The Huntsman: Winter's War - พรานป่าและราชินีน้ำแข็ง
เข้าฉาย 6 เมษายน 2559
ผู้ชม : 44,569
ผู้กำกับ
: Cedric Nicolas-Troyan (เซดริค นิโคลัส โทรยัน)
ความยาวหนัง
: 115.00
Text Size
หนัง The Huntsman: Winter's War หรือชื่อไทยว่า พรานป่าและราชินีน้ำแข็ง The Huntsman Winter's War เล่าผ่านตัวละครหลักอย่างเจ้าหญิงน้ำแข็ง ฟรียา ที่หนีออกจากอาณาจักรของตัวเองหลังถูกทรยศเรื่องความรัก โดยเธอสร้างกองทัพนายพรานอันชั่วร้ายซึ่งมี อีริค และซาร่า เป็นหนึ่งในสมาชิก แต่ทั้งสองคนขัดคำสั่งของนางเรื่องการทำใจเพิกเฉยต่อความรัก อย่างไรก็ตามเมื่อฟรียาทราบเรื่องว่าร่างของพี่สาวกำลังจะแตกดับ เธอสั่งให้ทหารนำกระจกวิเศษมาชุบชีวิตของราเวนน่า ก่อนใช้อำนาจของกระจกมาคุกคามอาณาจักรอันสงบสุข มีเพียงนายพรานผู้เคยถูกเนรเทศเท่านั้นที่จะหยุดยั้งอันตรายของเธอได้
The Huntsman: Winter's War - พรานป่าและราชินีน้ำแข็ง
114 min | Adventure / Fantasy | Directed by Cedric Nicolas-Troyan
แม้ว่าภาคแรกจะมีข่าวฉาวออกมามากมายแค่ไหน และถึงแม้ว่ารายได้ในเมกาจะไม่ได้ทุนสร้าง แต่ก็ยังพอขายในตลาดต่างประเทศได้บ้าง ทำให้ยูนิเวอร์แซลเข็นภาคต่อออกมาขายโดยได้ ผู้ที่ดูแลในส่วนของวิชวลภาคแรกมากำกับ แถมดึงดาราที่ต้องบอกว่าเป็นแม่เหล็กของวงการมาอัดซะแน่นจนแอบน่าดู แต่ทว่า... ภาคต่อของสโนว์ไวท์และนายพรานภาคนี้กลับย่ำแย่เสียยิ่งกว่าภาคแรก..!!
โดยในภาคนี้ในช่วงแรกเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในสโนว์ไวท์ ซึ่งเป็นเรื่องราวของสองสาวพี่น้องที่สายเลือดของพวกนางมีพลังวิเศษ ราเวนน่า หรือ อีวิลควีน (ตัวร้ายภาคแรก) มีพลังแกร่งกล้าอยู่แล้ว แต่เฟรย์ย่า น้องสาวพลังยังไม่ตื่นขึ้นมาจนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน (ซึ่งมีในตัวอย่าง) จนทำให้พลังของนางตื่นขึ้นมาจนเกิดเป็น ไอซ์ควีน และอัปเปหิตัวเองไปอย่างแดนเหนือ เพื่อสร้างดินแดน และกองทัพพรานขึ้นมาเพื่อยึดครองและขยายอำนาจ
ที่งงคือหน้าหนังขายความเป็นภาคก่อน แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้ว เส้นเรื่องหลักหรือเนื้อเรื่องหลักของหนังเรื่องนี้จริงๆก็กลับเป็นภาคต่อซึ่งต่อจากภาคแรก โดยส่วนของภาคก่อนนั้นมีแค่นิดเดียว เป็นเหมือนช่วงเกริ่นมากกว่า
โดยในช่วงต้นเรื่องนั้นทำออกมาได้น่าสนใจ ดูมีปมที่น่าติดตาม แต่พอจบช่วงเกริ่น หนังก็ค่อยพาตัวเองลงเหวไปเรื่อยๆ ทั้งการดำเนินเรื่องตั้งแต่ช่วงหลังต้น - กลางเรื่อง น่าเบื่อมากที่สุด แถมยังเผาผลาญเวลาไปอย่างไร้สาระและชวนง่วง กว่าจะมาสนุกอีกทีก็ปาเข้าไปช่วง 10 นาทีสุดท้ายนู่นเลย
และที่ดรอปลงไปจากภาคแรก (ซึ่งก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก) คือมุมกล้องและวิชวลที่ความหวือหวาไม่มี ออกจะจืดชืด ฉากต่อสู้ก็ธรรมดา ส่วนการดำเนินเรื่องนั้นจัดว่าพังพินาศ แถมที่พังกว่าคือการที่ตัวอย่างเผยฉากไคลแม็กซ์มากจนเกินไปทำให้เฉลยทุกอย่างทุกปมในหนังของมันเองด้วยตัวอย่างตัวเดียวอยู่แล้ว
ภาพรวมของหนังนายพรานและราชินีน้ำแข็ง จึงเป็นหนังที่ดาราเยอะแต่ใช้ไม่คุ้มค่า และหาความสนุก เพลิดเพลินกระแม้กระทั่งสาระใดๆได้ทั้งสิ้น ถือว่าเป็นอีก 1 เรื่องที่น่าผิดหวังมากๆในปีนี้
สรุปผลวิจารณ์หนัง
และยิ่งตอนจบ ที่ทำเหมือนจะทิ้งปมให้มีภาค 3 โถ่ ... พอเถอะ