Valerian - วาเลเรียน พลิกจักรวาล
หนัง Valerian หรือชื่อไทยว่า วาเลเรียน พลิกจักรวาล มหึมาภาพยนตร์แอคชั่น-ไซไฟฟอร์มยักษ์ทุนสร้างกว่า 170 ล้านเหรียญฯ "Valerian and the City of a Thousand Planets" (วาเลอเรี่ยน แอนด์ เดอะ ซิตี้ ออฟ อะ ทาวเซนด์แพลเน็ตส์) ที่สร้างจากงานไซไฟคอมมิคส์อันดับหนึ่งของ บอกเล่าถึงเรื่องราวของ วาเลอเรี่ยน (เดน ดีฮาน) และ ลอเรลีน (คาร่า เดเลวีน) เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษขององค์การปกครองเขตแดนมนุษยชาติ พวกเขามีหน้าที่พิทักษ์สันติสุขให้กับประชาชนทั่วจักรวาลวันหนึ่งเมื่อพวกเขาได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการ อารุน ฟิลลิตต์ (ไคลฟ์ โอเว่น) ทั้งสองจึงต้องออกเดินทางไปยังมหานครอัลฟ่า ดินแดนสุดอัศจรรย์ใจกลางอวกาศที่มีสิ่งมีชีวิตเป็นหมื่นๆ สปีชีส์จากทั่วทุกมุมจักรวาลอาศัยอยู่ร่วมกัน แต่โชคไม่ดีนักที่มีหายนะกำลังแฝงตัวคืบคลานอยู่ในความมืด และกำลังจ้องจะทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้หมดสิ้น วาเลอเรี่ยนและลอเรลีนจึงต้องออกผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ ทะยานฝ่าสมรภูมิกาแลคซี่ เพื่อปกป้องนาคตของทุกเผ่าพันธุ์ไปพร้อมกัน
หนัง Valerian หรือชื่อไทยว่า วาเลเรียน พลิกจักรวาล A dark force threatens Alpha, a vast metropolis and home to species from a thousand planets. Special operatives Valerian and Laureline must race to identify the marauding menace and safeguard not just Alpha, but the future of the universe.
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
Valerian and the City of a Thousand Planets - วาเลเรียน พลิกจักรวาล
137 min | Action/Sci-fi | Directed by Luc Besson
อีก 1 หนังจากผกก. ลุค เบซง ที่ถูกจริตผมมากที่สุด! ก่อกำเนิด 1 ในหนังไซไฟในอุดมคติ
วาเลเรียน คือหนังที่เต็มไปด้วยแพสชั่น หรือความเซี่ยนในการอยากสร้างของผกก.ชาวฝรั่งเศส ลุค เบซง มากก เพราะมันเป็นคอมิกส์ที่เขาชอบและหลงใหล จนอยากสร้างให้มันเป็นหนังนานมากแล้ว แต่ด้วยเทคโนโลยีทางด้านกราฟิกต่าง ๆ ไม่เอื้ออำนวย ก็กลัวจะทำไม่ถึง เลยต้องอดทนมาอย่างเนิ่นนาน เพื่อที่จะสร้างมันออกมาให้ตอบโจทย์และตอบสนองจินตนาการสุดล้ำนี้มากที่สุด ซึ่งแน่นอนครับว่า แพสชั่นในการสร้างนี้มันอัดแน่นอยู่ในหนัง จนล้นมาถึงคนดูเลยทีเดียว
หนังว่าด้วยเรื่องราวของ วาเลเรียน และ ลอเรลีน เจ้าหน้าที่พิเศษที่เป็นเหมือนคนที่คอยทำภารกิจปกป้องพิทักษ์เขตแดนของมนุษยชาติ โดย City of a Thousand Planets หรือชื่อสั้น ๆ คืออัลฟ่า มหานครที่ลอยอยู่กลางอวกาศซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตจากทั่วทุกมุมจักรวาลกว่าพันชนิด รวมไปถึงมนุษย์ แต่วันนึงพวกเขาก็พบว่ามีภัยร้ายแฝงตัวอยู่ใจกลางของอัลฟ่า ทำให้ทั้งสองต้องไปหยุดยั้งภัยร้ายนี้
ทำไมผมถึงบอกว่า วาเลเรียน เป็นหนังไซไฟในอุดมคติ? แน่นอนครับสำหรับใครก็ตามที่เป็นเนิร์ด คุณย่อมหลงใหลในการจินตนาการถึงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และจักรวาลต่าง ๆ อย่างแน่นอน หนังเรื่องนี้มีแทบทุกอย่างที่คุณอาจจะเคยจินตนาการหรือวาดภาพไว้ตอนเด็กเลย ทั้งการออกแบบและการเล่าถึงที่มาของอัลฟ่า รูปแบบของยานอวกาศ และดวงดาว รวมไปถึงสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่หลากหลายและน่าสนใจมาก แล้วให้ตายเถอะครับ ผมไม่รู้ว่าตัวเองคิดไปเองมากน้อยแค่ไหน แต่เหมือนวาเลเรียนเต็มไปด้วยฉากที่จงใจ หรือคลับคล้ายคลับคลาให้เหมือนซีนในสตาร์วอร์สมาก ไม่อยากเชื่อว่าตา ลุค เบซง นอกจากจะทำไซไฟเจ๋ง ๆ อย่าง Fifth Elemen หรือหนัง high อย่าง Lucy แล้วก็ยังเนิร์ดได้เบอร์นี้ และเชื่อว่าตาเบซงเองก็คงฟินตายแล้วที่รอเทคโนโลยีมาจนถึงวันนี้ เพราะเราปฏิเสธไม่ได้จริง ๆครับว่านี่เป็นหนึ่งในหนังที่งานสร้างกราฟิกหรือ cg สวยงามมากที่สุดเรื่องนึง มันชูหนังให้ดูน่าจดจำมากเลยทีเดียว และตอบสนองจินตนาการทั้งจากคอมิกส์ดั้งเดิม และจากตัวผู้กำกับได้ดีและสมบูรณ์แบบมากจริง ๆ
ถึงแม้ว่าตัวหนังเองจะมีบทและการเล่าเรื่องที่ไม่ได้แปลกใหม่ หรือคาดเดาได้ยากมากนัก แต่หนังดูสนุกมากจริง ๆ ครับ เพลิดเพลินมาก ติดอย่างเดียวในส่วนของนักแสดงนำทั้งสอง คาร่านี่ไม่แปลกใจอยู่แล้ว แต่การได้เห็น เดน ดีฮาน ในลุคเจ้าชู้ เล่นหูเล่นตาแบบนั้น มันออกจะขัดหูขัดตาไปหน่อย และเคมีทั้งสองคนก็ออกจะไม่เข้ากันเท่าไหร่ทำให้หนังยังพอมีจุดติดขัดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับหายนะเท่าไหร่
ต้องบอกว่าใครเป็นคอหนังไซไฟ อวกาศห้ามพลาดเลยครับ เจ๋งมาก ไม่รู้ว่าตอนนี้รายได้เป็นยังไง แต่หนังเปี่ยมไปด้วยไอเดียมาก มากจนทำให้เราอยากเห็นความเป็นไปได้ต่าง ๆ ในภาคต่อของหนังเรื่องนี้ อยากเห็นดาวมากขึ้น สิ่งมีชีวิตมากขึ้น และอยากเห็นเทคโนโลยีเจ๋ง ๆ มากยิ่งขึ้นกว่านี้ รวมไปถึงอยากสำรวจอัลฟ่า หรือนครลอยฟ้านี้มากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ
สรุปผลวิจารณ์หนัง
Valerian and the city of a thousand planets เหนือจินตนาการสมราคาที่ว่า เป็นภาพยนตร์ที่ผู้กำกับรอที่จะสร้างมาทั้งชีวิต
ถือเป็นอีกครั้งที่ ผกก. ลุค เบซง กลับมาทำหนังแนวแอ็คชั่นไซ-ไฟ แฟนตาซี เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเคยประสบความสำเร็จมาแล้วใน The Fifth Element เมื่อปี 1997 ถือเป็นงานฉลองครบรอบ 20 ปีภาพยนตร์เรื่องนี้พอดี
Valerian and the city of a thousand planets เรื่องราวว่าด้วยในอนาคตอันห่างไกล สันติภาพก่อกำเนิดในกาแลคซี มีการสร้างสถานีอวกาศนานาชาติขึ้นมาชื่อว่า อัลฟ่า เป็นสถานีอวกาศที่ไม่ใช่แค่เฉพาะมนุษย์เท่านั้นที่ร่วมสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น ยังมีมนุษย์ต่างดาวอีกหลากหลายสายพันธ์มาร่วมสร้างและอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จนได้สมยานามว่า "นครหมื่นพันดาวเคราะห์"
ตัวเรื่องสร้างมาจากนิยายภาพในชื่อเดียวกัน ที่ผู้กำกับเคยอ่านเมื่อสมัยเด็ก และเคยวาดฝันไว้ว่าซักวันหนึ่งเค้าต้องหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาทำเป็นภาพยนตร์จอเงินให้ได้ แต่ได้แต่รอเวลาให้เทคโนโลยีที่จะเนรมิตสิ่งที่เค้าใฝ่ฝันถึง ให้ออกมาสมจริงดังที่ผู้กำกับตั้งใจ ก็ผ่านมาหลายสิบปีเลยทีเดียว และยังไม่นับการรื้อบทเดิมทิ้งทั้งหมด และเขียนบทใหม่ให้กับตัวเรื่องเพื่อเพิ่มความทันสมัยเข้าไป หลังจากที่ผู้กำกับได้ดู Avatar เมื่อปี 2009 ยิ่งทำให้โปรโจคนี้ล่าช้าออกไปอีก
เนื้อเรื่องโดยรวมหลังจากดูจบแล้วนั้น ต้องบอกเลยว่าเต็มไปด้วยสิ่งที่เหนือความคาดหมาย และชวนให้นึกถึง The Fifth Element เป็นอย่างมาก ถ้าใครชอบผลงานเรื่องนี้ของผู้กำกับคนนี้คงชอบได้ไม่ยาก ตัวละครที่เด่นและมีเสน่ห์มากที่สุดที่หลายๆ คนยกให้นั่นก็คือ บับเบิ้ล เอเลี่ยนสาวที่รับบทโดย ริฮันน่า ถึงแม้ว่านางจะโผล่มาแจมแค่นิดเดียว แต่ก็ทำให้หนังช่วงนั้นดูมีเสน่ห์ ดูน่าติดตามขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก
ถึงแม้ว่าจะมีการรื้อเขียนบทใหม่หลังจาก Avatar เปิดตัวฉายไปในปี 2009 แต่เอาเข้าจริง หน้าฉากที่เต็มไปด้วย CG ดีไซน์และงานภาพเวอร์วังอลังการ ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้นยังมีความธรรมดาและเฉยอยู่ไม่น้อย ยังดีที่ได้ CG และอื่นๆ มาช่วยกลบ ทำให้ตัวหนังโดยรวมยังดูสนุก และบันเทิงไม่น้อยเลยทีเดียว
อีกเรื่องที่ต้องออกปากชมจริงๆ คือ งานด้าน 3D และ CG เป็นอะไรที่ไม่ได้เห็นมานานแล้ว นับตั้งแต่ Avatar ที่ใช้ CG เนรมิตงานภาพได้ออกมาติดตา ตื่นตา ตะลึงมากกว่าภาพยนตร์เรื่องไหนๆ จริงๆ สมกับที่เป็นภาพยนตร์นอกฮอลลีวูดเรื่องแรก ที่ใช้บริการบริษัททำ Special Effect รวมกันมากถึง 3 บริษัท และมีทุนสร้างสูงสุดในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว (ราวๆ 190 USD)
เอาเป็นว่าสัปดาห์นี้ยังไม่มีหนังดู หรือไม่ถูกจริตกับหนังสงครามดราม่าอย่าง Dunkirk ผมแนะนำเรื่องนี้จริงๆ ดูได้คุ้มเงิน คุ้มค่าตั๋วมากๆ 8.5/10 ไปเลยสำหรับเรื่องนี้
ไ ป ดู ม า แ ล้ ว
รีวิว วาเลเลียน ฉบับเด็กเดินตั๋ว
ด้วยความที่เด็กเดินตั๋วเป็นคอหนังไซไฟ และหนังอวกาศอยู่แล้ว จึงไม่อยากพลาดเลยที่จะดูหนังเรื่องนี้ ยังไงก็ต้องหาโอกาสเข้าไปดูในโรงภาพยนตร์ให้ได้
“ห้ามพลาด”
และแล้วก็ได้ไปดูมาแล้ว บอกเลยว่า “ห้ามพลาด” สำหรับคอไซไฟแฟนตาซีและหนังอวกาศ ยิ่งใครที่เคยดูเรื่อง The Fifth Element แล้วชื่นชอบความบู้ระห่ำ แอ็คชั่นเหนือจินตนาการของเฮียผู้กำกับ ลุค เบซง แล้วล่ะก็ เด็กเดินตั๋วบอกได้คำเดียวเลยว่า ห้ามพลาดดดดดดด!!!!! เพราะเรื่องกำกับโดยเฮีย ลุค เบซง คนเดิม เพิ่มเติมคือจินตนาการที่ล้ำขึ้น
“เหนือจินตนาการ”
ทั้งภาพ ทั้งเรื่องราวล้ำสุด ๆ เหนือจินตนาการมาก ๆ แบบที่ไม่นึกไม่ฝันถึงมาก่อนเลยล่ะ ร้องว้าวแทบทั้งเรื่อง แม้จะมีกลิ่นอาย The Fifth Element แบบแนว ๆ หนังอวกาศยุค 90 อยู่หน่อย ๆ (ไม่รู้ว่าเฮียตั้งใจเชย หรือเชยติดยุคไปแล้วจริง ๆ อิ...อิ) แต่ก็มีส่วนผสมทั้งภาพ ทั้งเรื่องราว ทั้งซีจีที่ล้ำทะลุมิติไปอีก แค่เข้าไปดูภาพก็คุ้มค่าตั๋วแล้วล่ะแขร่บ!!!
แต่นอกจากความล้ำของเฮียลุค นักแสดงนำสองคนทั้งผู้ชาย (จำชื่อไม่ได้) และ คาร่า เดเลวีญ แสดงได้เลอค่าอยู่นะ แค่เห็นซิกแพ็คของคาร่าก็คุ้มแล้ว (ใช่หรอ...?) แถมยังมีนักร้องตัวแม่อย่างรีฮานน่ามาร่วมแสดงด้วยอีก คุ้มเข้าไปใหญ่ จะคุ้มอะไรเบอร์นั้น
รวม ๆ สนุกทั้งเรื่องเลย บู้ก็เอาอยู่ ภาพก็เอาอยู่ การแสดงก็ดี (หรือเด็กเดินตั๋วจะเข้าข้างคาร่าไปหรือเปล่าก็ไม่รู้) ทุกอย่างทำให้เด็กเดินตั๋วรู้สึกเพลิดเพลินคุ้มค่า เหมือนไปเที่ยวอวกาศ แวะจอดที่ต่างดาวมาประมาณสองชั่วโมงเลย
เด็กเดินตั๋ว -
เรื่องชาวเผ่า Pearl สวยมากๆ Design ได้อย่างงามมาก ทั้งซีจี การดีไซน์คาแรกเตอร์ ความอ่อนโยน ทำให้เรานึกถึงการรุกรานชนเผ่า ชาว Pearl เหมือนชนเผ่าอัฟริกันเลย ที่ถูกชาวยุโรปรุกรานอย่างไม่แยแส ยิ่งฉากตอนท้ายที่ถือหอก ที่มีเครื่องประดับคอ ลักษณะทรงผม และสีผิว(ที่ดูโดดเด่น แต่ขาวจั๊วะไปเลย) ยิ่งเหมือนชนชาติอัฟริกันมากๆ
สรุปผลวิจารณ์หนัง