Cars 3 - สี่ล้อซิ่ง ชิงบัลลังก์แชมป์
หนัง Cars 3 หรือชื่อไทยว่า คาร์ส 3 สี่ล้อซิ่ง ชิงบัลลังก์แชมป์ หลังจากพ่ายแพ้ต่อเหล่านักแข่งไฟแรงรุ่นใหม่ ไลท์นิ่ง แมคควีนผู้เป็นตำนาน (ให้เสียงโดย โอเว่น วิลสัน) ได้หลุดออกจากวงการแข่งรถที่เขารัก การที่จะกลับเข้าไปสู่การแข่งขันได้อีกครั้ง เขาต้องการความช่วยเหลือจากช่างเทคนิครุ่นใหม่อย่าง ครูซ รามิเรซ (ให้เสียงโดย คริสเตล่า อลองโซ่) ด้วยแผนที่จะเอาชนะของเธอเอง บวกกับแรงบันดาลใจจาก ฮัดสัน ฮอร์เนท ยอดฝีมือผู้ล่วงลับ และเหตุการณ์ไม่คาดคิดอีกนิดหน่อย การพิสูจน์ว่าหมายเลข 95 ยังไม่จบง่ายๆ จะทดสอบหัวใจของแชมเปี้ยนในสนามแข่งที่ใหญ่ที่สุดของพิสตันคัพ!
หนัง Cars 3 หรือชื่อไทยว่า คาร์ส 3 สี่ล้อซิ่ง ชิงบัลลังก์แชมป์ Lightning McQueen sets out to prove to a new generation of racers that he's still the best race car in the world.
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
Cars 3 - สี่ล้อซิ่ง ชิงบัลลังก์แชมป์
102 min | Animation | Directed by Brian Fee
หลังจากที่ Cars 2 กลายเป็นหายนะของดิสนีย์พิกซาร์ เพราะหนังจัดว่าล้มเหลวที่สุดในด้านของเสียงวิจารณ์ อีกทั้งการมี spin-off ออกมาจำนวนมาก ก็เหมือนเป็นการดาวน์เกรดความดีงามที่เคยเกิดขึ้นใน Cars ภาคแรกจนหมดสิ้น กลายเป็นเพียงหนังที่สร้างให้เด็กเล็กดู และขายของเล่นเพียงเท่านั้น และเมื่อทางพิกซาร์ยืนยันว่าจะเข็นโปรเจคภาคที่ 3 ออกมา แน่นอนหละครับว่าใครก็ยี้ เพราะแม้กระทั้งผมเองก็ยังรู้สึกไม่ดีด้วย ทั้งที่เป็นแฟนของ Cars ภาคแรก และเป็นแฟนของพิกซาร์ โดยในภาคนี้ก็ได้ตา ไบรอัน ฟี ซึ่งผันตัวจากผู้ที่ทำงานในฝ่ายอ่านของดิสนีย์มาหลายต่อหลายเรื่อง ขึ้นมากุมบังเหียนในภาคที่ 3 ของแฟรนไชส์นี้ด้วย และผลลัพธ์ที่ได้มันกลับออกมาดีเกินคาด!
เพราะในภาคนี้หนังกลับมาสู่กลิ่นอายเก่า ๆ และเสน่ห์แบบดั้งเดิมที่เคยเกิดขึ้น และสร้างความประทับใจในภาคแรก นั่นก็คือการเป็นหนังอนิเมชั่นแข่งรถในสนามและไม่พยายามที่จะเล่นใหญ่ แถมประเด็นหลักที่หนังเล่นก็ยังดูโตขึ้น และหนักหน่วงขึ้น หลังจากที่ ไลท์นิ่ง แมคควีน ผ่านประสบการณ์มากมาย เขากลายเป็นคนที่เร็วที่สุด กวาดแชมป์เป็นว่าเล่น และประสบความสำเร็จจนกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ของโลก แต่วันเวลามันผ่านไปเร็วเสมอ เมื่อวันนึง แม็คควีน พบว่าเขาไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดและเร็วที่สุดอีกต่อไปแล้ว เพราะเขาแก่ชราลง และการมาของเด็กรุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำขึ้น และเร็วขึ้น แม็คควีนไม่ยอมรับในสิ่งที่ตนเผชิญ ฝืนตัวเองจนเกินขีดความสามารถจนเกิดอุบัติเหตุและจบไม่สวยเท่าไหร่ในการแข่งขันซีซั่นล่าสุด ภาคนี้จึงเล่าในเส้นทางของนักกีฬาที่มาอายุที่มากขึ้น เลยจุดพีคมาแล้ว แต่ยังต้องการที่จะลงสนามอยู่ (สาเหตุที่ผมบอกว่านักกีฬา เพียงเพราะว่าใน Cars ตัวรถก็เปรียบเหมือนร่างกายของมนุษย์มากกว่าคนที่เข้าไปควบคุมรถ) ซึ่งทั้งหมดที่ผมกล่าวไป ทำให้ผมรักและรู้สึกดีกับหนังภาคนี้มาก มันดูเป็นหนังกีฬาจริงจัง เล่าถึงหมาแก่ที่ยังดิ้นรนและงัดความเก๋ามาสู้กับคลื่นลูกใหม่ และเพียงเท่านี้ก็ทำให้ Cars 3 ออกมาดีเกินคาดมากแล้วจริง ๆ
แต่มันไม่ใช่แค่นั้น !
เพราะพอเรื่องดำเนินไปประมาณ 60-70% หนังก็ปรับเข้าสู่โหมดการเล่าเรื่องใหม่ โดยที่ทำให้ผมรู้สึกทึ่งและโอเคกับมันมาก ซึ่งการมาของจุดหักเหนี้ถูกวางไว้ตั้งแต่แรกอย่างแนบเนียน
ไลท์นิ่งกลายมาเป็นโค้ช เพราะเขายอมรับและมองเห็นอนาคตของเขาที่ไม่ได้อยู่ที่ตัวเองอีกต่อไป หนังจึงผันกลายมาเป็นหนังที่พูดถึง ครู กับ ลูกศิษย์ ซึ่งทำออกมาได้อย่างซาบซึ้งและน่าประทับใจ ซึ่งนอกจากนั้น ตัวละครที่กลายมาเป็นลูกศิษย์อย่าง ครูซ รามิเรซ กลายเป็นตัวละครที่มีมิติมากขึ้น ด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิง และถูกแปะป้ายและจำกัดความสามารถโดยคนรอบตัว ทำให้เธอตกอยู่ในสถานะ underrated มาตลอดซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทรงคุณค่าและเชิดชูประเด็นเฟมินิสต์ได้ดีประมาณนึงด้วย
กล่าวโดยสรุป Cars 3 กลายเป็นอีก 1 งานที่น่าสนใจมากของพิกซาร์ เพราะดูสนุก เพลิดเพลิน แต่ก็แฝงและเล่าประเด็นที่โตขึ้น หนักขึ้น แต่ก็ไม่ได้ล้ำลึกถึงขั้นย่อยยาก เด็กยังดูได้ แต่ผู้ใหญ่ก็ดูดี และไม่ควรถูกมองข้ามไปเฉย ๆ อยากให้ลองได้มาชมกันดูครับ
อย่าได้มองข้าม CARS 3 ไป
รีวิวอนิเมชั่น CARS 3 จัดเต็มฉบับเด็กเดินตั๋ว [ไม่สปอยล์]
เด็กเดินตั๋วเข้าไปดูเรื่องนี้แบบไม่ได้เตรียมใจ เตรียมความพร้อมใด ๆ และไม่ได้คาดหวังจะได้อะไรจากอนิเมชั่นเรื่องนี้ นอกจากความสนุกบันเทิง คลายเครียด แต่ด้วยความเป็น Walts Disney Pixar มักจะทำให้เราได้อะไรกลับไปจากการชมภาพยนตร์ด้วยเสมอ ทั้งคุณภาพการผลิต ความมีสุนทรีย์เพลิดเพลินกับองค์ประกอบภาพยนตร์ และสิ่งสำคัญที่ได้กลับไปจากการตีตั๋วดูหนังยี่ห้อ “Pixar” คือ “แรงบันดาลใจชั้นยอด”
ด้วยความที่ช่วงนี้เด็กเดินตั๋วงานยุ่งและเครียดมาก (ถึงมาดูการ์ตูนไง) อารมณ์ที่มักจะตามมาคือ “ท้อแท้” และ “เหนื่อยล้า” ทันทีที่หนังฉาย ฉากแรกก็ปูเรื่องและเข้าเรื่องเลยอย่างรวดเร็ว ทำให้เด็กเดินตั๋วเชื่อมโยงกับอารมณ์ความท้อแท้ เหนื่อยล้าจากชีวิตเด็กเดินตั๋วทันทีเลย ด้วยเรื่องของรถแข่งจะต้องมีแพ้ มีชนะ มีท้อแท้ มีฮึกเหิม เป็นธรรมชาติของหนังแนวนี้อยู่แล้ว แต่ Cars 3 ได้เล่นถึงประเด็นใหม่ ๆ ที่ให้แง่คิดอะไรดี ๆ และเสริมแรง เสริมกำลังใจได้อีกเยอะมาก ๆ
ในด้านของคุณภาพงานโปรดักชั่น ก็แทบไม่ต้องคาดเดาหรือลุ้นอะไรเลย ยี่ห้อ Pixar นี้ไว้ใจได้เสมอสำหรับมาตรฐานอนิเมชั่นของเด็กเดินตั๋ว เรื่อง Cars 3 ก็เช่นกัน มีภาพที่สมจริง ฉากสวยงามมาก อย่างกับยกกองออกไปถ่ายกันจริง ๆ เลย ถ้าไม่รู้มาก่อนว่านี่คืออนิเมชั่น ดูแต่ฉากแทบแยกไม่ออกเลยว่านี่คือของจริงหรือกราฟิก หมอกเอย ละอองน้ำเอย ฝุ่นเอย จะเนียบไปไหน แค่ไปนั่งดูรายละเอียดพวกนี้เด็กเดินตั๋วก็ว่าคุ้มแล้วจริง ๆ นี่ยังไม่นับคาแรกเตอร์ที่ถ่ายทอดอารมณ์ และมีความเหนือไปอีกขั้นของการออกแบบคาแรกเตอร์อนิเมชั่นจริง ๆ ถ่ายทอดอารมณ์ได้จนเรานึกออกเลยว่า เจ้ารถพวกนี้ถ้าเป็นคนจะหน้าตาเป็นอย่างไร บุคลิกเป็นอย่างไร แล้วเพลงก็ดีงาม มีกลิ่นอายหนังโบราณหรือหนังรถสักเรื่องแน่ ๆ ได้กลิ่นเพลงออร์เครสตร้าแบบหนังยุค 70 ผสมผสานยุคนี้ เป็นอะไรที่โดดเด้งจนต้องตั้งข้อสังเกตกันเลย ออกแบบแต่ละช็อต แต่ละแอ็คชั่น แต่ละมุมกล้องได้ไร้ที่ติมาก ๆ ดูแล้วก็ยังคงความตื่นเต้นเร้าใจได้ไม่ต่างจากหนังรถแบบ Fast & Furious หรือ Rush เลย
เท่าที่สาธยายมา ได้อะไรเยอะ อย่ามองว่าเป็นแค่การ์ตูนเลย ไปดูเหอะ แนะนำจริง ๆ คุ้มกว่าที่คาดหวังไว้แน่ ๆ...
เด็กเดินตั๋ว -
สรุปผลวิจารณ์หนัง