กลับมาเพื่อรักเธอ - Yes or No 2.5
เข้าฉาย 28 พฤษภาคม 2558
ผู้ชม : 18,100
ผู้กำกับ
: กิรติ นาคอินทนนท์
ความยาวหนัง
: 110.00
Text Size
หนัง Yes or No 2.5 หรือชื่อไทยว่า กลับมาเพื่อรักเธอ Yes or No 2.5 กลับมา... เพื่อรักเธอ เรื่องราวของสองสาวหล่อเพื่อนซี้ ไวน์ (ติ๊นา ศุภนาฏ) ช่างภาพมาดเท่และ พี เชฟยอดฝีมือ (นัน สุนันทา AF10) กับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่มีต่อ พิม และ ฟ้า (ปีเก้-พิมพกานต์ และ หงหยก-จันษกร AF10)ความรัก ความหลัง อดีต และ ปัจจุบัน พาทั้งสี่โคจรมาเจอกันอีกครั้ง ไวน์ที่ยังปักใจกับรุ่นน้องอย่างพิม แต่พิมนั้นกลับกำลังคบอยู่กับแฟนหนุ่ม พีที่อยากช่วยเพื่อนให้ตัดใจจากรักเก่า จึงวางแผนเป็นพ่อสื่อจับคู่ไวน์กับฟ้า เพื่อนสนิทของพิม แต่เมื่อฟ้ากลับหลงเสน่ห์ของพีแทน ความสับสนอลเวงจึงเกิดขึ้นสุดท้าย ชีวิตและหัวใจสี่ดวงจะลงเอยแบบไหน ความรักแท้จริงสัมผัสกันที่หัวใจ ใช่หรือไม่ พบคำตอบได้ 28 พฤกษาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
ความคิดเห็น (0)
28 พฤษภาคม 2558 11:58:00
รักเป็นสิ่งสวยงามครับ ^^
GUEST
kik
26 พฤษภาคม 2558 13:19:35
สำหรับทอมดี้แล้วอ่ะ..
ทุกคน อยากดูมาก
ตัวเราเอง คือ ตัวแทนของดี้ทุกคน
ภาคผ่านๆมาน้ำยังไหลเลย
ดูภาคนี้สิ.ให้ตายเถอะ..ใจจะละลาย
ทุกคน อยากดูมาก
ตัวเราเอง คือ ตัวแทนของดี้ทุกคน
ภาคผ่านๆมาน้ำยังไหลเลย
ดูภาคนี้สิ.ให้ตายเถอะ..ใจจะละลาย
Yes or No 2.5 กลับมาเพื่อรักเธอ (กิรติ นาคอินทนนท์ / Thailand / 2015)
เหมือนว่ากระแสหนังก่อนเข้าฉายจะไม่ได้เป็นที่พูดถึงมากเท่าภาคแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จทั้งรายได้ที่มีกำไรติดไม้ติดมือและมีเสียงชื่นชมในทางบวกสมน้ำสมเนื้อกับเนื้อหนังที่มีของดีให้ดูชมไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ถือได้ว่า Yes or No ภาคแรกนั้นอยู่ในกลุ่มหนังฉายโรงที่มีประเด็นเรื่องราวของเพศทางเลือกที่ดีในยุคหลังๆ นับตั้งแต่สยามประเทศมี ‘รักแห่งสยาม’ ของ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล และ 'It’s Get Better ไม่ได้ขอให้มารัก' ของ กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ สำหรับ Yes or No นอกจากจะเป็นกระแสในเมืองไทยแล้วยังดังไกลถึงต่างประเทศตามรอยรุ่นพี่นำร่องอย่าง รักแห่งสยาม ที่เคยไปโด่งดังในเมืองจีนแผ่นดินใหญ่มาแล้ว จนชื่อเสียงและฐานแฟนคลับคนดูนี่เองที่เป็นเหตุหนึ่งให้มีการสร้างภาคล่าสุดนี้ขึ้นมา ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถือว่า Yes or No เป็นหนังไทยเพศทางเลือกเรื่องแรกที่เข้าโรงให้ตีตั๋วเข้าชมกัน กลับมาอีกครั้งในสถานะหัวขบวนหนังเพศทางเลือกของปีนี้ ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังแว่วมาว่าจะมีหนังไทยในกลุ่มทางเลือกนี้ตามมาอีกแน่นอน แต่น่าเสียดายที่ Yes or No ปูทางไว้ได้ไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่
เสียดายที่หนังไม่ได้มีเสน่ห์ได้เทียบเท่าหรือแม้แต่ใกล้เคียงบรรทัดฐานเดียวกันกับภาคแรกที่ทำออกมาได้ดีทั้งในเรื่องราวความรักโรแมนติก และพัฒนาการของตัวละครที่มีเสน่ห์ดึงดูดโดยเฉพาะ ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง ที่สาดเสน่ห์ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากๆ ทั้งๆ ที่การแสดงของ ติ๊นา-ศุภนาฎ จิตตลีลา เล่นเป็นธรรมชาติยิ่งกว่า..ยิ่งกว่าท่อนไม้หรือโขดหิน และความน่าสนใจในความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงและเป็นไปอย่างน่าติดตาม ทั้งบทหนัง การกำกับ สำหรับมือใหม่แล้วมันไหลลื่นน่าชื่นชม แต่สำหรับภาคล่าสุดนี้พอมองหาเสน่ห์ในแบบเดียวกันกลับไม่มีแม้แต่น้อย ถึงแม้ ติ๊นา จะเล่นเป็นมนุษย์ได้ดีกว่าภาคแรกขึ้นมาบ้าง และยังมีนางเอกใหม่ ปีเก้-พิมพกานต์ บางชะวงษ์ รวมถึง นัน-สุนันทา ยูรนิยม และ หงหยก จินษกร กิตติวัฒนากร สองนักล่าฝันที่มาร่วมแจมในบทบาทสำคัญให้แฟนคลับบ้าน AF ได้มีลุ้นฟินตามๆ กันไป แต่สำหรับคนดูทั่วไปมันไม่ได้ช่วยให้หนังมีความน่าสนใจและดีขึ้นได้
จากหนังที่เคยเล่าความรักความหลากหลายทางเพศให้แตะได้ถึงแก่นอารมณ์กลับกลายเป็นหนังรักทั้วไป ที่หาได้จากหนังรักทุกเพศในทุกสมัย ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากความเป็นหนังเพศทางเลือกให้เกิดแง่มุมความหลากหลายที่น่าสนใจ มีแต่ความคลิเชซ้ำซากที่หาดูได้ตามจอทีวี อย่างความขัดแย้งกับครอบครัวที่มีมาประดับแต่หนังก็ไม่ได้ให้ความเอาใจใส่ในการโต้เถียงเพื่อขับเน้นประเด็นมากพอเพราะต้องเสียเวลาไปเล่าเรื่องรักเข้าใจผิดกันไปมาเซอร์วิสคอหนังรักโรแมนติกเท่านั้นเอง ซึ่งบทและวิธีการเล่าก็แข็งทื่อประชันกับความแข็งเป็นหินของนักแสดงบางคนบางช่วง
แต่ถึงอย่างนั้นในความเป็นหนังทุนน้อยที่งานสร้างไม่ได้เป็นตัวหลักๆ ที่นำพาให้หนังน่าติดตามบวกกับเรื่องราวที่จำเจง่ายๆ ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ ยังพอมองเห็นความตั้งใจที่จะทำให้หนังมันมีภาษานอกจากบทสนทนาที่เหมือนโควตมาจากสเตตัสในโลกออนไลน์อยู่หลายจุด ไม่ใช่คิดเรื่องมาแค่ต้น-กลาง-จบยัดคำพูดชวนเลี่ยนแถมยังไม่แนบเนียนแค่อย่างเดียว อย่างการเล่าอารมณ์ด้วยลูกโป่งสวรรค์ การใช้แหวนเป็นจุดเปลี่ยน มุกหมีแมสคอต She กับ He ในวิชาเรียน เป็นรายละเอียดที่ผ่านการคิดให้โรแมนติกน่ารักมาพอสมควร แต่เสียดายที่หลายมุกมันยังทื่อตรงเกินไปหน่อย แล้วพอรวมกับสถานการณ์แบบ เดินตากฝน-ป่วย-เป็นห่วงดูแล พักใจชายทะเล หนีงานหมั้น ที่ซ้ำซากสุดๆ ซึ่งก็ไม่ได้ขยายหรือดึงจุดน่าสนใจมาใช้ได้มากไปกว่านั้น และด่านสำคัญอย่าง เจอหน้าพ่อแม่แฟน-สารภาพ มันช่างผ่านพ้นไปง่ายดายเหลือเกิน จนกลายเป็นหนึ่งในหนังไทยแทบทั้งหมดในช่วงต้นปีนี้ที่มาแค่เพื่อผ่านไป...
สรุปผลวิจารณ์หนัง