SKIPTRACE - คู่ใหญ่สั่งมาฟัด
เข้าฉาย 11 สิงหาคม 2559
ผู้ชม : 21,952
ผู้กำกับ
: Renny Harlin (เรนนีย์ ฮาร์ลิน)
ความยาวหนัง
: 110.00
Text Size
หนัง Skiptrace หรือชื่อไทยว่า คู่ใหญ่สั่งมาฟัด Skiptrace คู่ใหญ่สั่งมาฟัด เล่าเรื่องของ เบนนี่ ชาน (เฉินหลง Jackie Chan) สายสืบชาวฮ่องกงที่กำลังตามล่าหัวหน้าแก๊งมาเฟียนามว่าวิคเตอร์ หว่อง (วินสตันส เชา Winston Chao) มานานกว่าทศวรรษ เมื่อหลานสาวของเขา ซาแมนธา (ฟ่านปิงปิง Fan BingBing) ต้องไปพัวพันกับองค์กรมาเฟียของหว่อง ซึ่งคนที่มีหลักฐานสามารถสาวถึงตัวเจ้าพ่อได้ นั่นคือนักพนันชาวอเมริกันจอมปากมาก คอนเนอร์ วัตส์(จอห์นนี่ น็อกซ์วิลล์ Johnny Knoxville) แต่ดันโดนแกงค์มาเฟียจับไป รัสเซีย ซึ่งเขาต้องการจะกลับ มาเก๊า ดังนั้นเบนนี่ จึงตามไปช่วยเหลือ คอนเนอร์ เพื่อเป็นพยานลากคอวิคเตอร์มาลงโทษ และช่วยเหลือซาแมนธาให้ได้ ภารกิจฟัด พ่วงความมันข้ามพรมแดนตั้งแต่เทือกเขาในมองโกเลียจนถึงทะเลทรายโกบี เรื่อยมาถึง มาเก๊า จึงอุบัติขึ้น
พล็อตจับคู่ให้ตำรวจฮ่องกงสุดตงฉิน กับชายอเมริกันจอมปลิ้นปล้อนพริ้วไหลไปได้ทุกสถานการณ์มาอยู่ในภารกิจสุดวายป่วงด้วยกัน ออกผจญภัยและได้เรียนรู้ผ่านบุคลิกที่แตกต่างสุดขั้วของกันและกันและสิ่งสำคัญที่สุดคือมิตรภาพอันหอมหวาน นี่อาจเป็นพล็อตคลาสสิคที่ถูกเล่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหนังชุด “คู่ใหญ่...ฟัด” ของดาวกังฟูอมตะอย่างเฉินหลง ซึ่งการกลับมาครั้งนี้เส้นเลือดใหญ่ของพล็อตก็ยังคงเป็นดังเดิม
เราได้เห็นการพยายามทำ “เหล้าเก่าในขวดใหม่” ไม่ว่าจะเป็นการพยายามสร้างสรรค์รายละเอียดฉากแอคชั่น การออกแบบอุปสรรคและภารกิจตามรายทาง อารมณ์ขันที่หยอดมาตามรายทาง หลายอย่างมีความเวิร์คและเห็นพลังสร้างสรรค์ในตัวมันเอง ซึ่งถ้ามองแบบแยกองค์ประกอบ หลายๆ ซีน หรือซิทสนุกๆ ที่ตัวละครไปเจอนั้นก็สร้างความบันเทิงให้พอสมควร แต่พอเอามารวมเข้าเป็นภาพใหญ่จริงๆ กลับดูจำเจ ซ้ำเดิม น่าเบื่อหน่าย
อาจเป็นเพราะการที่ตัวหนังเองไม่ได้พยายามเปลี่ยนแปลงใจความสำคัญที่ควรเปลี่ยนในระดับโครงสร้าง ทำให้ลำพังการคิดซีนใหม่ๆ เป็นรายละเอียดเล็กๆ ที่ยังไม่เพียงพอ ภาพรวมมันยังตอกย้ำให้อารมณ์เดิมๆ ที่หากเป็นยุคเฟื่องฟูแรกๆ ของเฉินหลง มันคงอาจจะยังเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ไม่ใช่กับปัจจุบันนี้แล้ว
ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมหาศาล บรรดาคอนเทนต์ต่างๆ ต้องปรับตัวกันเอาตัวรอดหัวแทบแตก หนังเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น การจะแอบอิงความยิ่งใหญ่คลาสสิคและหวังว่าทำมากี่ทีคนดูก็ยังจะชอบอาจเป็นแนวความคิดที่จะตายไปในไม่ช้า เมื่อฝั่งฮอลลีวู้ดเองการนำแบรนด์ที่สร้างไว้ได้แข็งแรงในอดีตมารีเมคสร้างใหม่ก็แป๊กไปเยอะแล้วเหมือนกัน บางทีความแตกต่างอาจเห็นได้ชัดกับการที่ Train to Busan ทำได้สำเร็จในการเอาโคร้งสร้างหนังซอมบี้มหันตภัยแบบเดิมๆ มาเลาะตะเข็บโครงสร้างอย่างละเอียดและเพิ่มความสดใหม่ลงไปในทุกองค์ประกอบที่แสดงให้เห็นจากความสำเร็จของมันแล้วว่าพล็อตโครงสร้างแบบเดิมก็สามารถรื้อและสร้างใหม่และเอาคนดูอยู่ได้
สรุปผลวิจารณ์หนัง