ไลโอโคตรแย้ยักษ์ - Leio
เข้าฉาย 28 กรกฎาคม 2565
ผู้ชม : 14,413
ผู้กำกับ
: ชาลิต ไกรเลิศมงคล, ชิตพล เรืองกัลป์
ความยาวหนัง
: 110.00
Text Size
หนัง Leio หรือชื่อไทยว่า ไลโอโคตรแย้ยักษ์ เรื่องราวที่เกิดขึ้น ณ ดินแดนสุดแห้งแล้งแถบภาคอีสานในจังหวัดเลยประสบปัญหากับภัยแล้งเป็นประจำทุกปี จึงเกิดกลุ่มคนที่แย่งชิงการขุดเจาะหาแหล่งน้ำบาดาลเกิดขึ้น กลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์จากการขุดเจาะน้ำบาดาลที่จะสร้างรายได้ให้พวกเขาอย่างมหาศาล เพียงเพราะต้องการหาแหล่งน้ำบาดาลพวกเขาจึงต้องตระเวน เจาะ ขุด หาแหล่งน้ำให้ลึกลงไปถึงชั้นใต้ดิน แต่ใครจะรู้เลยว่าการขุดเจาะในครั้งนี้จะเปลี่ยนจากดินแดนสวรรค์ให้กลับกลายเป็นนรกในทันที เมื่อสัตว์ประหลาดร้ายสายพันธุ์ดึกดำบรรพ์ตื่นจากการจำศีลเพราะการถูกปลุกจากพวกเขานั่นเอง สัตว์นักล่าสายพันธุ์ใหม่ขนาดมหึมาที่ล่าใครแล้วโอกาสรอดยาก พวกเขาต้องหาทางรับมือกับมันอย่างไม่มีทางเลือก ทางเดียวที่จะรอดคือต้องสู้! เตรียมตัวพบกับความระทึกอุบัติใหม่จากใต้ดิน! 28 กรกฎาคมนี้
[รีวิว] ไลโอโคตรแย้ยักษ์ - LEIO
--- 2.3/10 ---
"จบยังเนี่ย ไม่ไหวแล้วโว้ย" คำพูดตัวละครแทนใจ
หนังมีความพยายาม ความทะเยอทะยาน ไม่ติดเรื่อง CG
แต่บทพังพินาศมาก ๆ
ไม่รู้หนังจงใจให้ตลกมั้ย แต่ดูแล้วขำมากหลายฉากเลย
นับว่าเป็นหนังที่มีแนวคิด และไอเดียที่น่าสนใจมาก เป็นหนังไทยที่เลือกที่จะแตกต่าง หยิบยกสัตว์ประหลาดเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราว ซึ่งหนังแนวนี้ในไทยที่เรานึกออกและค่อนข้างโอเคครั้งสุดท้ายที่เคยดูคือ ปักษาวายุ ที่จำได้ว่าตอนดูก็เอ็นจอยและสนุกกับมันอยู่นะ พอมาเรื่องนี้เลยมีความคาดหวังพอสมควร
ไลโอโคตรแย้ยักษ์ - Leio เป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มคนที่จะมาแข่งขันกันขุดเจาะหาน้ำบาดาล แต่มันเป็นการไปปลุกแย้ยักษ์ที่หลับไหลอยู่ใต้ดินให้ออกมาอาละวาด
จริง ๆ เราไม่ได้ติดเรื่อง CG เลยว่ามันจะเนียน สมจริงหรือไม่ เพราะหนังสัตว์ประหลาดหลายเรื่อง CG ไม่ได้เนียนไม่ได้สมจริง ก็สนุกกับมันได้ เช่น แฟรนไชส์ Sharknardo เป็นต้น ซึ่งเอาจริง ๆ CG ในไลโอโคตรแย้ยักษ์ก็ไม่ได้น่าเกลียดเลยนะ เห็นความตั้งใจและความพยายามเลยแหละ การเคลื่อนไหวต่าง ๆ ทำได้ดีซะด้วย ปฏิสัมพันธ์แบบถึงเนื้อถึงตัวของนักแสดงกับสัตว์ประหลาดก็ทำได้ดี ดีเทลตัวสัตว์ประหลาดก็ละเอียด แต่หลายฉากก็ลอยด้วยแสงและเงาต่าง ๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่ก็อย่างที่บอกว่ามันไม่ใช่ปัญหา เราไม่ได้ติดเรื่องนี้เลย ปัญหาจริง ๆ มันอยู่ที่บทต่างหาก เพราะมันพังมากจริง ๆ
บทพูดนี่พังพินาศมาก การต่อบทกันของตัวละครที่ไร้มิติ ไร้ชั้นเชิง แข็งทื่อ ยิ่งผสมผสานกับการแสดงแบบแข็ง ๆ ต่าง ๆ มันยิ่งทำให้เหมือนเรานั่งดูตัวละครยืนอ่านหนังสือท่องบทที่มันไม่เข้าปาก ไม่สมเหตุสมผลแบบสุด ๆ ยิ่งบทคู่พระนางนะ ไล่ไปตั้งแต่เรื่องราวเบื้องหลังตัวละครของพระเอกที่ปูมาทำไมก็ไม่รู้ เป็นนักร้องเหมือนจะตกงาน ทะเลาะกับผู้จัดการ โดนยัดยา ไม่ได้ส่งผลต่อเรื่องราวอะไรเท่าไหร่เลย ส่วนตัวนางเอกที่บอกว่าเป็น Youtuber แต่ไม่มีทีมงาน ไม่มีตากล้อง ไม่มีอะไรบ่งบอกความเป็นแบบนั้นเลยสักนิด ไม่มีความจำเป็นต้องให้เป็น Youtuber ก็ได้ด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์ตลอดทั้งเรื่องของพระ-นางนี่โคตรเชยเลย มีหลายซีนที่เกิดคำถามว่า มีทำไม? มีเพื่ออะไร? แถมตัวนางเอกชอบหนังดึงดราม่าไร้สาระในหลายจุดมากแบบไม่มีเหตุไม่มีผล เอะอะก็จะดราม่า ตัดพ้อบลา ๆ ส่วนพระเอกนี่ไม่รู้ตัวหนังมันตั้งใจทำให้ขำหรือเปล่า เป็นแบบทีเล่นทีจริงหรือเปล่า แต่หลุดขำหลายฉากมาก โดยเฉพาะฉากปลุกใจก่อนปราบสัตว์ประหลาดช่วงท้ายนี่ขำมาก ขำแบบอย่างนี้ก็ได้หรอวะ ยิ่งฉากแบบนึกถึงคำสอนปู่นี่ยิ่งโคตรฮา "ปู่ผมเคยบอกเอาไว้ว่า..." ฮาแบบลั่นอะ มันไม่ได้มีความอิน ซึ้ง ทรงพลัง ขนลุก แต่มันเป็นฉากที่โคตรตลกเลย
หนังไม่มีน้ำหนักให้ตัวสัตว์ประหลาดแย้ยักษ์เลยสักนิด ที่มาที่ไป เหตุและผลในการจับหรือเลือกรับประทานมนุษย์ แถมมันก็ไม่ได้รู้สึกน่ากลัวหรือน่าเกรงขามแบบที่หนังสัตว์ประหลาดควรจะเป็นเลยแม้แต่น้อย ความลุ้น ความระทึกจากตัวสัตว์ประหลาดนี้เรียกได้ว่าแทบจะเป็น 0 เลยทีเดียว
มันมีฉากนึงที่ตัวพระเอกพูดประมาณว่า "จบยังเนี่ย ไม่ไหวแล้วโว้ย" อยากจะลุกปรบมือให้จริง ๆ เพราะมันคือประโยคแทนใจเราหมดทุกอย่างแล้ว
สรุปผลวิจารณ์หนัง