Sing - ร้องจริง เสียงจริง
จากทีมผู้สร้าง Despicable Me และ Minions อิลลูมิเนชั่น เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ นำคุณมาพบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกที่เหมือนกับโลกของเรา เพียงแต่ประชากรเหล่านั้นเป็นสิงสาราสัตว์ ในภาพยนตร์ Sing หรือชื่อไทยว่า ร้องจริง เสียงจริง ภาพยนตร์ที่จะมาเล่าเรื่องราวของ บัสเตอร์ มูน (แมทธิว แม็คคอนาเฮย์) โคอาล่าตัวแสบ ผู้บริหารงานโรงละครที่ครั้งหนึ่ง (เคย) ยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้ถึงคราวตกอับ บัสเตอร์ รักโรงละครของเขาเหนือสิ่งอื่นใด และยอมทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาความฝันทั้งชีวิตของเขาเอาไว้ เขาต้องการให้โรงละครอันเป็นที่รัก กลับมายืนหยัดยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ด้วยการจัดการแข่งขันร้องเพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ในการแข่งขันมีตัวเก็งอยู่ 5 ราย คือ หนู (เซ็ธ แม็คฟาร์เลน) ผู้ขยับลูกคอได้พลิ้วไหวพอๆ กับลีลาในการต้มตุ๋นของเขา, ช้างสาวขี้อาย (ทอรี เคลลี) ผู้เกิดอาการตื่นเวทีได้เสมอ, คุณแม่ผู้เหนื่อยล้า (รีส วิทเธอร์สปูน) ผู้วิ่งวุ่นกับการดูแลลูกน้อยทั้ง 25 ตัวของเธอ, กอริลลาแก๊งสเตอร์หนุ่ม (ทารอน อีเกอร์ตัน) ผู้ต้องการจะหลุดพ้นจากธุรกิจมืดของครอบครัว และเม่นสาวพังค์ร็อค (สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน) ผู้พยายามจะสลัดแฟนหนุ่มหลงตัวเองของเธอและโชว์เดี่ยว แต่ละตัวตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันของบัสเตอร์ด้วยความเชื่อว่า การแข่งขันครั้งนี้เป็นโอกาสให้พวกเขาได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง
Sing
ดูเผินๆ แล้ว Sing น่าจะอยู่ในโหมดหนังอนิเมชั่นสัตว์ ที่ทำเอาฮาเพื่อเอาใจตลาดทำเงินทั่วไป โดยเฉพาะกับคนรักสัตว์ และมู้ดโทนตลกเทือกนี้ที่เอาคาแร็กเตอร์สัตว์ต่างๆ มาขยี้มุก มันก็แอบคล้ายกับ The Secret Life of Pets แล้วก็ไม่น่าจะไปเทียบเคียงกับอนิเมชั่นโลกของสัตว์ก่อนหน้าอย่าง Zootopia ได้ แต่เอาเข้าจริง Sing ก็สามาถยืนหยัดในความซื่อตรงต่อสิ่งที่จะเล่าได้อย่างมั่นคงตลอดรอดฝั่ง จนสุดท้ายเราก็แอบปันใจให้ Sing มากกว่า Zootopia ด้วยความรู้สึกว่า เรื่องราวภารกิจของตัวละครที่ต้องมาแข่งประกวดร้องเพลง เพราะมีฝันอยากเป็นนักร้อง และที่สำคัญคือมีความสุขกับการร้องเพลงมันใกล้ตัวเรากว่า Zootopia ที่สร้างโลกสัตว์ขึ้นมาเพื่อตีตอบสังคมมนุษย์ใหญ่โต ที่ตอนแรกมีท่าทีเอาจริงเอาจังกับการถกเถียง ที่สามารถนำพาประเด็นให้ไปแตะความรู้สึกของคนดู ให้กระอักกระอ่วนครวญตามไปต่อได้อีกไกลมากๆ แต่ตอนท้ายกลับทวิสต์หักลำประนีประนอมเซฟตัวเอง หลบไปอยู่ในบ้านโพรงกระต่ายแสนสวยอย่างน่าเสียดาย
สำหรับ Sing นั้นไม่ได้ทะเยอทะยานเทียบเท่า Zootopia ได้ในแง่กอปรโลก เพื่อสร้างประเด็นอันซับซ้อน แถมจินตนาการที่คนสร้างเนรมิตโลกของสัตว์สี่ขา ที่วิวัฒนาการมาเดินสองเท้าเยี่ยงมนุษย์นั้นยังแสนจะเวิร์คกับทั้งการสนับสนุนโครงเรื่องที่สามารถสร้างสถานการณ์ต่างๆ ให้หลากหลายหลากมุมสนุกได้ ไปจนถึงแอบซ่อนประเด็นเอาไว้มากมาย ผ่านตัวละครสัตว์ที่อาศัยอยู่คนละโซนที่ต่างกัน ซึ่งการออกแบบตัวละครสัตว์ด้วยการพยายามกลับด้านสเตอริโอไทป์แบบเดิมๆ ว่าหนูตัวเล็กๆ ต้องน่าเอ็นดูต้องเป็นเหยื่ออย่างเดียว หรือช้าง ต้องใจใหญ่ ใจโต กล้าหาญ ก็ถูก Sing หยิบมาใช้กับหลายตัวละครเช่นเดียวกัน
ความไม่สมเหตุสมผลยังมีอยู่บ้าง ทั้งวิธีการเล่าบางอันทั้งมุกหลายๆ มุก แต่พอมันเป็นอนิเมชั่นตัวละครสัตว์ก็พอจะมองข้ามได้ง่ายขึ้น ทุกอย่างจึงกลายเป็นความขบขันน่ารักๆ แถมบางตัวละครยังถูกออกแบบมาให้จิกกัดคนบางประเภทในสังคมได้อย่างแสบคัน แต่ทั้งหมดทั้งมวล Sing ก็ซื่อตรงที่จะใช้เพลงขับพาประเด็นความฝันได้อย่างน่าใจหาย ไปกับความรู้สึกดีๆ ที่พอเราได้เผลอไปเทียบเคียงกับบางโมเมนต์ในชีวิตจริงเมื่อไหร่ น้ำตาก็ไหลออกมา โลกแห่งความเป็นจริงมันช่างขัดแข้งขัดขาความฝันเราเหลือเกิน ขณะที่ความรักที่อยากจะฝัน และใฝ่หาชีวิตที่มีความสุขอย่างที่ใจเราต้องการ ได้เข้ามาเกาะกุมให้หัวใจเราพองโตและพาขาก้าวเดินไปข้างหน้า ตามหนทางที่ใครๆ พร่ำบอกว่าเป็นไปไม่ได้อีกสักครั้ง
หนังเข้าทางคนลูสเซอร์มากๆ ถ้าชีวิตปี 2016 มันแย่ มันเฟล มันชิบหาย จงไปดู Sing หรือไม่ก็ A Street Cat Named Bob เป็นหนังปิดปี เรื่องหลังนี่เล่นเอาขี้มูกย้อยเลยทีเดียว
สรุปผลวิจารณ์หนัง