Detective Conan The Movie 26: Black Iron Submarine - โคนัน 26: มฤตยูใต้น้ำทมิฬ
หนัง Detective Conan The Movie 26: Black Iron Submarine หรือชื่อไทยว่า โคนัน 26: มฤตยูใต้น้ำทมิฬ “ทุ่นแปซิฟิก” อาคารใต้ทะเลที่สร้างขึ้นในอ่าวของเกาะฮะจิโจของโตเกียวเพื่อเชื่อมต่อกล้องวงจรปิดของตำรวจทั่วโลก วิศวกรจากประเทศต่างๆ มารวมตัวกันที่นั่นด้วยจุดประสงค์ในการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กในความควบคุมของยูโรโพล(องค์กรตำรวจของยุโรป)เพื่อใช้งานจริง และที่นั่นยังดำเนินการทดสอบ “เทคโนโลยีใหม่” ซึ่งจะนำไปประยุกต์ใช้ในระบบยืนยันใบหน้าอีกด้วย อีกด้านหนึ่ง แก๊งนักสืบเยาวชนได้รับคำเชิญจากโซโนโกะให้มาดูปลาวาฬที่เกาะฮะจิโจ โคนันได้รับโทรศัพท์จากโอกิยะ ซุบารุ (อากาอิ ชูอิจิ) ว่ามีเจ้าหน้าที่ยูโรโพลถูกจินฆ่าตายที่เยอรมนี โคนันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีจึงลอบขึ้นเรือลาดตระเวนที่คุโรดะ เฮียวเอย์ และผู้เกี่ยวข้องกับกรมตำรวจโดยสารอยู่มุ่งหน้าไปยังหน่วยรักษาความปลอดภัย “ทุ่นแปซิฟิก” แล้วลอบเข้าไปในตัวอาคาร และแล้วก็เกิดคดีวิศวกรสาวคนหนึ่งถูกองค์กรชายชุดดำลักพาตัวในอาคารที่กำลังเตรียมการใช้งานระบบจริง! ยิ่งไปกว่านั้น USB ของเธอซึ่งบันทึกข้อมูลบางอย่างยังตกอยู่ในเงื้อมมือขององค์กร... เสียงใบพัดเรือที่ดังชวนขนลุกในท้องทะเล และแล้ว เงามืดก็แอบเข้ามาหาไฮบาระที่พักแรมอยู่ที่เกาะฮะจิโจ…
[รีวิว] DETECTIVE CONAN THE MOVIE 26: BLACK IRON SUBMARINE
ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี่ลำดับที่ 26: มฤตยูใต้น้ำทมิฬ
--- 6.5/10 ---
โดดเด่นด้านความสัมพันธ์ของโคนันและไฮบาระ
แต่จุดอื่นยังเบาอย่างน่าเสียดาย
ถ้าไม่ใช่แฟน อาจจะไม่เอ็นจอยกับมันเท่าไหร่
เดินทางมาถึงภาคที่ 26 แล้ว กับโคนันฉบับ The Movie ที่ภาคก่อนอย่างเจ้าสาวฮาโลวีนได้สร้างความประทับใจอย่างไม่ธรรมดาให้กับเรา พอมาในภาคนี้ก็เลยคาดหวังว่ามันจะยกระดับเรื่องราวให้น่าดูชมขึ้นไปอีก แต่หลังจากดูจบก็ค่อนข้างผิดหวัง เพราะมันไม่สนุกอย่างที่คิด
โคนันในภาคนี้จะเล่าถึง แปซิฟิก-บูย อาคารใต้ทะเลที่สร้างขึ้นมาเพื่อเชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดทั่วโลก เพื่อให้ทางองค์กรตำรวจของยุโรปใช้งานเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยมีเทคโนโลยีใหม่ที่จดจำใบหน้าจากทุกช่วงอายุ แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อองค์กรชุดดำเข้ามามีเอี่ยว และมีเป้าหมายอยู่ที่ "ไฮบาระ ไอ"
จุดชูโรงหรือจุดเด่นของภาคนี้คือการเผยและบอกเล่าความสัมพันธ์ระหว่างโคนันและไฮบาระ ที่ค่อนข้างจะโรแมนติก มีฉากเซอร์วิชให้จิ้นให้ฟินกันไม่น้อยเลย ใครที่ชิปคู่นี้ก็น่าจะอมยิ้มเขินกันบ้างแหละ
และแน่นอนว่าในแง่ความเป็นโคนันมันก็มีครบ ทั้งการสืบคดี โคโกโร่นิทรา แก๊งเด็ก ๆ ลูกเตะโคนัน สเก็ตบอร์ด คือถึงมันมีครบก็จริง แต่มันไม่ค่อยสนุก ไม่ยิ่งใหญ่สมกับความเป็น The Movie สักเท่าไหร่ ยิ่งเมื่อเทียบกับภาคที่แล้ว ความสนุก ความตื่นเต้น ความลุ้น ความเอาใจช่วยมันต่างกันลิบลับเลย ในภาคนี้อะไรหลายอย่างมันดูคลี่คลายง่ายเกินไป ทั้งตัวคดีและบทสรุปของเรื่องราว ข้อดีเพียงไม่กี่อย่างนอกจากประเด็นความสัมพันธ์ของ โคนันกับไฮบาระ ก็คงจะเป็นการได้เห็นบทบาทของเหล่าองค์กรชุดดำมากขึ้น และสิ่งที่น่าสนใจคือเรื่องราวปริศนาที่มันทิ้งไว้ในภาคนี้นี่แหละ
งานด้านภาพยังคงทำได้ดี ลายเส้นสวย คม งดงาม และพัฒนาขึ้น การเล่นแสง สี หรือฉากต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้ดี ทางด้านเสียงถึงแม้จะมีขัดนิดนึงกับบางช่วงบางตอนของบางตัวละคร แต่พวกเสียง sfx ดนตรีประกอบทำออกมาได้ดีเลย ยิ่งเพลงธีมในช่วงท้ายก็บิ้วอารมณ์ได้ดีใช่เล่น
สรุปแล้ว โดยส่วนตัวสำหรับเราว่ามันยังเบาไปเสียหน่อยในหลาย ๆ ด้าน ที่โดดเด่นจริง ๆ คือความสัมพันธ์ของโคนันกับไฮบาระนั่นแหละ นอกเหนือจากนั้นคือเบามาก มันไม่ได้สนุกชวนลุ้นเหมือนภาคก่อน ความรู้สึกโดยรวมมันเหมือนเป็นภาคคั่นเพื่อนำไปสู่อะไรบางอย่างที่มันยิ่งใหญ่กว่า แต่สำหรับแฟน ๆ ก็ต้องแนะนำว่าไม่ควรพลาดแหละ
สรุปผลวิจารณ์หนัง