0 %E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89+-+Puen-Keed-Sen-Tai

เพื่อนขีดเส้นใต้ - Puen-Keed-Sen-Tai

เข้าฉาย 12 กุมภาพันธ์ 2558
ผู้ชม : 3,379
ผู้กำกับ : เจแปน ภาณุพรรณ จันทนะวงษ์/กระตั้ว วรเทพ ธรรมโอรส/ปั้บ อรรถวิศิษฐ์ หัสดินทร ณ อยุธยา
ความยาวหนัง : 99.99
Text Size

เพื่อนขีดเส้นใต้ เรื่องราวความรักของ “เพื่อนคู่ชีวิต เพื่อนแท้ เพื่อนตาย” ที่ต่างมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกัน จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ ต่อต้าน ถูกครอบครัวข้อร้องให้มีลูกเร็วๆ แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่ทุกคนคิด เมื่อ จ๊ะจ๋า มีข้อแม้ว่าต่อต้านต้องเลิกสูบบุหรี่ให้ได้เสียก่อน ถึงจะยอมมีลูกด้วย จึงเป็นที่มาของสัญญาระหว่างเพื่อนคู่ชีวิต …กลุ่มนักศึกษาสาขาภาพยนตร์ชั้นปี4ได้รับโจทย์จากอาจารย์ให้ทำหนังเพื่อเป็นโปรเจ็กต์จบการศึกษา แต่แล้วความเห็นของคนในกลุ่มกลับแตกออกเป็น 2 ฝ่าย บทพิสูจน์ของความเป็น เพื่อนแท้จึงเกิดขึ้น…ระหว่างทางในสมรภูมิร่มเกล้าที่เนิน1428 ชายแดนไทย-ลาว พลทหารเปี๊ยก จากกองทัพภาคที่สอง และ ทหารพรานตู่ ทหารจู่โจมจากค่ายปักธงชัย หลงทางมาเจอกันโดยบังเอิญ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจนทำให้มิตรภาพของเพื่อนร่วมทางกลับกลายเป็นเพื่อนตาย สิ่งที่ทั้งสองคนเจอในสงครามนอกจากความเจ็บปวดคือมิตรแท้ ร่วมค้นหาทุกความหมายของคำว่า “เพื่อน”ได้ในภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้ “เพื่อนขีดเส้นใต้” 12 กุมภาชวนเพื่อนมาชมในโรงภาพยนตร์

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

16 กุมภาพันธ์ 2558 01:24:42
เพื่อนขีดเส้นใต้ (ภาณุพรรณ จันทนะวงษ์, วรเทพ ธรรมโอรส, อรรถวิศิษฐ์ หัสดินทร ณ อยุธยา / Thailand / 2015)
 
๑๔๒๘ ร่มเกล้า เคยฉายแยกในเทศกาลหนังสั้นแต่เราก็ไม่ได้ดูหรอกนะเพราะพลาดทั้งตอนฉายมาราธอนกับตอนถูกคัดเลือกฉาย Digital Forum  ซึ่งฟีดแบ็กที่ได้ยินมาตอนนั้นมันก็ประมาณนึง  แต่พอมันมาอยู่รวมกับอีกสองตอนที่ร้อยเรื่องและโยงธีมเข้าด้วยกันแล้วเรารู้สึกว่ามันน่าจะมีพลังมากกว่าที่ฉายเดี่ยวๆ ในเทศกาลเพิ่มขึ้นมากทีเดียว  เพราะตอนดูเราสะเทือนกับเรื่องราวจนน้ำตาคลอเบ้าซึ่งมันรับส่งธีมจากตอนแรกและตอนที่สองให้พุ่งขึ้นไปอีก  แล้วเพื่อนขีดเส้นใต้ทั้งเรื่องมันก็มีอะไรให้เรารู้สึกกว่าที่คาดมากพอสมควร  โดยเฉพาะการเล่าประสบการณ์และความรู้สึกของนักเรียนทำหนังผ่านมิตรภาพได้จริงใจ  ถึงแม้ในส่วนรายละเอียดของบทภาพยนตร์จะยังคงเป็นจุดที่อ่อนประสิทธิภาพมากที่สุด  รวมถึงการกำกับตัดต่อที่ยังไม่ละเอียดในส่วนที่ควรละเอียดนักก็ตาม
 
รักเต็มปอด (D-/B-) ตอนแรกของเรื่องที่หากแยกฉายเดี่ยวๆ จะต้องบัดซบยิ่งกว่าที่เห็น  แต่แล้วเมื่อหนังเฉลยถึงฟังก์ชั่นของการมีอยู่ที่มีผลกับหนังตอนต่อๆ ไปว่ามันเป็นแค่ส่วนเกริ่นเรื่องถึงการทำหนังโปรเจ็คหนึ่งของนักเรียนหนังกลุ่มหนึ่ง  สิ่งที่ผ่านมาอย่างความรู้สึกตอนดูประมาณว่า  บทกลวงๆ ประเด็นเห่ยๆ แบบนี้โปรดักชั่นก็ไม่ได้ดีเด่ฉากจัดงานสวนรถไฟก็โหรงเหรงแทบไม่เชื่อว่าเป็นงานที่มีนักข่าวเยอะแยะมาทำข่าว  สตาร์บัคอยากบุหรี่แต่สีหน้าโกรธจัดอย่างกับคนอยากยา  แถมลูกแฝดตอนท้ายก็ใช้ตุ๊กตาปลอมชัดๆ ก็ยังอยากจะเอามาฉายโรงเก็บเงินคนดู 100-200 ก็เลยได้รับการอภัยจากคนดูอย่างเรา(คนอื่นไม่รู้นะ)  แต่มันก็ยังเป็นตอนเกริ่นที่ยาวเกินไปอยู่ดีและเห็นว่าถ้าลดทอนเวลาหนังส่วนนี้เอาไปเล่าตอนอื่นให้ละเอียดขึ้นหนังน่าจะชัดเจนและดำดิ่งในรายละเอียดอารมณ์มากกว่านี้ไม่ต้องมาอาศัยความคลิเชทื่อๆ แล้วไปต่อแบบตอน Thesis เป็น  หรือไม่ก็ยัดท่าทีคลิเชให้คัลท์ให้เวียร์ดชัดเจนแบบจัญไรไฟไหม้มาใส่ตอนนี้ให้หมดก็น่าจะเป็นวิธีทำให้มองข้ามและกลับเป็นชมเชยก็เป็นไปได้  และเสียดายมกๆ ที่มันสายไปแล้วสำหรับอารมณ์ย่ำแย่ดิ่งเหวที่แทบจะกู่ไม่ยอมกลับ  ทำให้ความรู้สึกของเราต้องเริ่มใหม่กับหนังตั้งแต่วินาทีนั้น  ถึงตอนแรกนี้มันจะดีในแง่ของการเป็นหนังที่สะท้อนฝีมือ  ความคิด  และทัศนคติหัดใหม่ของนักเรียนหนังที่เพิ่งเริ่มต้นก่อนจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นไปอีกได้ก็ตาม
 
Thesis (C)  จากหนังแคมเปญดูดบุหรี่คลิเชซ้ำซาก  เดินทางมาถึงหนังที่มีช่วงบ้าบอระห่ำไฟแรงสูงทั้งตัวละครและสถานการณ์ที่ต้องอาศัยเครื่องมือเล่าความยิ่งใหญ่  ทั้งโดรน  ทั้งฉากรถ เริ่มมีพร็อบและอุปกรณ์ประกอบฉากในซิทที่ประหลาดไร้เหตุผล  และโลเคชั่นสวยงามแปลกตาอย่างกับนักเรียนหนังที่บ้าเห่ออุปกรณ์  เสียดายที่บททีเล่นทีจริงมันไม่ชัดเจนไปทางใดทางหนึ่งจนกลายเป็นความคลิเชซ้ำซากและน่ารำคาญตลอดทั้งเรื่อง  แถมตัวละครยังเปลี่ยนใจกับความขัดแย้งที่โวยวายมาตลอดทั้งเรื่องง่ายยิ่งกว่ากดรีโมตเปลี่ยนช่องทีวีเสียอีก  แต่ยังดีที่จุดเปลี่ยนของเรื่องในตอนท้ายมันโอเคในการรับใช้ประเด็นมิตรภาพที่หนังอยากจะเล่า  ถึงแม้ตอนท้ายเรื่องจะส่งเข้าหนังตอนสุดท้ายแบบทื่อๆ ง่ายๆ ติดตลกและตัดอารมณ์ไปหน่อยก็ตาม
 
๑๔๒๘ ร่มเกล้า (B+)  เป็นตอนที่องค์ประกอบทุกสัดส่วนคราฟต์ที่สุดในสามตอน  หนังเปิดเรื่องด้วยทหารหน่วยกู้ระเบิดขี้กระจ๊อกที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากการถูกซุ่มยิงขณะกู้ระเบิดและต้องการกลับบ้านหาทางรอด  แต่แล้วก็มาเจอกับทหารนายหนึ่งที่กำลังหาทางไปช่วยเพื่อน  เรื่องราวทหารอยากกลับบ้านกับทหารรักชาติยืนหยัดต่อสู้มันน่าสนใจดีนะ  แต่ด้วยความที่บทมันปกติสูตรไปหน่อยและบางครั้งก็ชัดเจนไปหน่อย อย่างเช่น ฉากขอน้ำดื่ม  มันก็เลยไม่ได้รู้สึกพิเศษในการดำเนินเรื่องทั้งที่เรื่องราวมันสะท้านสะเทือนได้ไม่ยาก  แล้วการกำกับและการตัดต่อในฉากความขัดแย้งระหว่างตัวละคร  ฉากลุ้นระทึกรวมถึงฉากไคลแม็กซ์มันยังไม่ละเอียดในการเล่าอารมณ์บรรยากาศสงครามสักเท่าไหร่  มันจะนิ่งงามๆ ก็ไม่  จะหน่วงก็ไม่หน่วง  จะอึกทึกครึกโครมรวดเร็วก็ไม่ถึง  เหมือนถ่ายมาน้อยกว่าปริมาณฟุตเตจที่จะเอามาตัด  แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องราว  และการแสดงก็ยังทำงานได้ดีขนาดที่ทำให้เราน้ำตาคลอเบ้าได้
 
เสียดายที่สุดท้ายพอจบหนังตอน ๑๔๒๘ ร่มเกล้า หนังก็จบขึ้นเครดิตไปเลย  ทำให้เรายังรู้สึกว่าตัวละครแลพล็อตมิตรภาพก่อนหน้านั้นมันไม่จบตาม  แต่เราก็ยังชอบหนังในฐานะที่ถ่ายทอดความจริงสุดๆ ของนักเรียนหนังที่ในชีวิตหนึ่งต้องได้เผชิญ  ถึงแม้บางทีเราอาจจะแค่รู้สึกชอบจากประสบการณ์ร่วมทั้งที่หนังถ่ายทอดบรรยากาศ อารมณ์และประเด็นของเรื่องให้ถึงแก่นที่อยากจะเล่าได้ชัดเจนเพียงท่าที  แต่เรื่องราวโดยรวมทั้งหมดจะยังหละหลวมในการยึดโยงความรู้สึกต่อเนื่องซึ่งกันและกันก็ตาม

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
6.5
การดำเนินเรื่อง
6.5
ดนตรีประกอบ
6.5
ฝีมือนักแสดง
6.5
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
6.6
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)

GUEST
ธนาเทพ
28 กุมภาพันธ์ 2558 22:18:51
สนุก
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย