Puss in Boots 2: The Last Wish - พุซ อิน บู๊ทส์ 2
เข้าฉาย 29 ธันวาคม 2565
ผู้ชม : 24,816
ผู้กำกับ
: Joel Crawford, Januel Mercado
ความยาวหนัง
: 105.00
Text Size
หนัง Puss in Boots 2: The Last Wish หรือชื่อไทยว่า พุซ อิน บู๊ทส์ 2 การกลับมาอีกครั้งของแมวผู้กล้า Puss In Boots ที่ในคราวนี้เขาได้ใช้ชีวิตไปแล้ว 8 จาก 9 ชีวิต ครั้งนี้เขาต้องออกเดินทางครั้งยิ่งใหญ่เพื่อค้นหาดาวอำนวยพรที่จะทำให้ความปราถนาเป็นจริงในตำนานและนำชีวิตทั้ง 9 ของเขากลับคืนมา
Puss in Boots discovers that his passion for adventure has taken its toll: he has burned through eight of his nine lives. Puss sets out on an epic journey to find the mythical Last Wish and restore his nine lives.
[รีวิว] PUSS IN BOOTS: THE LAST WISH
--- 6.6/10 ---
การกลับมาที่เติบโตขึ้น แต่ยังคงเพลิดเพลินได้ทุกเพศทุกวัย
งานภาพอนิเมชันที่แตกต่างแต่งดงาม
แต่เนื้อเรื่องยังเรียบง่าย ธรรมดา เดาทางไม่ยาก
Puss in Boots เป็นหนึ่งในตัวละครจากแฟรนไชส์ Shrek ที่ได้รับความนิยมจนมีภาคแยกออกมาในปี 2011 จนกระทั่งผ่านมา 11 ปี ถึงคลอดภาคต่อภาคแยกออกมากับ Puss in Boots: The Last Wish ที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Puss in Boots แต่เพิ่มเติมด้วยเนื้อหาที่เติบโตขึ้น บวกกับงานภาพที่แตกต่างจากเดิม แต่ดูสวยงามและเพลินตาใช่เล่น ซึ่งจริง ๆ เราเฉย ๆ กับแฟรนไชส์ Shrek เรียกได้ว่าไม่ชอบเลยแหละ แต่สิ่งเดียวที่เราชอบจากแฟรนไชส์นี้คือตัวละครอย่าง Puss in Boots เนี่ยแหละ ด้วยคาแรคเตอร์
ภาคนี้เลือกหยิบเอาความเป็น "แมว 9 ชีวิต" มาเล่นกับตัวละคร Puss in Boots ที่ใช้ชีวิตอย่างไม่กลัวตายมาตลอด แต่คราวนี้เขาเหลือแค่ชีวิตเดียว ทำให้เขาต้องออกเดินทางตามหาดาวอำนวยพร เพื่อขอชีวิตของเขากลับมา
การเล่าเรื่องยังคงเสน่ห์ของ Puss in Boots แต่เพิ่มสีสันด้วยตัวละครอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ทั้งตัวละครหมาน้อย หรือตัวละครหมาป่าสุดเท่ คือตัวละครมันสร้างสีสันให้เรื่องได้ดีเลย ตัวเนื้อเรื่องมีการเติบโตขึ้น มีประเด็นที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น (แอบน่าหดหู่ในบางช่วงกับเรื่องราวของบางตัวละคร) แต่ก็ยังสามารถดูได้ทุกเพศทุกวัย ยังคงดำเนินเรื่องแบบเรียบง่ายเข้าใจไม่ยาก เดาทางง่าย สอดแทรกมุกตลกรายทาง และข้อคิด ที่ทั้งหมดก็จัดอยู่ในเนื้อหาที่ธรรมดาดูได้เพลิน ๆ ไม่ได้ชวนว้าวอะไร แถมเรื่องราวมันยังมีอะไรเยอะเกินไป หลายจุดก็เร่งเกินไปโดยเฉพาะช่วงท้าย
แต่สิ่งที่ชอบที่สุดในเรื่องนี้ต้องยกให้งานภาพ ถึงแม้มันอาจจะไม่ได้สมจริงเหมือนอย่าง Toy Story อะไรแบบนั้น แต่มันก็มีความสวยในแบบของมัน ในภาคนี้ภาพยังคงเป็นอนิเมชัน แต่ผสมผสานความเป็นคอมิกส์ มันจะมีความรู้สึกคล้าย ๆ กับหนังอนิเมชันอย่าง Spider-Man: Into the Spider-Verse ฉากแอ็คชันจะดูมีลูกเล่น ทำได้ดีเลย มีเส้นแบบคอมิกส์ มุมภาพตอนต่อสู้นี่เพลินมาก และฉากตอนท้าย ๆ นี่สีสันจัดจ้านเพลิดเพลินสุด ๆ และงาน CG กับงานปั้นโมเดลก็ทำได้ดีตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น
งานพากย์ก็ยังทำได้ดีเช่นเดิมแบบยกทีม Antonio Banderas ก็ยังไว้ลาย Puss in Boots ได้อย่างครบถ้วน Harvey Guillen ก็ให้เสียงพากย์ Perrito ได้อย่างน่าชื่นชม หรือ Wagner Moura ก็ให้เสียงพากย์หมาป่าได้อย่างโคตรเท่ รวมถึงตัวละครอื่น ๆ ก็ทำได้ดีไม่แพ้กันเลย
สรุปแล้ว Puss in Boots: The Last Wish เป็นอนิเมชันทุกเพศทุกวัยที่ดูได้เพลิน (แต่เนื้อหาบางส่วนโคตรดาร์ค) เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน เดาทางง่าย ไม่ได้มีอะไรหวือหวา แต่งานภาพสีสันการเคลื่อนไหวเพลิดเพลินตามากโดยเฉพาะพวกฉากแอ็คชันนี่ทำได้ดีเลย วันหยุดไม่รู้จะดูอะไรก็เข้าไปดูเพลิน ๆ ได้เหมือนกัน
สรุปผลวิจารณ์หนัง