0 Concussion+-+%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A1

Concussion - คนเปลี่ยนเกม

เข้าฉาย 18 กุมภาพันธ์ 2559
ผู้ชม : 15,655
ผู้กำกับ : Peter Landesman (ปีเตอร์ แลนเดสแมน)
ความยาวหนัง : 125.00
Text Size

หนัง Concussion หรือชื่อไทยว่า คนเปลี่ยนเกม เรื่องราวของการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความจริงที่ว่ากีฬาระดับโลกอย่าง อเมริกันฟุตบอล นั้น ความรุนแรงของการกระแทกแต่ละครั้งสามารถทำให้ผู้เล่นได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรงที่สมอง จากอดีตที่เคยมีนักอเมริกันฟุตบอลเสียชีวิตแบบปริศนา ดร.เบนเน็ต โอมาลูเป็นคนแรกที่ค้นพบการทำงานและผลกระทบระหว่างสมอง ร่างกาย และจิตใจซึ่งเขาต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้โลกได้รู้ ผลงานการกำกับของ ''ปีเตอร์ แลนเดสแมน''จากภาพยนตร์เรื่องดัง Parkland คนฆ่า จอห์น เอฟ เคนเนดี้


หนัง Concussion In Pittsburgh, accomplished pathologist Dr. Bennet Omalu uncovers the truth about brain damage in football players who suffer repeated concussions in the course of normal play.

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

21 กุมภาพันธ์ 2559 21:40:04

Concussion (Peter Landesman / USA / 2015)

คือไม่ได้ดูตัวอย่างมาก่อน  ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเกี่ยวกับอเมริกันฟุตบอลหรือแม้แต่อาการ Concussion ที่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออาการอะไร  ที่อยากดูนี่ก็เพราะได้ยินมาว่าเรื้องนี้เฮีย Will Smith แกเล่นดี  บัตรฟรี  และคิดว่ามันจะเป็นหนังอาชญากรรมเฉียบๆ มียิงกันบ้างแบบ Heat (Michael Mann / USA / 1995)  ไรงี้  คือเข้าไปดูแบบหัวกลวงมากๆ  เริ่มเรื่องแรกๆ ก็เลยตั้งตัวไม่ค่อยทันพอมันเปิดเรื่องมาเล่าถึงแวดวงอเมริกันฟุตบอล  ก็คิดไปถึงหนังกีฬาที่อารมณ์แถวๆ Moneyball (Bennett Miller / USA / 2011)  มันไม่ใช่หนังอาชญากรรมอย่างที่คิดละ  แถมเฮียวิลแกยังเล่นเป็นหมอพยาธิชันสูตรศพอีก  ไม่ใช่ตำรวจหรือมือปืนอาชญากรอย่างที่คิดไว้ในหัว  แล้วพอไปสักพักมันก็ไม่ใช่ Moneyball เลยนี่หว่า  เออ..แต่ก็ดีนะ  หนังก็ดูเพลินไปได้เรื่อยๆ ปนๆ กับน่าเบื่อบ้างเพราะมีจังหวะที่หลุดจากหนังไปสักพักจนงงๆ ว่าหนังมันกำลังตามอะไรอยู่  แล้วเส้นเรื่องรักเรื่องครอบครัวของพระเอกมันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอินอะไร  ก่อนที่เรื่องราวมันจะเปลี่ยนกลับมาเป็นหนังเทือกๆ Spotlight (Tom McCarthy / USA / 2015) ในช่วงหลังเทิร์นนิ่งพอยต์สำคัญแรก  นั่นแหละจากนั้นหนังก็เริ่มสนุกและน่าติดตามมากขึ้นมากๆ

มันมีจุดร่วมกับ Spolight ตรงที่เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์เปิดโปงความลับความเลวร้ายขององค์กรหรือสถาบันใหญ่โตที่พ่วงความเชื่อความรักความนิยมของคนจำนวนมากเอาไว้เป็นเดิมพัน  ซึ่งตัวละครต้องต่อสู้กับอำนาจใหญ่โตเพื่อให้ข้อมูลความเลวร้ายที่สถาบันความเชื่อหรือองค์กรทุนนิยมปกปิดไว้เพราะผลประโยชน์ของพรรคพวกมันออกไปถึงการรับรู้ของประชาชนที่มีสิทธิ์ตัดสินใจที่จะเลือกเชื่อหรือเลือกชอบเลือกซื้อได้ตามวิจารณญาณ  เมื่อได้ข้อมูลความจริงรอบด้าน  ทำให้เรื่องราวมันน่าลุ้นสุดๆ เมื่อเราเฝ้ารอที่จะได้เห็นความเลวร้ายในคราบความศรัทธายิ่งใหญ่มันสั่นคลอนและล้มครืนลงมา  คือส่วนใหญ่แล้วเรื่องจริงเกี่ยวกับการเปิดโปงที่เอามาทำเป็นหนังก็มักจะจบด้วยชัยชนะอ่ะนะ  แต่บางทีมันก็จะมีอารมณ์ตรงกันข้ามที่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริงถ้าหากการเปิดเผยความจริงมันสู้กับอำนาจเหล่านั้นไม่ได้  แล้วสิ่งที่ตัวละครตั้งใจสู้มาทั้งหมดก็จะกลับกลายเป็นขี้หมูขี้หมาในสายตาของสาวกใต้อำนาจเหล่านั้น  ซึ่งหนังเนื้อหาเปิดโปงที่สร้างจากเรื่องจริงที่จบแบบประเภทหลังก็ไม่ค่อยจะมีหรอกที่จะจบท้ายด้วย สืบ นาคะเสถียร สไตล์  หรือจบแบบหนังอย่าง The Riot Club (Lone Scherfig / UK / 2014) ที่ให้คนที่ต่อสู้กำกับระบบอำนาจต้องถอดใจหรือพ่ายแพ้  

นอกจากนั้นหนังทั้งสองเรื่องก็ยังดีเบตเรื่องจรรยาบรรณอาชีพเหมือนกัน  แต่ Spotlight จะซับซ้อนในส่วนกระบวนการ  และมีสายตามองไปถึงแรงต้านจากหลายฝั่งมากกว่าทำให้เห็นภาพรวมของระบบที่มีส่วนประกอบหลายส่วนที่ทำให้เกิดปัญหาจริงๆ  ไม่ใช่แค่สื่อมวลชนกับคริสตจักร  แต่ยังมีมุมความศรัทธาของคนในครอบครัวมีเด็กร้องเพลงในโบสถ์บอกบรรยากาศความเงียบจากการถูกปิดให้เงียบท่ามกลางความสุขในคืนวันคริสต์มาส  ขณะที่ Concussion จะเล่าแบบเดินตามวิถีปกติไม่ได้พลิกแพลงจุกจิกอะไร  และไม่ได้ให้เห็นภาพในมุมความเป็นไปได้ที่จะเกิดกระแสต้านจากสังคมอย่างชัดเจน  เล่าอ้างถึงข้อดีข้อเสียของอเมริกันฟุตบอลเพียงผิวๆ  ไม่ได้ลงไปสอบถามความเห็นของคนนอกที่นอกเหนือไปจากคนตรวจสอบและองค์กรอย่างเช่นคนดูคนเชียร์คนรักและศรัทธาในกีฬาอเมริกันฟุตบอล  อย่างที่ Spotlight มีบรรยากาศความเชื่อความศรัทธาในคริสตจักรให้เห็น  ซึ่งมันสร้างบรรยากาศความกระอักกระอ่วนคลุมหนังขึ้นมาอีกชั้น  และเพิ่ม Dilemma ในใจคนดูซึ่งช่วยสร้างความรู้สึกหนักหน่วงในการดีเบตต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในหนังได้มากขึ้นไปอีก  แต่สิ่งที่ Concussion มีดีพอให้เทียบกับ Spotlight ก็คือตัวละครที่ดูมีเลือดมีเนื้อจริงๆ  ซึ่งทำให้ชอบหนังขึ้นมาได้มากๆ

Will Smith เล่นเป็นหมอพยาธิวิทยาชันสูตรศพเชื้อชาติไนจีเรียที่ใฝ่ฝันอยากได้สัญชาติอเมริกา  ที่วันหนึ่งการชันสูตรศพนักอเมริกันฟุตบอลของเขาได้ขุดเรื่อง Concussion อาการโรคเรื้อรังทางสมองที่เกิดจากแรงกระแทกจากการเล่นอเมริกันฟุตบอลขึ้นมาอีกครั้ง  จนเป็นที่ยอมรับและได้ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ออกไปสู่วงกว้าง  แต่พอไปกระทบกับธุรกิจมาเฟียอเมริกันฟุตบอลที่มีมูลค่ามหาศาลซึ่งพยายามปกปิดเรื่องนี้มาตลอดก็ทำให้เขาต้องตัดสินใจเลือกที่จะเป็นฮีโร่ต่อไป  หรือยอมหลีกหนีอันตรายที่กำลังจะมาถึงตัวและทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น  ชอบความเป็นปุถุชนคนธรรมดาของตัวละครพระเอกอย่างหมอ Bennet Omalu มากๆ  ที่ชีวิตก็แค่พยายามทำไปตามหน้าที่ของอาชีพหมอแบบพกจรรยาบรรณไว้เต็มกระเป๋า  ดูไม่ได้มีเป้าหมายที่จะเป็นฮีโร่สุดโต่งหรือทำตัวเป็นนักกิจกรรมเพื่อสังคมอะไร  แล้วสุดท้ายเขาก็ต้องยอมจำนนต่ออำนาจมาดร้ายที่อาจจะทำลายอนาคตครอบครัว  และรักษาความฝันที่ตัวเองอยากจะเป็นประชาชนคนอเมริกันเอาไว้  ถอยห่างออกมาทำเป็นว่าไม่ใช่เรื่องกงการอะไรของเขา  ไม่ได้ทำเพราะทนงที่จะได้เป็นคนสัญชาติอเมริกัน  แต่เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นตามความต้องการแรกเริ่มที่อพยพมาอยู่ต่างถิ่นก็เท่านั้นเอง

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
7.5
การดำเนินเรื่อง
8
ดนตรีประกอบ
8.5
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
7.5
คะแนนเฉลี่ย
7.9
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)

26 พฤษภาคม 2564 20:48:11
 
เยี่ยม สนุก ให้ความรู้
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย