0 Ready+Player+One+-+%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%89+%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C+%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99+%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B0

Ready Player One - เรดดี้ เพลเยอร์ วัน สงครามเกมคนอัจฉริยะ

เข้าฉาย 29 มีนาคม 2561
ผู้ชม : 66,806
ผู้กำกับ : Steven Spielberg
ความยาวหนัง : 140.00
Text Size

หนัง Ready Player One หรือชื่อไทยว่า เรดดี้ เพลเยอร์ วัน สงครามเกมคนอัจฉริยะ สร้างจากนิยายชื่อเดียวกันของผู้แต่ง Ernest Cline เป็นเรื่องราวในอนาคตอันใกล้ Wade Wilson เด็กหนุ่มวัยรุ่นได้หลีกหนีโลกจากความเป็นจริงเข้าสู่ OASIS โลกเสมือนจริง เมื่อเศรษฐีผู้สร้าง OASIS ถึงแก่ความตาย เขาได้เสนอให้ผู้ที่เข้าสู่ OASIS ค้นหาสมบัติของเขาที่เก็บซ่อนเอาไว้ (easteregg) Wade เข้าร่วมการผจญภัยนี้พร้อมกับนักเล่นเกมทั่วโลก ก่อนจะรู้ตัวว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับองค์กรที่ทรงอำนาจผู้ไร้ซึ่งความปราณี ที่พร้อมจะทำทุกวิถีทางทั้งใน OASIS และโลกแห่งความจริงเพื่อเข้าถึงสมบัติให้ได้ก่อนใครทั้งหมด


When the creator of an MMO called the Oasis dies, he releases a video in which he challenges all Oasis users to find his Easter Egg, which will give the finder his fortune. Wade Watts finds the first clue and starts a race for the Egg.

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

2 เมษายน 2561 00:46:33

Ready Player One "สงครามเกม คนอัจฉริยะ"

140 min | Action/Sci-fi | Directed by Steven Spielberg 

เรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ? 

หนังสร้างจากหนังสือชื่อเดียวกัน ว่าด้วยเรื่องของโอคลาโฮมาในปี 2045 ที่ซึ่งเป็นกึ่ง ๆ ดิสโทเปียไปแล้ว เกิดปัญหาด้านความขาดแคลนมากมายไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือพลังงาน โลกน่าอยู่น้อยลงไปทุกวันทำให้มนุษย์ต้องหนีความจริงไป พึ่ง OASIS โลกเสมือนจริง หรือ VR Society ที่มีความเป็นเกมผสมอยู่ จนอยู่มาวันนึง ผู้สร้างของ OASIS ได้เสียชีวิตลงและได้ทิ้งเบาะแสให้กับผู้เล่น ให้ตามล่า Easter Egg ซึ่งจะสามารถหาพบได้หากค้นหากุญแจครบทั้งสามดอก และเมื่อค้นพบก็จะได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินที่มีค่านับแทบไม่ถ้วน ทำให้ผู้คนทั้งโลกต่างออกล่าเพื่อหวังว่าจะได้พลิกชีวิต

ความรู้สึกแรกหลังดูจบ..

ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นแฟนหนังสือเล่มนี้เลย เวอร์ชั่นหนังสือจัดว่าเป็นหนังสือที่ดีและอ่านสนุกมากที่สุดเล่มนึงเท่าที่ผมเคยอ่านมา แต่ด้วยความที่หลายๆ อย่างของต้นฉบับมันค่อนข้างดัดแปลงมาทำหนังได้ยากทำให้ก่อนดูก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะดีมากแม้กระทั่งมันอยู่ในมือของสปีลเบิร์กก็ตาม แต่พอได้ชมแล้วก็รู้สึกดี รู้สึกสนุกและเอนจอยไปกับหนังมากกว่าที่คาดเอาไว้มาก 

สิ่งที่น่าชื่นชม

ตัวหนังบิดจากหนังสือไปอย่างสิ้นเชิงเหมือนกัน คือมีแบ็คกราวที่คล้ายกัน มีโครงเรื่องที่เหมือนกัน แต่ตัวภารกิจ ตัว objects ต่างๆ ถูกดัดแปลงจนแตกต่างกับหนังสือไปมาก ซึ่งเป็นจุดที่ผมเข้าใจได้และเซอร์ไพร์สมากที่มันทำให้รู้สึกว่า เฮ้ย แปลกใหม่และคาดไม่ถึงกับลูกเล่นพวกนี้ ถือว่าเป็นความรู้สึกใหม่มากที่หนังไปดัดแปลงหนังสือยับแต่ก็ทำได้ดี มีน้ำหนักและเหตุผลมารองรับที่ดี ผมชอบตรงจุดนี้มาก เพราะคิดว่าหากนำ puzzle ในหนังสือมาใช้แบบเต็ม ๆ เลยมันอาจจะลึกไปยากไปสำหรับคนที่ไม่ได้เนิร์ด หรือ geek ขนาดนั้น 

สิ่งที่รู้สึกไม่ชอบ 

การที่มันเป็นหนัง มีเวลาให้เล่าเรื่องค่อนข้างจำกัด ทำให้ต้องมีการลดทอนรายละเอียดทิ้งออกไปมากมาย ตรงจุดนี้ก็เหมือนเป็นการสร้าง plot hole จนเชื่อว่าหลายคนรู้สึกได้ เพราะเดิมทีตัวหนังสือที่ว่าแน่นก็อาจจะพอมีอยู่บ้าง ตัวหนังจึงไม่ต้องห่วง แต่ก็ไม่ได้ไปลดทอนความสนุกอะไรขนาดนั้น

สรุป

หนังค่อนข้างบันเทิงมาก คือหลายคนคงอยากไปดูหนังเรื่องนี้เพราะมีตัวละครมีวัตถุจากหนัง การ์ตูน ซีรีส์ เกม เพลงที่เราล้วนเคยเสพกันมามาปรากฎในเรื่องนี้มากมาย ซึ่งก็ถือว่าเป็นสเน่ห์ของ Ready Player One ที่หยิบเอา pop culture หลายต่อหลายเรื่องมาร้อยเรียงให้กลายเป็นหนังเป็นเรื่องเป็นราว ห้ามพลาดเลยทีเดียว 

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
7
การดำเนินเรื่อง
7
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
9.5
คะแนนเฉลี่ย
7.9
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
31 มีนาคม 2561 15:26:32

Ready Player One | Steven Spielberg

โอ๊ย หนังฟินมาก โคตรตอบโจทย์ของบรรดา Geek เกมได้เป็นอย่างดี แม้ตัวเนื้อเรื่องค่อนไปทางหลวมเลยล่ะ แต่ด้วยตัวหนังมันขาย Easter Egg เป็นหลักก็เลยทำให้เป็นการดูอีกรูปแบบหนึ่ง ที่จะทำงานกับความรู้สึกเวลาเราพบความลับในเกมปกติ ซึ่งก็ทำงานได้ดีสุดๆ เลย รู้สึกกรี๊ดกร๊าดที่ได้เห็นคัลเจอร์ป๊อปในยุคเรามาปรากฏตัวในรูปแบบต่างๆ ในหนัง ให้ความรู้สึกเมื่อพบเพื่อนเก่าในวัยเด็ก ประกอบกับสปิลเบิร์ก พ่อมดแห่งวงการภาพยนตร์ที่ช่วยให้หนังมันมีเสน่ห์แบบสุดๆ ช่วยพยุงให้หนังได้ไปต่อจนสุดทาง

Ready Player One เกี่ยวกับเกมล่า Easter Egg ที่นักพัฒนาเกมฮอลิเดย์แห่งยุคที่เหล่าตัวเอกเล่นกัน ได้แอบซ่อนเอาไว้ในเกม เป็นกุญแจ 3 ดอก ถ้าใครไขปริศนากุญแจทั้ง 3 ดอกที่เป็น Easter Egg ในชีวิตจริงของคนดูแล้ว ก็จะได้หุ้นทั้งหมดของเกมไปจนหมดสิ้น โดยมีแกนกลางของเรื่องคือ เวด วัตส์ หรือในนามเกม “เพอร์ซิวัล” นักล่า Easter Egg ผู้ซึ่งบังเอิญไขปริศนาแรกสำเร็จด้วยการเข้าไปในชีวิตของฮัลลิเดย์ ทำให้บริษัท IOI ที่จ้องจะหุบเกมนี้ตั้งแต่แรกเข้ามาแย่งชิง จนทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นว่ายที่ไม่ใช่แค่การ “เล่นเกม” เท่านั้น แต่มันกระทบกับ “ความจริง” จนนำไปสู่การต่อสู้เอาชีวิตรอด และอนาคตของเกมทั้งหมดเป็นเดิมพัน

ท่ามกลางการเดินเรื่องขั้นเทพแบบลองเทคไร้รอยต่อของสปิลเบิร์ก เราก็จะได้เห็นแฟนเซอร์วิสกันในระดับทุกนาที ที่มาจากวัฒนธรรมป๊อบร่วมสมัยในยุค 90 จนถึงปัจจุบัน และทำให้เราสนุกสนานกับการดู Easter Egg ในหนังด้วยความเพลิดเพลิน พร้อมกับความทรงจำที่พลั่งพรูออกมามากมาย ราวกับพบเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน ซึ่งทำให้หนังมันมีนัยยะความสำคัญที่มากว่าเนื้อปกติ และเข้าไปสัมผัสกับผู้คนจริงๆ ที่ส่วนนี้

แต่พอมาดูเนื้อเรื่องหลักของหนัง สำหรับเราแล้วค่อนข้างไม่โอเคเท่าไหร่ เป็นเส้นตรง เดาออกง่าย แล้วก็ตัวละครกับ Setting ก็แปลกๆ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ความขัดแย้งส่วนใหญ่วนไปอยู่กับความขัดแย้งเก่าๆ ที่พยายามให้ความสำคัญกับโลกความจริงมากกว่าโลกเสมือน แถมตัวหนังเองก็ไม่ได้เข้าไปสำรวจเด็กติดเกมจริงๆ ว่ามันคืออะไรกันแน่ สำหรับบริบทความจริงเองน่าจะเข้มข้นกว่านี้ได้ อย่าลืมว่ามันไม่มีรัฐบาลอยู่เลย เหมือนตัดทิ้ง โดยรวมเหมือนดูหนังเด็กแอคชั่นยุคโบราณ ที่มีการรวมทีม โค่นตัวร้าย (ตัวร้ายติดตลกแบบสปิลเบิร์กที่ชอบทำใน อินเดียน่า โจน นั่นแหละ) พ่ายแพ้เพื่อจะชนะ และก็ได้ผู้หญิงไป ซึ่งในความเป็นจริงมันก็เป็นพล๊อตโบราณที่ทำให้เราคิดถึงเหมือนกันนะ แต่เนื่องจากไม่มีอะไรใหม่ในส่วนนี้ เราเลยไม่ค่อยอิน บวกกับความกดต่ำทุนนิยมกับเงินด้วย ก็เลยยิ่งทำให้เราห่างเหินพอควร

แต่การกำกับการของสปิลเบิร์กก็ช่วยไว้เยอะมากๆ การสร้างตัวละครให้มีเสน่ห์น่าสนใจ มีความกลม การนำเสนอบุคคลิกรูปแบบต่างๆ ให้ผู้คนหลงรัก สปิลเบิร์กเป็นคนบุกเบินการสร้างตัวละครแบบนี้ในหนังเด็ก ที่งดงามมากๆ ในหนังเรื่องก่อนของเขา ซึ่งก็ทำได้ดีในยุคนี้เช่นกัน และช่วยให้หนังมันสนุก ได้ไปต่อ ไม่ได้ทำให้แย่เกินไปนัก

โดยรวมแล้วมันเป็นหนังที่ “โคตรฟิน” ให้ความรู้สึกแบบเดียวกับ Justice League ที่ให้ความสำคัญกับแฟนเซอร์วิสมากๆ แม้ตัวเรื่องจะไม่ค่อยอินเท่าไหร่สำหรับคนที่ผ่านพล๊อตแบบนี้มายาวนาน แต่ก็หนังก็ยังพาเราไปผจญภัยไปกับเหล่าผู้เล่น พบเจอเพื่อนเก่าที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเราและของตัวละคร จนเหมือนการเล่นเกมโบราณที่ทำให้เราได้พบกับความทรงจำเก่าๆของเรา แค่นี้ก็ทำให้ Ready Player One เป็นหนังที่น่าประทับใจแบบสุดๆ แล้วล่ะ

พยายามดู 3D นะครับ กราฟฟิคและการเล่าสปิลเบิร์กสไตล์ตินติน มันน่าตื่นตาตื่นใจแบบโคตรๆ

ปล.คะแนนที่ให้เนี่ย เป็นคะแนนของหนังจริงๆ แต่ถ้ารวม Easter Egg ทั้งหลายเข้าไปด้วย ผมให้โบนัสรวมไป 9 คะแนนเลยจ้า มันฟินสำหรับเด็กเล่นเกม ดูการ์ตูน เด็กดูหนังในต้นยุค 2000 จริงๆ

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
7
การดำเนินเรื่อง
7.5
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
7
กราฟฟิก
9.5
คะแนนเฉลี่ย
7.8
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
31 มีนาคม 2561 09:52:32

สำหรับเหล่าเกมเมอร์ถ้าได้ดูเรื่องนี้แทบลงไปนอนดิ้นตายตลอดตั้งแต่หนังเริ่ม จนหนังจบเลยทีเดียว มีตัวละครจากเกมที่รักตะลอนเดินอยู่ในหนังเรื่องนี้เพียบ ตั้งแต่เกมยุค 90 มาเรื่อยๆ (ช่วงเรโทร-ป๊อปคัลเจอร์) ตัวละครเกมและตัวป๊อปๆ จากภาพยนตร์หลายๆ เรื่องข้ามค่ายมาสู้กันอย่างสนุกสนานอยู่ภายในหนังเรื่องนี้ นับว่าฟินสุดๆ

จากวิชั่นของพ่อมดแห่งวงการภาพยนตร์คุณปู่ ‘สตีเวน สปีลเบิร์ก’ ผู้สร้างสรรค์ผลงานระดับตำนานไว้หลายเรื่อง หลายแนวเช่น Jurassic Park, A.I. Artificial Intelligence, Saving Pirate Ryan หรืออีกหลายๆ เรื่องที่ขึ้นหิ้งระดับตำนานทั้งนั้น แทบการันตีความสนุกเหนือจินตนาการของ ‘Ready Player One’ กันได้เลย

จริงๆ พล็อตหนังก็ทั่วๆ ไปถ้าจะเล่าเรื่องราวออกมา แต่ในความธรรมดาเมื่อผ่านสายตาและการคิดการตีความของเฮียสปิลเบิร์กออกมาแล้ว มันไม่เคยมีคำว่าธรรมดา เลยจริงๆ ทุกดีเทล ทุกวิธีเล่าเรื่องมันมีความสปิลเบิร์กมากๆ แถมสำหรับเหล่าเกมเมอร์ทั้งหลายการได้เห็นตัวละครจากแต่ละเกมออกมาวิ่งโลดแล่นในจอภาพยนตร์ใหญ่ยักษ์แบบนี้ จะยิ่งอินยิ่งฟิน พีคในพีคเข้าไปใหญ่

แล้วไม่ใช่คอเกมจะดูสนุกไหม?

เด็กเดินตั๋วเองก็ไม่ได้เป็นเกมเมอร์ บอกได้เลยว่าหลายๆ ตัวละครในเกมก็เคยๆ ผ่านตามาบ้าง เคยเล่นมาบ้าง ก็ยังอินและสนุกไปกับมันอย่างมาก ที่ต้องเตือนให้เตรียมความพร้อมไว้เลยคือ.... ‘ควรดูหนังเรื่อง The Shining ของผู้กำกับ Stanley Kubrick มาเสียก่อน’ เพราะมีฉากนึงที่เข้าไปอยู่ในหนังเรื่องนี้เต็มๆ เลย ใครที่เคยดู The Shining มาก็จะฟินมาก แต่ถ้าไม่เคยดูล่ะ? จะงงไหม จะโดนสปอลย์ไหม บอกเลยว่าหนัง Ready Player One ก็จะพาทุกคนไปพร้อมๆ กันแหละ ส่วนฉากที่ถูกนำมาใช้ก็เป็นฉากจำ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่อง ไม่โดนสปอยล์ก่อนแน่นอน (อารมณ์เหมือนทุกๆ คงรู้อยู่แล้วว่าในไททานิค แจ็คกับโรส จะไปยืนกางแขนกันที่หัวเรือ อารมณ์จะเป็นอะไรทำนองนี้) 

เด็กเดินตั๋วแนะนำให้ดูเลยเรื่องนี้ แถมยังแนะนำให้ดูในระบบ IMAX หรือถ้างบพอให้ดูแบบ 3DIMAX กันไปเลย รับรองความคุ้มค่า ความฟิน และได้รับความบันเทิงและประสบการณ์สองชั่วโมงคุณภาพเยี่ยมแน่นอน

- เด็กเดินตั๋ว -

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
7
การดำเนินเรื่อง
9
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
9
คะแนนเฉลี่ย
8.2
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)