0 %E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%9F%E0%B8%B9%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88+-+Jaifu+Story

ใจฟูสตอรี่ - Jaifu Story

เข้าฉาย 14 กุมภาพันธ์ 2565
ผู้ชม : 11,574
ผู้กำกับ : พฤกษ์ เอมะรุจิ
ความยาวหนัง : ไม่ระบุ
Text Size

หนัง Jaifu Story หรือชื่อไทยว่า ใจฟูสตอรี่ “ใจฟูสตอรี่” หนังโรแมนติก-คอมเมดี้ เรื่องใหม่ที่สร้างโดย “ไท-เมเจอร์” และ “เอ็ม-เทอตี้ไนน์” โดยได้ “ตุ๋ย-พฤกษ์ เอมะรุจิ” แห่ง “ไบค์แมน 1,2” และ “อีเรียมซิ่ง” มาดูแล พร้อมหมายมั่นปั้นมือให้เป็นหนังรักอารมณ์ “ฟลูฟิล” แห่งปี ถ่ายทอดเรื่องราวความรักของ หน่มุ สาว 5 คู่ 5 อารมณ์ ที่จะทำให้หัวใจคุณฟูฟ่องและพองโตอย่างไม่รู้ลืม

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

13 สิงหาคม 2565 01:50:39

[รีวิว] ใจฟูสตอรี่
--- 7.5/10 ---
นี่คือหนังรักธรรมดาที่ธรรมดา แต่ดูแล้วรู้สึกไม่ธรรมดา
บางทีหนังรักไม่ต้องเล่นท่ายากมากก็ได้
เล่าง่าย ๆ ตรงไปตรงมา จบแบบแฮปปี้ก็ดีเหมือนกันนะ

ใจฟูสตอรี่ เป็นหนังรักไทยที่ตอนแรกไม่ได้สนใจมันเลย จนกระทั่งได้ดูตัวอย่าง และเห็นนักแสดงก็อยากดูทันที ทั้ง ฝน-ศนันธฉัตร, เอสเธอร์ และโดยเฉพาะ มินนี่ ภัณฑิรา ที่ความน่ารักเฉิดฉายสุด ๆ 

ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของเดี่ยวนักเขียนบทหนัง ที่ต้องมาเฝ้าแม่ที่ป่วยเข้า ICU ที่นั่นเขาได้พบกับบัวหญิงสาวที่มาเฝ้าแฟนที่ป่วยเข้า ICU เช่นกัน ระหว่างนั้นทั้งคู่ได้รู้จักกันและเราจะได้เห็น4 เรื่องราวความรักผ่านบทหนังของเดี่ยวที่บัวได้เป็นคนอ่าน รวมถึงอีกหนึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเฝ้าไข้ของทั้งคู่

เราจะมาขอพูดในภาพรวมก่อนว่าหนังมันออกมาดีกว่าที่เราคิดมาก ๆ มันเซอร์ไพรส์มาก เราชอบความที่หนังไม่เล่นท่ายาก ไม่ต้องพยายามทำให้มันซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไร เล่าแบบตรงไปตรงมา ง่าย ๆ ชัดเจน เข้าใจง่าย เอ็นจอยง่าย ไม่ต้องมีฉากขยี้พยายามประดิษฐ์ให้มันงดงาม หรือใส่คำพูดคม ๆ ซึ้ง ๆ มันคือหนังเรื่องราวความรักธรรมดา ๆ เลย ไม่มีอะไรหวือหวา แต่ไอ้ความธรรมดาเนี่ยแหละมันก็พิเศษในตัวของมัน แถมมันยังให้อารมณ์ที่หลากหลาย ถึงแม้เรื่องราวจะไม่ได้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าขัดอารมณ์แต่อย่างใด มันทำได้ดีมาก ๆ อีกต่างหาก 

ต้องบอกก่อนว่าเรื่องราวทั้งหมดมีสถานการณ์โควิดมาเป็นวัตถุดิบหลักอย่างนึงในการดำเนินเรื่อง เพราะฉะนั้นในทุกเรื่องทุกตอนความรักของใจฟูสตอรี่ ก็จะมีสถานการณ์เกี่ยวกับโควิดมาข้องเกี่ยวอยุ่ และมันก็ไม่ได้ดูยัดเยียด บางตอนอาจมีแตะ ๆ ให้เกี่ยวข้อง แต่บางตอนก็หยิบยกมาขับเคลื่อนเรื่องราวได้เป็นอย่างดี 

เรื่องแรก "คนตรงข้าม" จะเป็นคู่ของ นัท-ณัฏฐ์ กับ เอสเธอร์ ที่เรื่องราวจริง ๆ มันได้แรงบันดาลใจมาจากคู่รักคู่นึงในต่างประเทศที่หลายคนคงจะเคยได้เห็นข่าวกันมา ว่าตกหลุมรักกันในช่วงโควิด ทั้งสองจึงต้องจีบกันด้วยการ social distancing จากตรงข้ามห้องกันและกัน หนังหยิบเอาไอเดียนั้นมาสานต่อเป็นเรื่องราว ได้เห็นความน่ารักในการจีบกันยุคโควิดผ่านการแสดงของนัทและเอสเธอร์ จังหวะจบของตอนก็ยังทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว เป็นการจบที่ไม่ยากเกินคาดเดา แต่ก็ชอบและเซอร์ไพรส์ในความธรรมดาของมันนี่แหละ 

เรื่องที่สอง "คนข้างบ้าน" ทิกเกอร์ กับ เพียว บอกเล่าเรื่องราวของเด็กมัธยมสองคนที่ต่างกันสิ้นเชิง แต่ทั้งคู่อยู่ข้างบ้านกัน เมื่อฝ่ายหญิงต้องไปเรียนต่างประเทศ เธอจึงวานให้ฝ่ายชายช่วยดูแลอาม่าให้เธอที จากทีไม่เคยคุยกัน ทำให้ทั้งสองผูกพันและความสัมพันธ์ก็กำลังก่อตัว ในเรื่องที่สองนี้ยิ่งธรรมดาเข้าไปใหญ่ เนื้อเรื่องไม่มีอะไรเลย เล่าง่ายมาก เหมือนหนังรักวัยรุ่นใส ๆ ทั่วไป ไม่หวือหวาไม่อะไรเลย แต่ก็อีกนั่นแหละ มันกลมกล่อม แถมยังหยิบยกประเด็นโควิดมาขับเคลื่อนเรื่องราวได้ดีอีกด้วย และยังชอบตอนจบไม่ต่างกับเรื่องแรกเลย 

เรื่องที่สาม "คนที่เกลียด" นำแสดงโดย ปั๋น และ ซิม่อน เรื่องราวของ อ๊อด ไรเดอร์ส่งของบริษัทนึง ที่มักจะเจอกับไรเดอร์คู่แข่งของอีกบริษัทตามแยกไฟแดงเสมอ ทั้งคู่มักจะขับรถแข่งกัน กลายเป็นศัตรูกัน จนวันหนึ่ง อ๊อดได้รู้ว่าคนที่เกลียดเป็นผู้หญิงแสนน่ารัก และเธอก็คือผู้ที่มาเปลี่ยนชีวิตของเขา นี่คือตอนที่ล้ำที่สุดและฉีกจากทุกตอนไปเลย ไม่ต้องคิดถึงหลักเหตุและผลเลย แค่เลือกเล่าแบบนี้ก็เจ๋งแล้ว

เรื่องที่สี่ "คนแอบชอบ" นำแสดงโดย ลี-ฐานัฐพ์, ฝน-ศนันธฉัตร กับเรื่องราวของเสือ พนักงานร้านสะดวกซื้อ ชายผู้มีความพยายามในทุกอย่าง แต่ไม่กล้าบอกชอบคนที่แอบชอบ เพราะรู้ว่าเธอคนนั้นชอบอีกคนอยู่ เธอมักจะมาซื้อขนมไปให้คนที่เธอแอบชอบ เสือก็ทำได้แค่รับฟังเรื่องราวแต่ไม่กล้าบอกความในใจสักที เรื่องนี้ธรรมดามาก เส้นตรงแบบสุด ๆ แล้วก็มีตอนจบของเรื่องที่ใจฟูไม่ใช่เล่น

หนังไต่ระดับอารมณ์ความรู้สึกได้เป็นอย่างดีจากใจฟีบก็ค่อย ๆ ทำให้เราใจฟูทีละนิด ผ่านการบอกเล่าที่ออกมามันดูเป็นหนังรักธรรมดา เดี๋ยวนี้เรามักไม่ค่อยเห็นหนังรักไทยแบบนี้สักเท่าไหร่นัก เดาทางง่าย เรียกว่าเป็นหนังสูตรสำเร็จของหนังรักเลยก็ว่าได้ แต่มันดูได้เพลิดเพลิน เรียกรอยยิ้ม และตลบอบอวลไปด้วยความน่ารักบางอย่าง แถมหนังยังแอบแฝงผ่านบทสนทนาของสองตัวละครรัก พีช-พชร และมินนี่-ภัณฑิรา ว่าบางทีหนังรักมันก็ไม่ต้องหวือหวามีอะไรมากก็ได้ บางทีจบแบบง่าย ๆ Happy Ending มันก็ดีเหมือนกันนะ 

ทางด้านการแสดงต้องชื่นชมทุกคนเลย ทุกคนรับหน้าที่ของตัวเองได้ดีในบทที่ตัวเองได้รับ ไม่ได้มีจุดไหนที่โดดเด่นเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้มีจุดไหนที่ต้องติขนาดนั้น ทุกตัวละครเล่นได้ธรรมชาติดี อาจจะรู้สึกมีการประดิษฐ์คำพูดกันบ้างบางฉากบางตอนแต่มันก็เข้าใจได้นะ และเสียดายบางตัวละครที่น่าจะมีบทอะไรมากกว่านี้ แต่ต้องพูดเลยว่ามินนี่-ภัณฑิรา น่ารักมว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ยิ้มทีเขินนนนนนเลย จะละลายติดเบาะในโรงหนังไปแล้ว >///<  

สิ่งที่น่าชื่นชมไม่ต่างจากส่วนอื่น ๆ คือการเลือกเพลงประกอบที่โคตรจะเข้ากันกับเรื่องราวต่าง ๆ ในหนัง ตอนแรกก็เป็นเพลง ทั้ง ผ่านตา ของ Three Man Down, 3มิติ ของ Paradox เป็นต้น

แต่จริง ๆ เราก็มีจุดที่ไม่ชอบอยู่เหมือนกันนะ คือไม่ชอบความใส่ตลกแบบฉึบฉับในช่วงแรก ๆ ของหนังและการเล่าเรื่องผ่านเสียงนึกคิดของตัวละครในคู่หลัก พีชกับมินนี่ เรามองว่ามันตั้งใจทำให้ตลกเกินไป บางทีก็ขยี้อยู่แบบนั้นใช้ซ้ำ ๆ จนมันไม่ขำไปซะแล้ว

สรุปแล้ว ใจฟูสตอรี่ เป็นหนังรักธรรมดา เล่าตรงไปตรงมา ง่าย ๆ เข้าใจไม่ยาก แต่มันก็สามารถทำให้เราเอ็นจอยและเพลิดเพลินไปกับมันได้ตลอดทั้งเรื่อง แน่นอนว่าบางเรื่องอาจจะต้องมองข้ามหลักเหตุและผลไปซะหน่อยก็จะเอ็นจอยกับมันได้มากขึ้น อาจจะเพราะด้วยข้อจำกัดของเวลาเลยต้องเลือกเล่าแบบนั้น ในแต่ละเรื่องมันอาจจะรู้สึกว่ารีบเล่ารีบจบเร็วไปเสียหน่อยอย่างน่าเสียดาย แต่มันก็ยังคงเป็นหนังรักปลายเปิดที่หลากอารมณ์และน่ารักไม่ใช่เล่น

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
7
การดำเนินเรื่อง
7
ดนตรีประกอบ
9.5
ฝีมือนักแสดง
7
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
7.5
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)