0 Nope+-+%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88

Nope - ไม่

เข้าฉาย 18 สิงหาคม 2565
ผู้ชม : 12,600
ผู้กำกับ : Jordan Peele
ความยาวหนัง : 135.00
Text Size

หนัง Nope หรือชื่อไทยว่า ไม่ Nope ผลงานล่าสุดที่เขียนบทและกำกับโดยจอร์แดน พีล นำแสดงโดย แดเนียล คาลูยา พบกัน 21 กรกฎาคม ในโรงภาพยนตร์ ประเภท ระทึกขวัญ, อีพิค นักแสดง แดเนียล คาลูยา, กีกี พาล์มเมอร์, สตีเวน ยอน, ไมเคิล วินค็อตต์, แบรนดอน เพเรีย เขียนบทและกำกับโดย จอร์แดน พีล ผู้อำนวยการสร้าง เอียน คูเปอร์, จอร์แดน พีล จอร์แดน พีล เจ้าของรางวัลออสการ์ พลิกโฉมและให้คำจำกัดความนิยามความสยองขวัญสมัยใหม่ด้วย Get Out และ Us ตอนนี้ เขาจินตนาการถึงภาพยนตร์ช่วงซัมเมอร์อีกครั้งด้วย Nope ภาพยนตร์อีพิคสยองขวัญที่จะเป็นฝันร้ายสุดป็อปครั้งใหม่ การกลับมารวมตัวกันของจอร์แดน พีล และนักแสดงผู้ชนะรางวัลออสการ์ แดเนียล คาลูยา (Get Out, Judas and the Black Messiah ร่วมด้วย กีกี พาล์มเมอร์ (Hustlers, Alice) และผู้ได้รับเสนอชื่อรางวัลออสการ์ สตีเวน ยอน (Minari, Okja) ในฐานะผู้อาศัยในหุบเขาลึกอันโดดเดี่ยวของแคลิฟอร์เนีย ซึ่งร่วมเป็นพยานในการค้นพบที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัว Nope ร่วมแสดงโดย ไมเคิล วินค็อตต์ (Hitchcock, Westworld) และ แบรนดอน เพเรีย(The OA, American Insurrection) เขียนบทและกำกับโดย จอร์แดน พีล อำนวยการสร้าง เอียน คูเปอร์ และ จอร์แดน พีล จาก มังกี้พอว์ โปรดักชั่นส์ ภาพยนตรจัดจำหน่ายโดยยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส


The residents of a lonely gulch in inland California bear witness to an uncanny and chilling discovery.

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

19 สิงหาคม 2565 13:37:25

[รีวิว] NOPE - ไม่
--- ?/10 ---
หนังสยองขวัญ ระทึกขวัญที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่แต่ยังคงสไตล์ Jordan Peele
ดูจบตามเนื้อหนังก็ดีหรือหยิบมาคิดต่อก็เพลินเช่นกัน

หากใครเคยติดตามผลงานของผู้กำกับ Jordan Peele มาก่อนหน้านี้ คงจะคุ้นชินแนวทางการทำหนังของเขาแล้ว กับหนังสยองขวัญระทึกขวัญ ที่เกี่ยวข้องกับคนดำและจิกกัดนู่นนี่นั่นทั้งการจิกกัดเรื่องสีผิวใน Get Out (2017) หรือเรื่องชนชั้นใน Us (2019) และหากใครรู้แนวทางของผู้กำกับคนนี้แล้ว จะดูหนังเรื่องนี้สนุกขึ้นอีกระดับนึง

Nope ว่าด้วยเรื่องราวของ OJ ผู้ฝึกสอนม้าที่เป็นลูกชายของผู้ฝึกม้าที่ไปใช้ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ Hollywood เมื่อพ่อของเขาเสียชีวิต เขาจึงต้องมารับช่วงต่อร่วมกับน้องสาวอย่าง Emerald ดำเนินกิจการนี้ต่อไปเพื่อหาเงินมาเลี้ยงปากท้อง แต่แล้ววันหนึ่งพวกเขาก็เจอกับเรื่องราวสุดประหลาดกับบางสิ่งปริศนาบนฟากฟ้า แต่แทนที่จะหนีเอาชีวิตรอด OJ และ Emerald กับเห็นโอกาสว่าพวกเขาต้องเก็บภาพสิ่งนี้ได้หมายไปขายและทำเงิน!

พล็อตบ้าบอคอแตกไม่ใช่เล่น แต่มันไม่น่าแปลกใจอะไรเมื่อเป็นผลงานจาก Jordan Peele อย่างที่บอกไว้ย่อหน้าแรกว่าหนังของเขามักจะเกี่ยวกับคนดำและจิกกัด และเรื่องนี้ก็เป็นเช่นนั้น คือตัวหนังเราสามารถดูเอาเพลินตามเรื่องราวที่หนังบอกเล่าเลยก็ได้จบแล้วจบกัน หรือจะหยิบยกประเด็นที่ผู้กำกับแอบแฝงเอาไว้มาพูดคุยต่อไปก็สนุกไม่แพ้กัน เอาจริง ๆ เราก็ไม่อาจรู้ความตั้งใจอันถ่องแท้ของผู้กำกับว่าเราเข้าใจทั้งหมดที่เขาต้องการจะสื่อถูกหรือไม่ คือมันก็ไม่ได้ดูง่ายแบบจ๋า ๆ แต่มันก็ไม่ได้ดูยากขนาดนั้น ต่อให้ไม่ได้ตีความมันก็จะมีความเอ๊ะ ว่าจุดนี้มันจะสื่อไรมั้ยน้าาาทำนองนั้น เพราะเราเชื่อว่าทุกอย่างทุกบทพูดที่ใส่มาในหนังมันมีความหมายทั้งสิ้น หรือจริง ๆ แล้วแค่ได้แรงบันดาลใจมาจากนั่นมาจากนี่เลยหยิบมาแปะมาใส่รวม ๆ กันนะ

เราจะมาขอว่าด้วยสิ่งที่เราเห็นกันชัด ๆ ก่อน ช่วงครึ่งเรื่องแรกบรรยากาศหนังจะมึด ๆ เหตุการณ์ส่วนมากจะเกิดขึ้นตอนกลางคืน เราจะไม่เห็นเลยว่าสิ่งที่ตัวละครต้องเจอคืออะไร ความเจ๋งมันคือตรงนี้ เพราะด้วยความที่เราไม่รู้นี่แหละ มันเลยสร้างความกลัวให้เราได้เป็นอย่างดี มันเปิดช่องให้เราได้จินตนาการว่าเห้ยมันคืออะไรวะ ผสมผสานด้วยงานเสียงที่น่ากลัวจริง ๆ ทั้งเสียงกรีดร้อง เสียงจากสิ่งที่ตัวละครเจอ หรือเสียงต่าง ๆ ในเรื่องนี้มันสร้างความหวาดผวาให้เราได้ดีมากจริง ๆ แค่ได้ยินแต่เสียงก็กลัวแล้ว ในหัวเราก็จะคิดละว่าพวกเขากรีดร้องอะไรกัน ต้องเจอกับอะไรบ้าง และย้ำอีกครั้งว่าจินตนาการของเขานี่แหละน่ากลัวจริง ๆ

แต่พอมาครึ่งเรื่องหลังพอตัวหนังเริ่มเฉลย ภาพกลางคืนส่วนมากก็กลายเป็นกลางวันแสก ๆ เลย แบบให้เห็นกันจะ ๆ สเกลใหญ่ เซอร์ไพรส์ ไซไฟแบบจัดเต็มสุด ๆ นี่เป็นหนังสยองขวัญเรื่องแรกในประวัติศาสตร์วงการหนังที่ถ่ายทำด้วยกล้อง IMAX เพื่อให้เห็นภาพทิวทัศน์ ภูเขา ต้นไม้ ใบใหญ่อย่างกว้างขวาง และมันเหมาะกับสเกลที่ใหญ่มาก ๆ ที่มีพื้นที่ได้ใส่ CGI เข้ามาได้อย่างเต็มที่ และถ้าใครได้ดูช่วงท้ายจะเข้าใจเลยว่าสเกลมันใหญ่จริง ๆ เซอร์ไพรส์มาก ให้ความรู้สึกแบบ อะไรวะเนี่ยยยยยย มันหักอารมณ์ หักความรู้สึก แบบไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไงเลย จินตนาการของ Jordan Peele นี่สุดจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เขาก็นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าใครจะทำหนังแบบนี้ได้กันนะ ถึงแม้เราจะเห็นท้องฟ้าอันสดใสสว่างไสวแต่ระหว่างดูหนังไม่รู้สึกปลอดภัยเลยสักนิด คอยระแวงว่ามันจะมีอะไรบางอย่างที่จ้องจะเล่นคุณอยู่บนฟากฟ้า

มาทางด้านการตีความกันบ้าง มาที่ชื่อเรื่องก่อนเลย NOPE อาจจะเป็นการพูดถึงพล็อตเรื่องโดยรวม ที่เคยมีเหล่าแฟน ๆ ได้วิเคราะห์กันตั้งแต่ปล่อยตัวอย่างในงาน Super Bowl LVI ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเอเลี่ยน เพราะมันอาจย่อมาจาก 'N'ot - 'O'f - 'P'lanet - 'E'arth หรือจากการที่ได้ดูหนังแล้วมันก็อาจจะเป็นการจิกกัดพวกหนังสยองขวัญคนขาวอื่น ๆ ที่ชอบทำอะไรโง่ ๆ ในหนัง เช่น เดินไปตามหาเสียงประหลาด สงสัยทุกอย่าง แต่เรื่องนี้คือตัวเอกจะ ไม่อะ กูไม่ทำ ไม่ดีกว่า กูไม่ไป กูอยู่ในบ้าน กูไม่ออกจากรถ กูไม่เผชิญหน้า อะไรทำนองนั้น แต่ก็ยังแอบจิกกัดตัวคนดำเองอีกว่าเออกูยอมเสี่ยงเพราะกูอยากได้เงินเว้ย โดนกดขี่มาตลอดทั้งชีวิต กูจะสร้างชื่อให้ตัวเองบ้างอะไรทำนองนั้น ปล่อยให้เรื่องการสร้างภาพเป็นของคนขาวเถอะ และต้นเรื่องยังแซะอีกที่พ่อ OJ ตายเพราะโดนเหรียญเงินที่ตกจากฟ้าฟาก เปรียบเหมือนว่าคนดำทำงานลำบากแทบตายให้คนขาวเพื่อแลกกับเศษเงินแล้วตายไปซะ

หรือตัวละครหลักทั้ง 4 ตัวละครก็จะเห็นได้เลยว่าไม่ใช่คนขาวร้อยเปอร์เซ็นทั้งหมด แน่ล่ะคู่พี่น้องนางเอกผิวดำที่สะท้อนเรื่องราวอย่างที่ได้กล่าวไป แต่บทบาทของ Jupe ที่แสดงโดย Steven Yeun ก็สะท้อนถึงคนเอเชียที่โดนกลืนกินด้วยวัฒนธรรมของคนผิวขาวอยากควบคุมสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม จนเหมือนกลายเป็นคนผิวขาวไปแล้ว หรือตัวละครอย่าง Angel ที่น่าจะเป็นคนเชื้อสายละติน ที่เป็นตัวแทนของอะไรบางอย่าง

มันยังมีอีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เบื้องหลัง ความหิวคอนเทนต์ การควบคุมในสิ่งที่ยากเกินควบคุม หรือแม้กระทั่งการตั้งชื่อสัตว์ของคนดำและคนขาว ที่ในหนังแอบแซะเบา ๆ ว่าเอ้อคนขาวชอบตั้งชื่อสัตว์ด้วยชื่อคน แต่คนดำจะตั้งด้วยชื่ออื่น ๆ ที่ไม่ใช่ชื่อคน และผลก็มีให้เราเห็นว่าเป็นยังไง เอ้อและการที่ให้คนดำขี่ม้ากับซีนที่เหมือนคาวบอย น่าจะจิกกัดหนังคาวบอยคนขาวเหมือนกันแหละ

หนังยังใส่มุกตลกหน้าตายออกมาไม่น้อย และก็มาในจังหวะที่ถูกมาก ๆ รู้ว่าตรงไหนควรมา ตลกดีเหมือนกันที่ย้ำให้ตัวละครใส่ชุดสีตามชื่อ อย่าง OJ ก็ใส่สีส้ม เพราะย่อมาจาก Orange Juice และ Emerald ก็ใส่ชุดสีเขียว เป็นต้น 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวหนังมันจะมีความเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ บ้าง ช่วงแรกนี่ปูเรื่องนานเลยแหละ เนื้อเรื่องมันคาดเดาไม่ได้เลย คาดเดายากจริง ๆ และโดยส่วนตัวก็ยังรู้สึกมันไม่อิมแพ็คเท่าไหร่ เรายังอินและชอบ Get Out กับ Us มากกว่า

สรุปแล้ว Nope - ไม่ เป็นหนังที่เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ เหมือนกัน มันได้อรรถรสมากในเรื่องของภาพและเสียงจัดเต็มมากจริง ๆ ลองมองแบบตามเนื้อหนังไม่ได้ลงลึกอะไรมันก็ยังโอเคสร้างความหวาดผวา เซอร์ไพรส์อีก และพอมาพูดถึงเรื่องต่าง ๆ ก็หยิบจับมาพูดคุยได้สนุกเหมือนกัน เดาว่าน่าจะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบหนังเรื่องนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแน่นอน ซึ่งตอนแรกเราก็รู้สึกเฉย ๆ นะ แต่พอได้มาลองนึกนู่นนี่นั่นดู เออมันก็จริงและเจ๋งดีแหะ แต่ถึงกระนั้นเราก็ไม่รู้จะให้คะแนนหนังเรื่องนี้ยังไง ถามว่าชอบมั้ยก็ตอบว่า "ไม่" แล้วถ้าถามว่าไม่ชอบมั้ย ก็ตอบว่า "ไม่" อีกนั่นแหละ

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
0
การดำเนินเรื่อง
0
ดนตรีประกอบ
0
ฝีมือนักแสดง
0
กราฟฟิก
0
คะแนนเฉลี่ย
0
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)

หนังภาพยนตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง