0 Beauty+and+the+Beast+-+%E0%B9%82%E0%B8%89%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%A3

Beauty and the Beast - โฉมงามกับเจ้าชายอสูร

เข้าฉาย 16 มีนาคม 2560
ผู้ชม : 65,779
ผู้กำกับ : Bill Condon (บิลล์ คอนดอน)
ความยาวหนัง : 130.00
Text Size

หนัง Beauty and the Beast หรือชื่อไทยว่า โฉมงามกับเจ้าชายอสูร กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าชายหนุ่มรูปงาม (แดน สตีเวนส์) ใช้ชีวิตอยู่ในปราสาทที่ใหญ่โต พระองค์ได้จัดงานเลี้ยงที่หรูหราอลังการ ที่มีแต่หญิงสาวสวยจากทั่วโลกเข้าร่วมงาน และได้รับการพะเน้าพะนอเอาใจจากบรรดาข้ารับใช้ ที่คอยทำตามพระประสงค์ของพระองค์ทุกประการ ทำให้เจ้าชายกลายเป็นคนอวดดีและสนใจแต่เรื่องของตัวเอง ในตอนที่หญิงชราขอทานปรากฏตัวขึ้นที่ปราสาท เพื่อขอที่หลบภัยจากพายุฝน และเสนอกุหลาบหนึ่งดอกให้กับพระองค์เป็นสิ่งแลกเปลี่ยน พระองค์ขับไล่เธอไปอย่างหยาบคาย โดยหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้ว เธอเป็นแม่มดสาวสวย (แฮตตี้ มอราฮาน) เพื่อเป็นการลงโทษความใจร้ายของเจ้าชาย เธอจึงร่ายคำสาปใส่ปราสาทแห่งนี้ เปลี่ยนเจ้าชายให้กลายเป็นอสูร และเปลี่ยนบรรดาคนรับใช้ในปราสาทให้กลายเป็นของใช้ในบ้าน ในการทำลายคำสาป พระองค์จะต้องเรียนรู้ที่จะรักคนอื่น และได้รับความรักตอบแทน ก่อนที่กลีบสุดท้ายของกุหลาบเวทมนตร์จะร่วงหล่น.. มิเช่นนั้น พระองค์ก็จะต้องอยู่ในร่างอสูรและข้ารับใช้ต่าง ๆ ก็ต้องอยู่ในสภาพของสิ่งของและถูกกักขังอยู่ในปราสาทชั่วกัลปาวสาน

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

29 มีนาคม 2560 16:15:57

Beauty and the Beast เหล้าเก่าในขวดใหม่ เพิ่มเติมความอร่อย!

ถือเป็นธรรมเนียบของดิสนีย์ไปแล้ว ที่จะหยิบเอาการ์ตูนคลาสสิกของตัวเอง กลับมาโลดแล่นในเวอร์ชั่นคนแสดง นับตั้งแต่ Alice in Wonderland,Maleficent, Cinderella, The Jungle Book, Alice Thorugh of the Looking Glass จนมาถึง Beauty and the Beast
ที่มาพร้อมความยาวเต็มพิกัด 2 ชั่วโมง 9 นาที เรื่องแรกที่ยาวเกิน 2 ชั่วโมง (คงมีขยายความให้แตกต่างหรือมากกว่าในเวอร์ชั่นการ์ตูนอย่างแน่นอน)

ตัวหนังหลังจากได้ชมจบ ต้องขอบอกเลยว่า มีการขยายความจากเวอร์ชั่นการ์ตูนอยู่บ้างพอสมควร แต่ก็ไม่ได้มากมายเท่าที่คิดไว้ สิ่งที่น่าสนใจในเวอร์ชั่นนี้ก็คือ การสร้างสรรค์ความแฟนตาซี ที่เวอร์ชั่นการ์ตูนทำไว้ให้ออกมาสมจริงต่างหาก
ไม่ว่าจะเป็นฉาก CG ต่างๆ นาๆ ก็ล้วนเนรมิตรออกมาได้สมจริงทีเดียว (ยกเว้นตัวอสูรนั้นยังดูไม่ค่อยโอเคกับ CG ซักเท่าไหร่) แต่ก็พอถูไถ มองข้ามไปได้ เพราะองค์ประกอบอื่นๆ ช่วยไว้

ข้อติของเวอร์ชั่นนี้มีอยู่บ้าง จริงๆ หนึ่งในนั้นก็คือ การตัดต่อ ลำดับเรื่อง ที่ยังไม่ค่อยมีความสมูทไหลลื่นเท่าเวอร์ชั่นการ์ตูน เหมือนกับการเอาฉากที่ถ่ายทำมาแต่ละฉาก ตัดแปะเข้าไปให้ครบตามเนื้อเรื่องก็พอแล้ว ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรให้หวือหวาน่าสนใจ
อีกหนึ่งข้อติดเลยของเวอร์ชั่นนี้คือ ในฉากไฮไลท์ของเรื่อง ที่เป็นฉากการเต้นรำของเบลล์และเจ้าชายอสูรนั้น มีความใช้ดีไซน์ฉาก อ้างอิงจาก Cinderella เวอร์ชั่น 2014 ที่ห้องโถงเต้นรำไม่ได้มีเพดานสูง ทำให้ในเรื่องนี้ หลายคนหวังจะเห็นฉากเต้นรำในห้องโถงอันกว้างใหญ่ และเพดานสูง เหมือนเวอร์ชั่นการ์ตูน เป็นอันต้องผิดหวัง เพราะความเห็นส่วนตัวว่า ฉากนี้ควรที่จะอลังการมากกว่านี้ ตราตรึงมากกว่านี้ และทำให้สวยน่าชมได้ไม่เท่าฉากเน้นรำใน Cinderella เวอร์ชั่น 2014 เลยแม้แต่น้อย

ข้อดีที่ต้องชมเลยก็มีไม่น้อย อาทิเช่น เพลงใหม่ที่แต่งเพิ่มเข้ามาไม่ว่าจะเป็น  Aria / Day In The Sun / How Does A Moment Last Forever 3 เพลงที่ทำออกมาได้ดี ประทับใจในเนื่องเพลงและฉากประกอบเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
นอกจากเพลงใหม่แล้ว Beauty and The Beast นั้นยังมีการทำอัตราส่วนภาพขยายเฉพาะ IMAX ตลอดทั้งเรื่องด้วย (ตามภาพด้านล่าง) ทำให้เวอร์ชั่นใน IMAX ตื่นตาเต็มตากว่าเป็นอย่างมาก

สรุปแล้ว Beauty and the Beast เวอร์ชั่นนี้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ดีมากจนขึ้นหิ้ง แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดที่ต้องโดนสาปให้กลายเป็นอสูรแบบเจ้าชายในเรื่อง ตัวหนังเองยังคงตอบโจทย์ในด้านเพลง ความบันเทิง และทำฝันของคอการ์ตูนคลาสสิกของดิสนีย์ ที่อยากจะเห็นการโลดแล่นในเวอร์ชั่นหนัง ได้เป็นจริงซักที 8/10

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
7
การดำเนินเรื่อง
6.5
ดนตรีประกอบ
9.5
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
9
คะแนนเฉลี่ย
8
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
24 มีนาคม 2560 00:19:25

Beauty and the Beast เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้ผมน้ำตาคลอ (น่าจะเป็นคนเดียวในโรงนะ) ทั้งๆ ที่การดำเนินเรื่องก็เรียบง่ายตามสไตล์ดิสนีย์ ไม่ได้มีบทดราม่าขยี้หัวใจอะไรเลย (บ้าป่าววะ?)

สิ่งที่ทำให้ผมน้ำตาคลอนั่นก็คือ การกลับมาของการ์ตูนในวัยเด็ก ที่ทำออกมาได้ยิ่งใหญ่และสวยงามมาก สิบกว่าปีก่อน ใครจะไปคิดว่าการ์ตูน 2D ลายเส้นธรรมดาๆ จะกลายมาเป็นหนังโรงที่สวยงามได้ขนาดนี้ และบวกกับสไตล์ละครเพลง ที่เป็นเอกลักษณ์ของดิสนีย์เอามาขยายอีก ส่วนตัวผมนั้น แค่โดนบทเพลงในภาพยนตร์สะกิดหน่อย ต่อมน้ำตาก็แตกโดยไม่รู้ตัวแล้ว ส่วนนี้ทำออกมาได้ดีจริงๆ

ด้านตัวละคร

ก่อนจะดูหนังเรื่องนี้ แอบรู้สึกว่า เอ็มม่า วัตสัน ไม่ค่อยเหมาะที่จะรับบทนี้ซักเท่าไหร่ (แต่เราชอบเอมม่า วัตสันนะ) เพราะด้วยความที่คาแรคเตอร์เบลในการ์ตูน ถึงแม้จะดูเป็นสาวเก่ง แต่ก็มีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ ส่วนเอมม่านั้น ดูออกแนวมั่นใจและแข็งแกร่งเสียมากกว่า แต่พอได้ชมแล้ว ฝีมือการแสดงของเอมม่านั้น กลับทำให้เราอินกับคาแรคเตอร์ใหม่ของเบลคนใหม่นี้ ได้อย่างดีเลย

อีกบทนึงที่ขอชื่นชมเลยก็คือ แกสตันตัวร้าย ที่ได้ ลุค อีแวนส์ มาแสดง ขอบอกเลยว่าไม่มีดาราคนไหน ที่จะเหมาะกับบทนี้ได้มากกว่าลูคอีกแล้ว ใครที่ได้ไปดูก็คงคิดเหมือนกัน

ส่วนตัวละครอื่นๆ นั้น ขอเก็บเป็นสปอยล์ละกัน

ความคิดที่ถูกซ่อน 
 

ด้านกราฟิก พรอพต่างๆ

ด้านนี้ไม่ต้องห่วงเลย ดิสนีย์ซะอย่าง สวยงาม เต็มอิ่มแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นปราสาทไตเติ้ลเปิดเรื่อง ที่แฝงกิมมิคเล็กๆ ไว้ ฉากต่างๆ ภายในเรื่อง ที่แทบจะถอดมาจากการ์ตูนและเสริมมิติที่มากขึ้น ยอดเยี่ยมสุดๆ

บทหนัง การดำเนินเรื่อง

ไม่มีอะไรให้คาดหวังมาก ตามสไตล์ดิสนีย์ก็เล่าไปตามเรื่องราว พยายามถ่ายทอดออกมาให้สมบูรณ์ที่สุดเท่านั้น เป็นอารมณ์ที่ว่า เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูสบายๆ ไม่กดดันจนเกินไป

ดนตรี

สุดยอดของดิสนีย์ ก็คงจะเป็นเรื่องดนตรีประกอบหนัง ที่สามารถส่งผ่านอารมณ์ได้ดีมากๆ เลย เอาจริงๆ เราชอบพลังของละครเพลงหนังเรื่องนี้ มากกว่า LA LA LAND อีกนะ (หรืออาจจะเพราะว่าอินกับดิสนีย์มากกว่าก็ไม่รู้)

สุดท้าย

ฝากสำหรับใครที่กำลังคิดจะไปดูหนังเรื่องนี้นะครับ ถ้าใครที่ชอบนักแสดง ชอบการ์ตูนดิสนีย์ ชอบดูหนังภาพสวยๆ เพลงเพราะๆ จัดไปครับ ไม่เสียใจแน่นอน แต่ถ้าชอบความดราม่าเข้มข้น เนื้อเรื่องหักมุม ทำร้ายความรู้สึกสุดๆ ก็คงไม่ใช่ทางของหนังแฮปปี้เอนดิ้งอย่างดิสนีย์แน่นอนครับ

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
7
การดำเนินเรื่อง
8
ดนตรีประกอบ
9.5
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
9.5
คะแนนเฉลี่ย
8.4
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)