0 Scream+VI+-+%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%94+6

Scream VI - หวีดสุดขีด 6

เข้าฉาย 9 มีนาคม 2566
ผู้ชม : 8,515
ผู้กำกับ : Matt Bettinelli-Olpin, Tyler Gillett
ความยาวหนัง : 125.00
Text Size

หนัง Scream 6 หรือชื่อไทยว่า หวีดสุดขีด 6 ผู้รอดชีวิตจากการสังหารโหดของโกสต์เฟสทิ้ง Woodsboro ไว้เบื้องหลัง เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ใน New York City


In the next installment, the four survivors of the Ghostface killings leave Woodsboro behind and start a fresh chapter in New York City.

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

11 มีนาคม 2566 03:14:06

[รีวิว] SCREAM VI - หวีดสุดขีด 6
--- 7.8/10 ---
ยังคงเป็นภาคต่อแฟรนไชส์ที่สนุก เปิดพื้นที่ให้เล่าต่อได้ดี
ครึ่งแรกสนุกมาก ไล่ฆ่า ไล่เชือด โหด เดาตัวฆาตกรยาก
ถึงแม้หนังพยายามแหกกฏ แต่ก็ยังเพลเซฟเกินไป
ในภาพรวมชอบภาค 5 มากกว่า

ผ่านพ้นไปประมาณปีกว่า ๆ เท่านั้น นับตั้งแต่ภาคต่อ Scream เข้าฉายในปี 2022 มันก็ได้มีภาคต่ออย่างรวดเร็วกับ Scream VI - หวีดสุดขีด 6 ที่ยังคงเป็นผลงานการกำกับของ Matt Bettinelli-Olpin และ Tyler Gillett เล่าเรื่องราวต่อจากภาคเก่าเลย ที่ในคราวนี้กลุ่มตัวเอกได้ย้ายมาอยู่ New York แต่ก็ยังต้องเผชิญหน้ากับการมาปรากฏตัวของ Ghostface ที่หมายไล่ล่าเอาชีวิตอีกครั้ง

การที่จะดูหนังภาคนี้ให้สนุก มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องดูภาค 1-5 มาก่อน ด้วยประการทั้งปวง ไม่งั้นจะมีจังหวะงงแน่นอน เพราะในภาคนี้มีการพูดถึงตัวละครเก่าเยอะเลยทีเดียว การที่ไปตามเก็บเรื่องราวภาคที่ผ่านมาจะทำให้เข้าใจเนื้อหาตัวละครที่หนังภาคนี้กล่าวถึงมากขึ้นและเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น

เนื่องด้วยมันเป็นภาคที่ 6 แล้ว ในภาคนี้ตัวหนังก็พยายามแหกกฏความเป็นหนังเชือดภาคต่อ ด้วยการขยับเป็นแฟรนไชส์ที่เป็น Requel คิดวิธีการเล่าให้มันแตกต่างออกไป ที่สำคัญคือในภาคนี้ไม่มีการปรากฏตัวของตัวละคร Sidney Prescott ด้วยความขัดแย้งปัญหาด้านค่าตัวของนักแสดงอย่าง Neve Campbell มันก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย คือในด้านข้อดีหนังจะได้ move on จากตัวละครนี้สักที ซึ่งจริง ๆ แอบเชียร์ให้ตายไปเลยในภาค 5 เหมือนอย่าง Dewy ส่วนในด้านข้อเสียคือมันตัดบทตัวละครนี้ดื้อ ๆ จนทำให้มุมมองต่อตัวละครนี้เปลี่ยนไป 

ด้านนักแสดงหลังจากที่ไม่มี Neve Campbell ก็หยิบยกตัวละครใหม่จากภาคที่แล้วมาเล่าต่อ อย่าง Melissa Barrera ในบท Sam Carpenter ที่ก็รับผิดชอบบทบาทของตัวเองได้ดี เป็นตัวนำที่ดูไม่เหมือนเป็นเหยื่อ ดูมีความโหด ส่วนที่น่าชื่นชมไม่แพ้กันคือการแสดงของน้อง Jenna Ortega ในบท Tara Carpenter เราเห็นการแสดงของเธอมาแล้วใน Wednesday ในเรื่องนี้ก็เป็นการการันตีอีกว่าเธอแสดงทางสีหน้าได้เก่งจริง ๆ คือไม่มีบทพูดเราก็สามารถรู้ได้เลยว่าเธอคิดอะไรอยู่ผ่านสีหน้าของเธอ ส่วนตัวละครอื่น ๆ ก็มาช่วยกันเติมเต็มเรื่องราว สร้างความสงสัย ไม่น่าไว้วางใจได้ดีเลยทีเดียว

จริง ๆ แล้วแฟรนไชส์ Scream เปิดเรื่องได้ดีทุกภาคเลยนะ และในภาคนี้ก็ทำดีขึ้นไปอีก คือหากใครเคยดูก็พอจะเดาได้แหละว่ามันเกิดอะไรขึ้น เดาได้แบบเปิดมาฉากแรกปุ๊บรู้เลย แต่หนังมันเหนือไปกว่านั้น! ซึ่งครึ่งแรกของหนังสนุกมากจริง ๆ ทั้งการไล่ล่าของ Ghostface ที่พร้อมจะไล่ล่าไล่ฆ่าได้ทุกเมื่อ นี่คือหนัง slasher ที่มีฉากไล่ล่าฆ่าอย่างสะใจ โหด เหี้ยม เช่นเดิม และยังคงเสน่ห์ในแนวทางของตัวเอง มีความเป็น Whodunit เดาตัวฆาตกรของแฟรนไชส์ตัวเองไว้อย่างชัดเจน ยังคงเล่นประเด็นให้คนดูเดาทางตัวฆาตกรจริงได้ไม่ง่ายเช่นเดิม

แต่ถึงมันจะพยายามแหกกฏยังไง ในครึ่งหลังเหมือนตัวหนังจะเพลเซฟไปสักหน่อย ยังไม่กล้าเล่นให้สุดกว่านี้ ทั้งการเล่าเรื่อง วิธีการเล่า มันก็มีความเป็นหนังตามสูตรตัวเองอยู่เหมือนกัน คือมันให้ความรู้สึกเหมือนดูภาคเก่า ๆ มันแบบคือมันก็เป็นมุก เป็นเสน่ห์ที่ควรจะมีแหละองค์ประกอบบางอย่างที่ภาคเก่ามี แต่คือจุดเฉลยมันก็ไม่ได้ว้าวหรือเหนือความคาดหมายขนาดนั้น มันกลายเป็นเรื่องราวที่เหมือนจับโยน ๆ มาให้คนดูคล้อยตามท่านั้น เหมือนอย่างที่ภาคต่อ Scream เป็นมาตลอด แต่ก็น่าชื่นชมที่มันยังคงเสน่ห์แฟรนไชส์เอาไว้โดยไม่ออกทะเลจนกู่ไม่กลับ

คือตัวหนังมีความพยายามก้าวไปข้างหน้า เปิดพื้นที่อะไรใหม่ ๆ แต่มันก็ยังมีความไม่ก้าวไปไหนนอกจากใหม่แค่ตัวละครอยู่เหมือนกัน คือถ้ามันเป็นภาค 5 หลังจากกลับมาก็โอเค แต่พอนี่ภาค 6 แล้ว มันควรจะใหม่ แหกกฏ หักมุม อะไรได้มากกว่านี้ คือมันก็ยากแหละผ่านมาแล้ว 5 ภาค เฉลยตัวฆาตกรไปแล้ว 9 คนใช้ไปหลากหลายวิธี แต่มันก็ยังปูเรื่องราวของตัวละครเอกได้อย่างน่าสนใจว่าในอนาคตตัวละครนี้จะดำเนินเรื่องต่อไปอย่างไร

สรุปแล้ว Scream VI - หวีดสุดขีด 6 ยังคงเป็นภาคต่อแฟรนไชส์ที่เล่าเรื่องสนุก น่าติดตาม ยังคงเสน่ห์ความเป็น Scream ไว้อย่างครบถ้วน ภาคนี้ยังไล่เชือดได้เพลิน โหดอยู่เช่นเดิม คาแรคเตอร์ Ghostface ก็ยังคงคอนเซ็ปท์ตัวละครไว้อย่างดี ตัวหนังถึงแม้จะมีการพยายามแหกกฏทำอะไรใหม่ ๆ แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะชวนให้ว้าวขนาดนั้น แต่แน่นอนว่าถ้าเป็นแฟนของแฟรนไชส์นี้ก็จะยังคงได้ยิ้ม ได้เฮอย่างแน่นอน และมันก็ยังคงเปิดพื้นที่ให้มีภาคต่อได้อย่างดี วางเรื่องราวของตัวละครไว้ได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งมันก็ยังคงทำให้เราอยากตามภาคต่อไปเหมือนกันว่าจะมาในทิศทางไหน  

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
7.5
การดำเนินเรื่อง
7.5
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
7.8
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)

หนังภาพยนตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง