาดหวังมากมายนัก เน้นดูเพื่อความบันเทิง แต่จริงๆ แล้วก็แอบเสียดายค่อนข้างมากที่รู้สึกว่าหนังอาจจะทำได้ดีกว่านี้มาก แต่ก็ต้องรอติดตามกันต่อไป อาจจะปิดไตรภาคได้อย่างสวยงามก็เป็นได้

 

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
6
การดำเนินเรื่อง
7
ดนตรีประกอบ
7.5
ฝีมือนักแสดง
7.5
กราฟฟิก
7.5
คะแนนเฉลี่ย
7.1
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
7 มิถุนายน 2561 21:06:00

รีวิว Jurassic World : Fallen Kingdom ฉบับเด็กเดินตั๋ว [No Spoil]

สำหรับภาคนี้ อาจจะไม่ได้รู้สึกว้าวมากในด้านความยิ่งใหญ่อลังการของไดโนเสาร์ รู้สึกว่าภาคที่แล้วที่มีอินโดมินัส เร็กซ์ พรีเซนต์ออกมาได้แจ่มกว่า เร้าใจกว่าเยอะ แถมยังนำเสนอไดโนเสาร์หลากหลายคาแรกเตอร์หลากหลายสายพันธุ์ให้ตื่นตาตื่นใจกว่า (เด็กเดินตั๋วประทับใจฝูงแรพเตอร์และปลาจระเข้ยักษ์มาก) ภาคนี้ไม่ได้ชูเรื่องความอลังการของไดโนเสาร์มากนัก ส่วนเรื่องความสนุกเด็กเดินตั๋วเห็นว่าภาคนี้แตกต่างออกไปมาก ไม่ได้ด้อยกว่าเลย สนุกมาก เผลอๆ มากกว่าด้วย รสชาติหนังออกไปทางสยองขวัญ น่ากลัว แต่ละฉากดีไซน์ออกมาได้อย่างมีลูกเล่นและสื่อสารมีคุณภาพมาก ไม่ว่าจะเป็นคาแรกเตอร์ของนักแสดง หรือคาแรกเตอร์ของเหล่าตัวไดโนเสาร์ มีชั้นเชิงการเล่าที่เหนือชั้นมาก ถ้าเป็นอาหาร Jurassic World ภาคนี้คงพรีเมี่ยมเหมือนมีเชฟมิชลินสตาร์มาปรุงให้ทานกันเลยทีเดียว ลูกเล่นชั้นเชิงการเล่าหนัง ความน่ากลัวเหล่านี้พาเด็กเดินตั๋วย้อนนึกกลับไปถึงเรื่อง Jurassic Park ภาคแรกเลยที่เด็กน้อยหนีตายจากเหล่าแรพเตอร์วายร้ายที่นำเสนอออกมาได้น่ากลัวอย่างกับหนังผี 

เล่าเรื่องได้อย่างเหนือชั้น!
คือหนังเล่าดีมาก จนอยากรู้เลยว่าใครกำกับ พอหนังขึ้นชื่อ J.A. Bayoga ก็ยังไม่รู้ว่าคือใคร แต่พอมาเปิด IMDb ดูตอนหนังจบถึงกับร้องอ๋อเลย... ผู้กำกับชาวสเปนที่กำกับหนังสยองขวัญเรื่อง The Orphanage (2007) ที่มีชั้นเชิงการเล่าดีมาก ไม่ตุ้งแช่แบบผีเอเชีย ผีฝรั่ง สยองขวัญล้ำลึกเอาแบบกลัวนอนเปิดไฟไปหลายวันเลย และกำกับหนังที่ดีมากๆ อีกเรื่องคือ A Monster Calls (2018) ที่เล่าเรื่องดีมากทั้งเหงา เศร้า ซาบซึ้ง นำเสนอได้อย่างลงตัว เรื่องนี้การเล่าเรื่อง Jurassic World ภาคนี้ทำได้ดีไม่แพ้กันเลย นำเสนอประเด็นเรื่องราวที่น่าสนใจ มีหลายอย่างให้ขบคิดให้ตกผลึก ออกแบบการเล่าเรื่องฉากน่ากลัวก็น่ากลัวมาก ฉากลุ้นก็แทบหยุดหายใจ ฉากเศร้าก็เศร้าจนได้ยินเสียงกระซิกของคนข้างๆ สะอื้นเลย ฉากฮาฉากบันเทิงก็มาช่วยผ่อนบรรเทาอารมณ์ได้อย่างดี (คือมีฉากที่น่าจดจำหลายฉากมาก) นอกจากนี้มีดีไซน์วิชวลใช้ภาพช่วยในการเล่าเรื่องได้อย่างคมคาย ทั้งแสง ทั้งเงามีรายละเอียดซับซ้อนมากมายมาช่วยเล่าเรื่อง ช่วยสื่อความหมาย มีสัญญะสื่อสารทางความคิด ทิ้งอะไรในภาพไว้ให้ตีความค่อนข้างเยอะและลึกซึ้ง เพิ่มคุณค่าทางภาพยนตร์ให้หนังเรื่องนี้ได้เยอะมากๆ หลายๆ อย่าง เฮียบาโยก้าพาเราชวนไปนึกถึงมนต์เสน่ห์เก่าๆ ของ Jarrasic Park ภาคแรกๆ ไม่ว่าจะมุกหนีตายต่างๆ การเล่นเงาเล่นแสง ความน่ากลัวของแรพเตอร์วายร้าย ความพังของตู้ไฟวงจรไฟฟ้า การออกแบบตัวละครก็มีมิติมากๆ เช่นกัน ตัวร้ายที่ดูร้ายแต่จริง (พาเราไปนึกถึงคดีที่กล่าวหาถึงการฆ่าเสือดำเลย) ตัวละครหลายๆ ตัวล้วนดูมีปม มีด้านมืดสว่างผ่านการแสดงออกทางความคิด การตัดสินใจของตัวละคร แม้แต่เหล่าไดโนเสาร์ก็ดูมีคาแรกเตอร์เช่นกัน ภาคนี้บลูยังอยู่แถมดูมีปม มีมิติมากด้วย ต้องยกย่องการเล่าเรื่อง การกำกับการแสดงของเฮียบาโยก้าเลยจริงๆ ทำให้หนัง Blockbuster ที่สร้างมาเพื่อความบันเทิงดูเลอค่า ดูแพงขึ้นมาเลย ขอคาราวะ ขอชื่นชมอย่างแรงเลย...

มีหลายอย่างที่ชอบมากๆ ในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกลับมาของแรพเตอร์สุดน่ารักขวัญใจเด็กเดินตั๋วอย่างน้องบลู หรือการเอาเจ้าคอยาวออกมาต้อนรับสู่เกาะอิสลานูบลาร์ที่ทำให้ความผูกพันความทรงจำเก่าๆ ในทุกๆ ภาคฟุ้งกลับขึ้นมา รวมไปถึงการคำรามกึกก้องของ T-Rex ราชาไดโนเสาร์ในตอนจบของทุกๆ ภาคด้วยเช่นกัน การออกแบบฉากหนีตายที่คราวนี้ครีเอทและมาเหนือชั้นมาก ภาพในเรื่องเล่าเรื่องและดีไซน์มาสวยมาก งานสร้างยิ่งใหญ่อลังการและมีลูกเล่นในงานสร้างเยอะมาก ซีจีไม่ตกมาตรฐานและความรู้สึกเลย ดูเนียนสนิทไม่หุ่นไม่ลอย สื่อความรู้สึกได้ถึงความเป็นสัตว์ป่าจริงๆ 

การแสดงของคริส แพตต์และเบลซ ดัลลาส ฮาร์เวิร์ด พระนางคู่ขวัญ Jurassic World ถ้าเอาตรงๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก ภาคที่แล้วยังจะดูโดดเด่นกว่า ภาคนี้ที่เด่นๆ ต้องยกให้น้องเด็กผู้หญิงที่ดูเป็นเด็กน้อยใสๆ แต่กลับถ่ายทอดเรื่องราวของเธอกลับลึกซึ้งประทับใจมาก แต่เอาจริงๆ ภาคนี้ไดโนเสาร์กลับเล่นดีกว่าและน่าจดจำกว่าเยอะเลย (แหะ...แหะ...)

ภาคนี้ถ้ามีอะไรที่ผิดหวังคงจะเป็นเพลงประกอบที่นอกเหนือจากหน้าที่เสริมอารมณ์ในแต่ละฉากแล้ว ที่เหลือล้วนขาดมนต์เสน่ห์ไม่น่าจดจำ ไม่ติดหู ไม่มี Main Theme ใดๆจาก Jurassic Park แหลมออกมาเลย (อย่างภาคที่แล้วยังมีในหลายๆช่วงจังหวะ มีเสียงเปียโนธีม Jurrasic Park ก้องกังวาลขึ้นมา หรือช่วง T- Rex คำรามตอนท้ายเรื่องก็มีธีมที่โดดเด่นดังขึ้นมาให้หายคิดถึง แต่ภาคนี้ไม่เห็นเข้าหูเลย

สรุปโดยรวมเด็กเดินตั๋วชอบแฟรนไชส์ชุด Jurassic Park มากนะ ดูทุกภาคเลย แม้ว่าภาคที่แล้วก็ว้าวตื่นตาตื่นใจ แต่กลับเทใจหลงรักภาคนี้มากกว่าด้วยความที่มีกลิ่นอายเหมือนภาค Jurassic Park ภาคแรก อะไรที่เป็นกิมมิคเก่าๆถูกนำมาขัดถูและเสริมแต่งด้วยลูกเล่นใหม่ เล่าเรื่องได้อย่างมีศิลปะ มีเสน่ห์ มีกลิ่นอายความเศร้า ความน่ากลัว รวมๆแล้วรักเลยจ้า ❤️
ป.ล. มี End Credit นะ 

- เด็กเดินตั๋ว -

ส่วนใครดูแล้วมาเม้าส์มอยส์กันได้ข้างล่างเลยนะ

คลิกเพื่อซ่อนหรือแสดงข้อความ
 

 

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
8
การดำเนินเรื่อง
9.5
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
8.5
กราฟฟิก
9.5
คะแนนเฉลี่ย
8.5
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)