0 Darkest+Hour+-+%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81

Darkest Hour - ชั่วโมงพลิกโลก

เข้าฉาย 11 มกราคม 2561
ผู้ชม : 13,647
ผู้กำกับ : Joe Wright
ความยาวหนัง : 125.00
Text Size

หนัง Darkest Hour หรือชื่อไทยว่า ชั่วโมงพลิกโลก DARKEST HOUR ชั่วโมงพลิกโลก เป็นผลงานของโฟกัส ฟีเจอร์ ซึ่งได้เวิร์คกิ้ง ไทเทิล โปรดักชั่น มาดูแลงานสร้าง พบกับเรื่องราวสุดระทึกซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่วินสตัน เชอร์ชิล (รับบทโดย แกรี่ โอลด์แมน ผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ มารับหน้าที่นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร และต้องเผชิญกับความวุ่นวายและวิกฤติที่เกิดขึ้้น ซึ่งต้องหาทางเจรจาสันติภาพกับนาซี เยอรมนี หรือยืนหยัดต่อสู้เพื่ออุดมคติ เสรีภาพ และอิสรภาพของชาติ ขณะที่กองทัพนาซีเดินทัพมาใกล้ยุโรปตะวันตกและจะเข้ามาบุกและยึดครองพื้นที่ เชอร์ชิลต้องยืนหยัดต่อสู้ท่ามกลางวิกฤติ และพยายามกอบกู้ชาติ และพยายามที่จะเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์โลก ท่ามกลางประชาชนที่ยังไม่มีการเตรียมตัว กษัตริย์ผู้ช่างสงสัย และพรรคการเมืองของเขาที่วางตัวอยู่ตรงกันข้าม


หนัง Darkest Hour หรือชื่อไทยว่า ชั่วโมงพลิกโลก Within days of becoming Prime Minister, Winston Churchill must face his most turbulent and defining trial: exploring a negotiated peace treaty with Nazi Germany, or standing firm to fight for the ideals, liberty and freedom of a nation.

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

31 มกราคม 2561 21:09:33

เอาอยู่...ไม่อยู่ - รีวิว Darkest Hour ฉบับเด็กเดินตั๋ว

เด็กเดินตั๋วต้องขอชี้แจงว่าชอบผู้กำกับ Joe Wright มากๆ ทั้งวิธีการเล่าเรื่อง วิธีการนำเสนอ การแสดง องค์ประกอบศิลป์ การคัดเลือกนักแสดงของเฮีย ทุกอย่างมันว้าวสำหรับเด็กเดินตั๋วเสมอ ไม่ว่าจะเรื่อง Hanna, Atonement , Pride And Prejudice, Anna Karenina บอกเลยว่าเดนตายมากๆ สำหรับเด็กเดินตั๋ว แต่สำหรับเรื่อง Darkest Hour หน้าหนังไม่น่าดูเลยสำหรับเด็กเดินตั๋ว ไม่ค่อยสนใจลุงวินสตัน เชอร์ชิลสักเท่าไหร่ แต่เพราะเฮีย Joe Wright เด็กเดินตั๋วยอม...

แทบยอมตายให้การแสดงและการเปิดตัวละครแต่ตั้งต้นเรื่อง ยอมใจเฮียโจจริงๆ อาร์ตดีมาก สวยมากๆ คุ้มค่ามาก การเล่าเรื่องแม้จะไม่ค่อยพาไปไหนไกลมาก แต่หนังก็พาเราไปอย่างละเมียดละไม การแสดงของแกรี่ โอลด์แมนก็เด็ดจริงๆ เอาใจไปเลยจ้า... ไม่มีอะไรนอกจากเพลิดเพลินและได้อยู่กับหนังอย่างสุนทรีย์

การเล่าประเด็นผู้นำในภาวะการณ์คับขัน เป็นอะไรที่ยากที่จะถ่ายทอดออกมาให้สมความคาดหวังของคนดู แต่เฮียโจหมัดหนัก และเร็ว เอาเสียน็อก KO ไปเลย ดูเรื่องนี้แล้วอยากกลับไปดู Dunkirk อีกรอบเลย จะอินขึ้นมากหลายเท่า เพราะเหตุการณ์นี้ต่อเนื่องกันในทางประวัติศาสตร์ (สปอยล์ไหมนะ) เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้ปู่แกรี่ ได้ลูกโลกทองคำไปแล้ว มาลุ้นกันในออสการ์ต่อละกัน ไม่มีอะไรคาใจเลย...

- เด็กเดินตั๋ว -
 

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
9
การดำเนินเรื่อง
9.5
ดนตรีประกอบ
8.5
ฝีมือนักแสดง
9.5
กราฟฟิก
9
คะแนนเฉลี่ย
9.1
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
30 มกราคม 2561 13:45:36

Darkest Hour | Joe Wright

“ผู้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือผู้ที่ไม่เคยเปลี่ยนอะไรได้เลย”

หนังชีวประวัติช่วงชีวิตของนายกรัฐมนตรีเชอร์ชิลด์ในช่วงเวลาวิกฤติที่สุดในอังกฤษ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังระอุ พันธมิตรยักษ์ใหญ่ฝรั่งเศสกำลังยอมแพ้ ในขณะที่อังกฤษเองก็กำลังสับสนอย่างสุดตัว

ผู้กำกับ Joe Wright กับงานสไตล์สงครามโลกครั้งที่ 2 อีกครั้ง หลังจากทำหนังสุดเด่นจากเรื่อง Atonement ที่คราวนี้ก็แนบมาพร้อมกับอาร์ตไดเรกจัดจ้าน ภาพงดงาม การเล่าเรื่องที่กระชับฉับไว แม้จะผ่านการเล่าด้วยบทสนทนาก็ไม่ได้ลดความสนุกสนานลงไปเลย มีลูกล่อลูกชนดูสนุก ลื่นไหลไปพร้อมกับบุคลิกตัวละครที่น่าสนใจ มีเสน่ห์ เต็มไปด้วยความเป็นมนุษย์ที่ปะปนดีร้าย พร้อมกันนั้นก็ถ่ายทอดถ้อยความคำพูดฉะฉาน ที่เป็นอาวุธที่ดีที่สุดทั้งตัวเชอร์ชิลเองและหนังเรื่องนี้ได้อย่างทรงพลัง

หนังเรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องราวช่วงที่ตกต่ำที่สุดของสัมพัธมิตร ช่วงเวลาที่อเมริกายังไม่โดดมาร่วมวง ฝรั่งเศสกำลังยอมแพ้ ผู้คนไม่เชื่อใจนายกรัฐมาตรีเนวิลว่าจะพารัฐบาลอังกฤษในยามยากได้ เหล่าฝ่ายค้าน และประชาชนบางกลุ่มจึงหันไปยกเก้าอี้นายกให้กับ เชอร์ชิล อดีตนายกรัฐมนตรีสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ฉุนเฉียว อนุรักษ์นิยม และเป็นที่รังเกียจของคนทั่วไปเนื่องจากนโยบายรัฐบาลที่ล้มเหลวในช่วงสงบ แต่ก็มีความเด็ดขาด มีวิสัยทัศน์กว้างขวาง เดาถูกเรื่องฮิตเลอร์ และเหนือสิ่งอื่นใดคือ ทัศนคติอันสุดยอด...

มันคือ “ความไม่ยอมแพ้”

หนังทั้งเรื่องจึงเป็นการเล่าถึงการเมืองภายในของอังกฤษ การต่อสู้เพื่อแนวคิดแบบต่างๆภายในคณะรัฐมนตรี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสับสนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำสงครามต่อไป การปล่อยผ่าน หรือการเจรจาสงบศึก โดยมีฉากหลังเป็นประวัติศาสตร์ต่างๆ โดยเฉพาะปฏิบัติการไดนาโม ที่พวกเราคุ้นเคยจากชายหาดดันเคิร์ก หนังเรื่องนี้เป็นอีกด้านหนึ่ง เป็นสถานที่ที่การตัดสินใจถูกสร้างขึ้น  เราจะเห็นภาวะกดดัน การมองคนเป็นตัวเลข การเสียสละ และความพยายามอันไม่ลดละของเชอร์ชิลด์ที่ดูเกือบจะเป็นการหัวรั้น โหดร้าย แต่ก็เข้าใจ ผ่านมุมมองจากนายทหารบ้าง เลขาบ้าง หรือตัวเชอร์ชิลด์เอง

ช่วงสุดท้ายมันพีคมากๆ สำหรับเรา เพราะภาวะการตัดสินใจอนาคตของประเทศชาติกำลังอยู่ในมือของคนๆ เดียว และทุกๆ คนก็คาดหวังให้ออกมาตามที่ใจตัวเองต้องการ การแสดงของแกรี่ โอลด์แมนคือแบกไว้ทั้งเรื่อง ทรงเสน่ห์ เกรี้ยวกราด เอาแต่ใจตัวเอง และกังวลแบบสุดๆ การออกแบบตัวละครที่เหลือเองก็งดงามพอๆ กัน มันมีความเป็นมนุษย์อยู่สูง และมีความเป็นไอดอลทางความคิดอยู่สูงเช่นกัน

เป็นหนังที่ประทับใจมากๆ สำหรับเรา เป็นการไม่ยอมแพ้ แบบไม่ยอมแพ้จริงๆ จนเหมือนหลอกตัวเอง แต่มันเป็นการต่อสู้ที่ไม่รู้จบ เหมือนชีวิตของเขานั่นแหละ

แม้หลังๆ มันออกจะแฮปปี้กันไปหน่อยกับแนวประชานิยม แต่เราชอบการสรุปของคู่แข่ง ที่สุดท้ายแล้ว อาวุธที่ดีที่สุดไม่ใช่ปืน แต่เป็น “คำพูด” ก็เพราะคำพูดนี่แหละที่พาฮิตเลอร์ให้เป็นหัวหน้าพรรคนาซี และเป็นคำพูดอีกเช่นกันที่ทำให้ชาวอังกฤษต่อสู้ต่อไปแม้จะโดนระเบิดในยุทธการบริเตนอย่างหนักหน่วง อดทนอย่างหนักจนอเมริกามาร่วมสงครามในที่สุด

เป็นหนังที่พูดกันทั้งเรื่อง แต่เป็นการพูดแบบภาษามนุษย์ที่ฉะฉาน มีพลังงาน บวกกับการเล่าเรื่องที่มีลูกล่อลูกชนสนุก ภาพหยดย้อยด้วยแสงที่เนี๊ยบ การแสดงระดับเทพ ไม่แปลกใจเลยที่จะเป็นหนังในดวงใจของเรา

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
9.5
การดำเนินเรื่อง
9
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
10
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
8.9
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
14 มกราคม 2561 13:02:27

Darkest Hour - ชั่วโมงพลิกโลก

125 min | Biography/Drama | Directed by Joe Wright 

หากคุณเคยดู Dunkirk ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่พูดถึงการช่วยทหารอังกฤษกว่าสี่แสนนายที่ถูกไล่ต้อนโดยทหารนาซีและติดอยู่ที่แหลมดันเคิร์ก รอความช่วยเหลือและในขณะนึงก็เหมือนรอความตายด้วยเช่นกัน Darkest Hour คืออีกด้านนึงของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ หนังเล่าถึงการเข้ามารับตำแหน่งนายกอย่างกระทันหันของ วินสตัน เชอร์ชิล ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และการเกือบพ้ายแพ้ของอังกฤษต่อนาซี ท่ามกลางความวุ่นวายมากมาย วินสตัน เชอร์ชิลต้องรับมือกับศึกรอบด้าน ทั้งสงครามโลก สงครามการเมืองการเลื่อยขาเก้าอี้กันเอง และ อีกมากมาย 

สิ่งที่ต้องบอกว่าเป็นจุดเด่นของหนังเรื่องนี้เลย คือการแสดง และทีมนักแสดงที่เอาแค่ดูจากภายนอกก็ต้องบอกว่าเหมือนตัวจริงมากๆ โดยเฉพาะแกรี่ โอลด์แมน ที่มารับบทวินสตัน เชอร์ชิล ต้องบอกเลยว่าถ้าไม่บอกว่าเขาเล่นเราก็แทบไม่รู้เลย แปลงโฉมสุดๆ แถมการแสดงของเขาก็ละเอียดยิบ ทั้งท่าทาง สำเนียง การขยับปาก ขยับหน้าต่างๆ สุดยอดมาก จะชมแค่เขาคนเดียวก็ไม่พอ ที่ผมรู้สึกเหมือนไม่แพ้กันคือ คนที่มารับบทเนวิลล์ แชมเบอเลน อย่าง โรนัลด์ พิกอัพ ลองไปเสิร์ชภาพเก่าๆ ดูแล้วมาเทียบกับภาพในหนังนี่นึกว่าตัวจริงมาเล่น ส่วนเบน เมนเดลสันที่รับบท กษัตริย์จอร์จที่ 6 ก็เหมือนมาก คงต้องชมทีมรีเสิร์ชต่างๆ และทีมเมคอัพด้วย หนังชวนอินที่จุดนี้เลย 

การนำเสนอก็ดีมาก กระชับ และตรงจุด แถมดูประสานกับหนังหลายๆ เรื่องที่เราได้ดูก่อนหน้านี้ เหมือนเป็นจิ๊กซอว์อีกชิ้นที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกเห็นภาพรวมได้อย่างชัดเจน ครบถ้วนดีมาก สำหรับคนที่ศึกษาประวัติศาสตร์การเมือง/สงครามของอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้ควรดูเป็นอย่างยิ่ง แล้วที่ว่าเก็บรายละเอียดได้ดี พวกประเด็นอย่างการสนับสนุนให้คิง เอดวาร์ดที่ 8 สมรสกับสาวหม้ายก็มีพูดถึง รายละเอียดเล็กน้อยต่างๆ ก็ดีชอบมาก 

ใครที่ชอบดูหนังประวัติศาสตร์การเมืองเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ควรดู ไม่น่าเบื่อ และน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญยังได้เห็นการแสดงระดับลูกโลกทองคำ และ critic's chioce รวมไปถึงลุ้นออสการ์ ของ Gary Oldman อีกด้วย

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
8.5
การดำเนินเรื่อง
8
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
10
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
8.5
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)