I Am a Hero - ข้าคือฮีโร่
เข้าฉาย 30 มิถุนายน 2559
ผู้ชม : 13,831
ผู้กำกับ
: Shinsuke Sato (ชินสึเกะ ซาโตะ)
ความยาวหนัง
: 126.00
Text Size
หนัง I Am a Hero หรือชื่อไทยว่า ข้าคือฮีโร่ เมื่อไวรัส ZQN แพร่ระบาดทั่วญี่ปุ่นจนทำให้ประชากรกลายร่างเป็นซอมบี้ ชายธรรมดาที่เป็นแค่ผู้ช่วยนักเขียนการ์ตูนนามว่า ฮิเดโอะ ซูซุกิ (โย โออิสุมิ) ผู้มาพร้อมกับปืนลูกซองคู่ใจ จึงทำทุกวิถีทางเพื่อกอบกู้วิกฤตการณ์ครั้งนี้เพื่อพิสูจน์นิยามของคำว่าฮีโร่ให้ได้
I Am a Hero One day, after returning from work late in the evening, Hideo witnesses a traffic accident in which a car crashes into a nearby pedestrian, killing the victim instantly. However, despite severe injuries including a broken neck, the victim's body stands up and walks away. Hideo questions whether this is another one of his hallucinations, but strange events begin happening around him.
I Am a Hero (Shinsuke Sato / Japan / 2016)
บอกก่อนเลยว่าไม่เคยรู้จักมังงะเรื่องนี้มาก่อน ตอนเห็นโปสเตอร์ผ่านๆ ที่โผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยก็คิดว่าหนังมันคงจะเป็นหนังซอมบี้ประมาณนึง แต่พอได้ดูแล้วหนังมันดีและสนุกกว่าที่คิดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก(ก.ไก่สามแสนตัว..) หนังมีความลุ้นระทึกบวกกับตลกแบบญี่ปุ่นๆ ได้พอดิบพอดี..ซึ่งตอนแรกดูพากย์ไทยมาก็โอเคเลยนะ มุกพากย์ด้นส่วนใหญ่ตลกไม่ค่อยแป้ก ส่วนบทหนังมีแผลน้อยใหญ่ประปราย แต่ที่เสียดายสุดคือมันไม่ได้ขยี้ประเด็นหนังให้หนักหน่วงมากกว่านี้ ซึ่งส่วนในทีเล่นมันไปลดทอนส่วนของทีจริงที่น่าจะช่วยชูเนื้อหนังให้ดีให้สะเทือนขึ้นได้อยู่พอสมควร แต่ก็ต้องบอกว่าทีเล่นเอาสนุกของมันก็บันเทิงได้ผลมากๆ
แต่พอดูรอบสองซับไทยเสียงญี่ปุ่น ส่วนที่รู้สึกติดขัดในส่วนของบทก็เบาบางลงไปมากจนเหลือแค่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของบางฉากบางตอนที่มันขัดอารมณ์อยู่บ้าง ทำให้เราอินประเด็นความเป็นไอ้ขี้แพ้ของพระเอกมากขึ้น สนุกและอินกับการขยี้มุกในฉากตู้ล็อกเกอร์นั้นมากขึ้น จากที่ตลกโปกฮากลายเป็นน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาได้ รวมไปถึงตัวละครอื่นๆ ที่เมื่อไม่มีเสียงพากย์ไทยมากลบทับหรือเปลี่ยนแปลงโทนน้ำเสียงและบรรยากาศ ความตื้นลึกหนาบางของความเป็นมนุษย์ในสถานการณ์เอาตัวรอดก็โผล่ให้เห็นและรู้สึกถึงการเสียสละและการสูญเสียมากขึ้น โดยเฉพาะในฉากไคลแม็กซ์ที่ลุ้นระทึกมันหยดเยิ้มเลือดสมองหยดย้อยได้ถึงใจ ทั้งๆ ก็เป็นฉากที่ถูกเซ็ตให้ตัวละครเจออุปสรรคแบบซ้ำซากไปหน่อย แต่จังหวะการขยี้ทั้งมุกระทึกและความดราม่ามันสร้างสรรค์อย่างคาดไม่ถึงแบบจัดเต็ม จนคนดูข้างๆ ต้องร้องเฮ้ยๆๆ ออกมาตลอดทั้งฉากด้วยความเมามัน ขณะที่กลัวจนอยากจะปิดตามันก็อยากเห็นอะไรดีๆ บนจอที่หนังจะนำมาเสิร์ฟจนอดที่จะถ่างมือมองไม่ได้เลย ทำให้ทุกอย่างที่รู้สึกไม่ค่อยชอบในต้นฉากถูกมองข้ามไปได้อย่างง่ายดาย
ชอบซอมบี้นักกีฬากระโดดไกลสุดๆ มันให้ทั้งความน่ากลัวและความกวนบาทา ครีเอทีฟขั้นสุด!! หนังซอมบี้ฮอลลีวู้ดก็ให้ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้ ชอบยิ่งกว่าซอมบี้ตัวไหนที่ชีวิตนี้เคยเห็นในหนังมา..ไอ้ตัวที่เห็นกางแขนหันหลังอยู่ในรูปที่สองนี่แหละ ซื้อตั๋วไปดูหน้ามันสิ!!! ใครชอบแนวๆ Parasyte: Part 1 (Takashi Yamazaki / Japan / 2014) หรือ Shaun of the Dead (Edgar Wright / UK, France, USA / 2004) ต้องไม่พลาด แต่รอบฉายก็น้อยเหลือเกิน..โดนฉลามบุกเอารอบไปกินหมด แต่ The Shallows (Jaume Collet-Serra / USA / 2016) เองตัวหนังก็สนุกลุ้นระทึกมากๆ แต่ยังไงก็ยังยกให้ I Am a Hero ชนะแบบใสๆ ทั้งในแง่ประเด็นและความสร้างสรรค์ ไม่คิดเลยว่าจะได้ดูหนังซอมบี้สัญชาติญี่ปุ่นที่สนุกและระทึกขนาดนี้!!! ขึ้นแท่นเป็นหนังที่บันเทิงเริงระทึกที่สุดในรอบปี แซงชนะ The Conjuring 2 (James Wan / USA / 2016) ไปแบบแฟร์ๆ
ปล. Shinsuke Sato ผู้กำกับเรื่องนี้ กำกับ Death Note (2016) ด้วยเว้ยยยยยเฮ่ยยยย และถึงเวลาที่ต้องหยิบ Gantz (2011) มาดูซะแล้ว!!
สรุปผลวิจารณ์หนัง