Things to Come - ชีวิตนี้มีความสตรอง
นาตาลี ครูสอนปรัชญาที่ชีวิตครอบครัว (เหมือนจะ) เพอร์เฟค มีแม่เป็นตัวอย่างของความล้มเหลวในชีวิต จนทำให้มีปัญหาป่วยทางจิต แต่แล้ววันหนึ่งตัวเธอเองกลับต้องมาตกอยู่ในชะตากรรมเช่นเดียวกันกับแม่ เมื่อสามีที่แต่งงานอยู่กินกันมากว่าครึ่งชีวิต ขอแยกทางไปกับผู้หญิงคนใหม่ ทิ้งให้เธอเลี้ยงลูก 2 คนเพียงลำพัง เมื่อปัญหาถาโถมเข้ามาเธอจึงต้องก้าวผ่านมันไปให้ Things to Come หรือชื่อไทยว่า ชีวิตนี้มีความสตรอง หนังที่จะชี้ให้เห็นอีกแง่มุมของชีวิตที่ต้องพบกับความล้มเหลว และความผิดหวัง ก็ยังต้องสตรอง ถ่ายทอดโดยผู้กำกับสาวไฟแรง Mia hansen-love เจ้าของรางวัล Silver Bear for best Director จากงานเบอร์ลิน อินเตอร์เนชั่นนัล ฟิล์ม เฟสติวัล ครั้งที่ 66 นำแสดงโดยดาราสาวรุ่นเก๋าชาวฝรั่งเศส อิซาเบล อุปแปร์ เป็นหนังที่ถ่ายทอดอารมณ์และเรื่องราวของคำว่า "ชีวิตอาจไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ" ได้เป็นอย่างดี
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
Things to come (2016)
Nathalie สาวใหญ่ผู้มีอาชีพเป็นอาจารย์สอนวิชาปรัชญา เป็นภรรยาของอาจารย์สอนปรัชญาเช่นกัน เป็นแม่ของลูกสองคน และเป็นลูกสาวของหญิงชราที่เป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง โดยสถานะทางอาชีพความเชี่ยวชาญด้านปรัชญา และวัยวุฒิที่ผ่านโลกมาไม่น้อย เธออาจถูกคาดหวังว่าจะเป็นคนที่ตกผลึกตามความคิด ปัญหาต่างๆ ในชีวิตน่าจะมีเครื่องมือความคิดทางปรัชญาที่ใช้แก้ปัญหาได้อย่างถูกอาการ หากแต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะหนังได้พาเราไปในโลกของเธอที่ประสบพบเจอปัญหาอย่างคนสามัญธรรมดาทั่วไป วิชาความรู้ทางปรัชญาที่มุ่งเน้นการตั้งคำถาม หาคำตอบ คาดหวังว่าจะไขกุญแจตอบปัญหามนุษยชาติไม่สามารถฟังค์ชั่นแม้กระทั่งกับชีวิตผู้ที่เชี่ยวชาญมันเองเสียด้วยซ้ำไป
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ คือการที่หนังได้สร้างตัวละครลูกศิษย์ นักศึกษาที่ต่างร้อนรนด้วยอุดมการณ์ทางการเมือง หมั่นถกเถียงกันอย่างซีเรียสบนจุดยืนประชาธิปไตย เคลื่อนไหวจัดตั้งม็อบเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงตามแนวทางที่พวกเขาเชื่อ นาตาลีมองดูหนุ่มสาวเหล่านี้ด้วยสายตาของคนที่เคยเป็นแบบนั้นมาก่อนมาจนวันนี้เธอแสนจะห่างไกลต่อความกระตือรือร้นแบบนั้น หรือการที่ลูกศิษย์คนโปรดที่เปิดเผยว่ารู้สึกผิดหวังต่อจุดยืนการใช้ชีวิตของเธอที่ยุ่งอยู่กับชีวิตส่วนตัวของเธอเอง เป็นความเจ็บปวดในมิติของแนวคิดอุดมการณ์ที่ทั้งขัดแย้งและไหลลื่นไปกับกาลเวลาของโลกความเป็นจริงได้อย่างขันขื่น
เอาเข้าจริงแล้วหนังมาพูดเรื่อง “อนาคต” ของคนในวัยที่ไม่น่าจะมีความหวังเหลืออยู่แล้วอย่างนาตาลี เรื่องของอนาคตที่มักจะนำเสนอในช่วงวัยหนุ่มสาวในท่าทีลักษณะที่ให้ความหวังมาในเรื่องนี้เลยกลายเป็นความหดหู่ดูแห้งแล้งเมื่อชีวิตในวัยที่ควรจะนิ่งแล้ว พักผ่อนได้แล้วยังต้องเจอสารพันปัญหาเข้ามาไม่หยุดหย่อน แต่เราจะเห็นตัวละครฟูมฟายกับโชคชะตาน้อยมากโดยที่เธอแทบไม่ปริปากบ่นอะไร และท้ายที่สุดแล้วหนังเลือกฉากจบสรุปเนื้อความและอารมณ์ได้เปี่ยมความเป็นมนุษย์ของตัวละครเอามากๆ
พูดได้ยากว่านี่คือหนังที่เหมาะกับทุกคน หนังมีการดำเนินเรื่องที่ไม่เน้นบิวท์อารมณ์บีบคั้น เราแค่ตามชีวิตของสาวใหญ่คนหนึ่งไปเจอปัญหาที่ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าค่าเฉลี่ยคนทั่วไป เพียงแต่การเลือกโมเมนท์ที่นำเสนอ การแสดงออกของตัวละครที่รีแอ๊คกับสิ่งที่เข้ามา เนื้อหนังมังสาชีวิตในหนังถูกร้อยเรียงเข้ากับเรื่องราวได้อย่างละเอียดอ่อน ซึ่งการจะเข้าถึงความงดงามในความดาษดื่นธรรมดา หนังเองก็เรียกร้องจากผู้ชมสูงอยู่เหมือนกัน
Things To Come ( L’Avenir) 2016 #เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน
คะแนน 8.5 / 10
..
หนังว่าด้วยเรื่องราวของ Nathalie สาวใหญ่เธอเป็นอาจารย์สอนปรัชญา มีสามีเป็นอาจารย์สอนปรัชญาด้วยเช่นกัน เธอและสามี มีลูกด้วยกัน 2 คน และ เธอมีแม่ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง อยู่มาวันหนึ่ง สามีของเธอมาสารภาพว่ามีผู้หญิงอื่น ทำให้เธอตัดสินใจแยกกันอยู่กับสามี ส่วนแม่ของเธอนับวันก็ทำตัวเรียกร้องความสนใจมากขึ้นเธอต้องปลีกเวลามาดูแม่อยู่เสมอ ประกอบกับที่มหาลัยที่เธอสอนก็มีนักศึกษาประท้วงเรื่องการเมืองทำให้การเรียนการสอนต้องติดๆขัดๆ ยิ่งทำให้เธอเครียด เธอมีสิ่งหนึ่งที่พอจะทำให้เธอยิ้มได้ และมีความสุขคือการได้เจอ และสนทนากับ Fabien ลูกศิษย์คนโปรดที่อาศัยอยู่ในป่าเพื่อเขียนหนังสือปรัชญา
..
หนังปล่อยให้คนดูเปรียบเสมือนบุคคลที่ 3 คอยดูชีวิตของ Nathalie ไปเรื่อยๆ ตัวหนังไม่ได้บีบคั้นหรือบังคับคนดู ให้เข้าถึงหรือตัดสินในสิ่งที่ Nathalie ทำ แต่เราจะเข้าถึงได้ในสิ่งที่ ตัวละครแสดงออกมา เราจะเห็นได้ว่า Nathalie เป็นผู้หญิงที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง เธอมักไม่สนใจเสียงรอบข้างที่คอยทัดทาน หรือ เรียกร้องในสิ่งที่เธอสามารถผ่อนปรนเสนอให้ได้ แต่อีกนัยหนึ่งเราอาจมองต่างว่า สิ่งที่เธอเป็นไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเอง แต่อาจเป็นเพราะเธอเหนื่อยที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆรอบตัว ที่กำลังจะเกิดขึ้น
..
ในหนังเราจะเริ่มสังเกตุได้ถึงสถานการณ์รอบข้างของ Nathalie เราจะเริ่มเห็นความขัดแย้งเล็กๆที่กำลังก่อตัวจากการกระทำของเธอ เช่น เธอกับสามีมีปากเสียงกันเล็กน้อยเรื่องที่ สามีไม่เปิดใจยอมรับและคุยดีๆ กับ Fabien รวมถึง ลูกๆของเธอก็ไม่วายที่จะเหน็บผู้เป็นแม่ โดยการเปรียบเทียบตนเองกับ Fabien ลูกศิษย์โปรดของเธอ / สำนักพิมพ์ที่พิมพ์ตำราเรียนที่เธอเขียน ได้ขอร้องให้เธอเปลี่ยนรูปเล่มให้ทันสมัยขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายแต่เธอไม่ยอม / แม่ของเธอเริ่มเรียกร้องความสนใจที่วุ่นวายมากขึ้นเพียงเพราะไม่รับโทรศัพท์ของผู้เป็นแม่ แม้กระทั่ง Fabien ศิษย์โปรดของเธอ ตอนท้ายก็ไม่ลงรอยกับเธอในเรื่องของปรัชญาทัศนคติที่ไม่ตรงกัน
..
แต่ถึงกระนั้น แม้ว่า บทหนังจะทำให้เธอดูเหมือนเป็นเป็นคนไม่เอาอะไรไม่สนใจใคร แต่เรากลับสงสารเธอและเอาใจช่วยเธออย่างน่าประหลาด คงเป็นเพราะเธอแบกรับความทุกข์ความเครียดมากเกินที่มนุษย์ปกติพึ่งจะได้รับ ซึ่งเป็น " อนาคต " ที่ Nathalie ไม่ได้วาดฝันไว้ ในใจลึกๆ เธอไม่อยากเป็นแบบเหมือนแม่ของเธอ ที่ชีวิตล้มเหลว จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า แต่เธอหารู้ไม่ว่า แม่ของเธอนี่แหละที่จะเป็นแสงสว่างนำทางเธอในบั้นปลายชีวิต
..
หลังจากที่มารดาของเธอเสียชีวิต เธอเริ่มที่ปล่อยวาง และเข้าใจชีวิตมากขึ้น เธอเริ่มเปิดใจยอมรับสภาพการเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมเข้ามา เรียนรู้ที่จะอยู่บนพื้นฐานความเจ็บปวดทุกข์ใจ ต้องเข็มแข็งเผชิญหน้ากับมัน เพราะท้ายที่สุดตัวเธอเองต้องเป็น "ภาพสะท้อนในอนาคต " ให้กับลูกๆของเธอที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยมีครอบครัว
..
..
โดยรวมหนังดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่ายละเมียดละไม ไม่หวือหวา แฝงด้วยปรัชญาและเหตุการณ์เชิงสัญลักษณ์ ปล่อยให้คนดูตักตวงสิ่งที่หนังนำเสนอ ซึ่งสิ่งที่นำเสนอไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัวเราเลย ล้วนเกิดขึ้นได้กับทุกคน ขึ้นอยู่ว่าแต่ละคนจะรับมือกับมันได้ดีเพียงใด บางทีเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตคนเรา การตั้งคำถาม การหาคำตอบ อาจไม่ใช่ทางออกเสมอไป ลองใช้สัญชาตญาณของมนุษย์ เปิดหู เปิดตา เปิดใจ รับฟังรับรู้ บางทีอาจจะเจอทางออกที่ดีกว่า
ชอบฉากหนึ่งมากในหนัง ฉากที่ Nathalie นั่งเศร้าอยู่บนรถบัส เธอทอดสายตาไปข้างนอกมองสิ่งต่างๆเพื่อทำให้คลายเศร้า แต่ภาพที่เธอเห็นคือ อดีตสามีเดินเคียงคู่กับภรรยาใหม่ เธอทำได้แค่เพียงหัวเราะออกมา " หัวเราะเยาะให้กับโชคชะตาตัวเอง ซึ่งเป็นทางเดียวที่ทำให้เธอเข้มเแข็ง ณ.ขณะนั้น "
Jurassic Boy / FB : ผีโรงหนัง
แวะมาได้ครับ : https://www.facebook.com/pheerongnang/
สรุปผลวิจารณ์หนัง