0 Spider-Man%3A+No+Way+Home+-+%E0%B8%AA%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%99+%E0%B9%82%E0%B8%99+%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%8C+%E0%B9%82%E0%B8%AE%E0%B8%A1

Spider-Man: No Way Home - สไปเดอร์แมน โน เวย์ โฮม

เข้าฉาย 23 ธันวาคม 2564
ผู้ชม : 50,402
ผู้กำกับ : Jon Watts
ความยาวหนัง : 159.00
Text Size

หนัง Spider-Man No Way Home หรือชื่อไทยว่า สไปเดอร์แมน โน เวย์ โฮม เป็นครั้งแรกที่ Spider-Man ไม่ต้องซ่อนตัวใต้หน้ากากอีกต่อไป และเขาไม่สามารถแยกชีวิตในฐานะซูเปอร์ฮีโร่ออกจากชีวิตปกติได้อีกต่อไป เมื่อเขาไปขอให้ด็อกเตอร์สเตรนจ์ช่วยเหลือ แต่มันกลับกลายเป็นวุ่นวายกว่าเดิม บังคับให้เขาต้องหาทางแก้ไขและหาความหมายของการเป็นสไปเดอร์แมน หนังเรื่องนี้จะแนะนำสิ่งที่เรียกว่า Multiverse ในจักรวาลมาร์เวลอย่างเป็นทางการ พร้อม ๆ กับวายร้ายจากทั้ง Spider-Man และ The Amazing Spider-Man ก็จะมาปรากฎตัวด้วยเช่นกัน

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

25 ธันวาคม 2564 04:11:21

[รีวิว] Spider-Man: No Way Home
--- 9/10 ---
(ไม่สปอยล์)
นี่คือหนัง Spider-Man ที่โคตรกลมกล่อม ครบทุกอารมณ์
อีกระดับของการก้าวพ้นผ่านวัยของ Peter Parker
เป็น 2 ชั่วโมงเกือบครึ่งที่เต็มอิ่มจริง ๆ

นี่คือหนังเรื่องนึงที่หลายต่อหลายคนเฝ้ารอมากที่สุดแห่งปีเลยก็ว่าได้ จากปัญหาต่าง ๆ มากมายระหว่าง Sony กับ Marvel ที่มีต่อตัวละครนี้ จนมันออกมาเป็นหนังเรื่องนี้ให้เราได้ดูกันเนี่ยแหละ คนไฮป์กันทุกช่วงตั้งแต่ตัวอย่างแรกพร้อมข่าวคราว ข่าวลือต่าง ๆ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงแห่ไปดูกันตั้งแต่วันแรกรีบจองตั๋วล่วงหน้ากันรัว ๆ 

ทุกภาคที่ผ่านมาหนังสไปเดอร์แมนจะมีความเป็น Coming-of-age หรือหนังก้าวผ่านวัยอยู่ตลอด และในภาคนี้มันคืออีกระดับของการก้าวผ่านวัย หนังมันโตขึ้นจริง ๆ ทั้งองค์ประกอบ บท และการดำเนินเรื่องต่าง ๆ ทำให้หนังเรื่องนี้มันสามารถให้เอาคนดูอยู่มาก อยากเอาใจช่วยและติดตามทุกการกระทำของ Peter Parker ในฐานะ Spider-Man ทั้งพาร์ทดราม่าเอย พาร์ทโรแมนติกเอย ทำได้ดีจริง ๆ กลมกล่อมครบรส ครบอารมณ์มาก ถึงแม้หนังจะความยาว 2 ชั่วโมงเกือบครึ่งแต่ไม่มีส่วนไหนหรือจุดไหนที่รู้สึกว่ายืดหรือน่าเบื่อเลย เล่าเรื่องได้สนุกน่าติดตามจริง ๆ 

เหล่านักแสดงทำหน้าที่ได้ดีทุกคนและภาคนี้รู้สึกว่า Tom Holland แสดงโคตรดีจริง ๆ ไม่รู้จะถึงออสการ์อย่างที่ตัวน้องทอมแกอวยเองมั้ย แต่แสดงดีมากจริง ๆ รวมถึงตัวละครอย่าง Zendaya ที่ยิ่งเห็นเธอแสดงยิ่งมีเสน่ห์ ไม่ได้ดูเยอะ ดูธรรมชาติ แต่น่ามองสุด ๆ สองพระนางเคมีโคตรเข้ากัน เชื่อเลยว่ารักกันจริง ๆ ยิ่งทั้งคู่เป็นแฟนกันในชีวิตจริงแล้วยิ่งทำให้ในหนังดูจริงแบบไม่ต้องสงสัยเลย ที่เจ๋งคือ Jacob Batalon ในบท Ned Leeds ที่ออกมาทีไรแย่งซีนและเรียกเสียงหัวเราะได้ทุกฉากจริง ๆ และไม่พูดก็ไม่ได้กับเหล่าตัวร้ายที่แค่เห็นเขากลับมาแสดงก็ดีใจแล้วโดยเฉพาะสามคนหลัก Jamie Foxx, Alfred Molina, Willem Dafoe ที่เข้าฉากกัดคุยกันก็ดูเพลินแล้วอะ โดยเฉพาะรายหลัง Dafoe นี่โคตรนักแสดงคุณภาพจริง ๆ 

เป็นหนังฮีโร่ที่โคตรกลมกล่อม มีหัวจิตหัวใจในตัวเองและเข้าถึงหัวใจทุกคน เชื่อเลยว่าหลายต่อหลายคนยังคงอยากเห็น Tom Holland ในบท Peter Parker/Spider-Man ไปอีกหลายภาคแน่นอน

ปล. มีฉากก่อน End-Credit 1 ตัวและหลัง End-Credit อีกตัว

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
9
การดำเนินเรื่อง
9
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
10
กราฟฟิก
9
คะแนนเฉลี่ย
9
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
18 ธันวาคม 2564 20:13:55

Spider-Man No Way Home วิบากกรรมสไปเดอร์แมน (อ่านได้ไม่สปอยล์)
สไปเดอร์แมน เหมือนจะเป็นฮีโร่ฝั่งมาร์เวลคนเดียวเลยมั้ง ที่ถูกรีบูทรอบแล้วรอบเล่า เยอะสุดในบรรดาตัวละครของมาร์เวล ซึ่งถ้าจะว่ากันตามตรงแล้ว อาจเป็นเพราะตัวละครนี้ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ได้รับความนิยมเสมอมา มีแฟน ๆ หนาแน่น แถมอาจเป็นฮีโรยุค 2000 คนแรกที่ทำให้หลายคนเริ่มหันมาติดตามดูหนังซูเปอร์ฮีโร่เลยก็ว่าได้ ไม่แปลกใจเลยที่ค่ายโซนี่นั้น พยายามที่จะยื้อต่อให้ตัวละครนี้ไม่ถูกคืนสิทธิ์กลับไปยังมาร์เวล จนสร้างดีลที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็คือ ยอมให้มาร์เวลเอาตัวละครนี้ไปใช้ใน MCU ได้ แต่มาร์เวลเองก็ต้องมีหนังเดี่ยวให้กับทางโซนี่ด้วย เดิมทีสัญญาใจอันนี้เหมือนจะหมดไปตั้งแต่ Endgame จนแล้วจนรอดก็ได้มีการดีลกันใหม่ และใช่ ก็ต้องมาพร้อมกับหนังภาคใหม่ด้วย นั่นก็คือการสร้าง ภาค No Way Home นั่นเอง

ในภาคนี้ เรื่องราวว่าด้วยหลังจากที่ถูกมิสเตอริโอ เปิดโปงว่าปีเตอร์นั้นเป็นสไปเดอร์แมน โลกสองใบของปีเตอร์พาร์คเกอร์นั้นก็ไม่สงบสุขอีกต่อไป มันส่งผลกับชีวิตเค้าและคนรอบข้างมากมาย ซึ่งเท่าที่ตัวหนังเล่ามา จะมีแต่ข้อเสียมากกว่าข้อดี ทำให้ปีเตอร์เล็งเห็นว่า วิธีเดียวของการแก้ไปปัญหาทั้งหมดนี้คือการไปขอความช่วยเหลือจาก ดร.สเตรนจ์ ร่ายเวทมนต์ให้ทุกคนลืมเลือนว่าใครคือสไปเดอร์แมน แต่แล้วจากการที่คุยกันไม่ได้ตกลงให้ดีก่อน ทำให้คาถาที่ ดร.สเตรนจ์ร่ายออกมาเกิดผิดพลาด จนทำให้พบกับผู้มาเยือนจากโลกอื่น ๆ มากมาย ทำให้เขาต้องรีบตามจับเหล่าผู้มาเยือนนี้ ก่อนที่จะสร้างความเสียหายให้กับโลกใบนี้ จนแล้วจนรอดก็เกิดเหตุวุ่นวายต่าง ๆ นานา เล่ามากกว่านี้เดี๋ยวหาว่าสปอยล์

หลังดูจบแล้วต้องบอกเลยว่าผมยังโชคดีที่หลบสปอยล์ได้จนถึงวันที่ได้ไปดูรอบ First Fan Screening ที่ฉายไปวันนี้ รีแอคชั่นแรกหลังดูของผมคือ โคตรไฮป์มาก ตัวหนังเองนั้นมีความดาร์คที่สุดของไตรภาคน้องทอมฮอลแลนแล้ว แต่ด้วยความที่มันเป็นหนัง MCU เลยมีการแทรกมุขเข้ามาเพื่อลดความหดหู่ เศร้า ของตัวละครที่ต้องพบเจอ ซึ่งในส่วนนี้ทำให้ถ้าจะพูดถึงว่าดาร์คแค่ไหนก็ยังไม่ดาร์คเท่าเวอร์ชั่นโทบี้ และแอนดรูแต่อย่างใด ด้วยความที่หนังนั้นเป็นเรื่องแรก ที่เล่นประเด็น Multiverse แบบจริงจังขนาดนี้ทำให้เป็นที่น่าสนใจและติดตามอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่เคยดูสไปเดอร์แมนทั้งสองเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ น่าจะฟินได้ไม่น้อย โดยเฉพาะเซอไพร์สที่เค้าเล่าลือกัน อันนั้นก็ถือเป็นจุดขายของหนังเรื่องนี้เลยทีเดียว ทางที่ดีคือควรหลบสปอยให้รอดแล้วไปดูด้วยตาตัวเอง น่าจะดีที่สุด

ถ้าจะให้บอกว่าเป็นสไปเดอร์แมน ภาคที่ดีที่สุดหรือเปล่า บอกตามตรงว่ายังไม่ใช่ ผมเองยังให้ Spider-Man 2 ของโทบี้ คือที่สุดอยู่ดี ใน No Way Home นี้น่าจะอยู่ในลำดับที่ 2 จากทุกเวอร์ชั้่นคนแสดงที่ฉายในโรง และห้ามพลาดฉากหลังเครดิตทั้ง 2 ตัว คือทำให้อยากวาร์ปไปต้นปีหน้ากันเลยทีเดียว 8.5/10

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
9
การดำเนินเรื่อง
9
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
7.5
คะแนนเฉลี่ย
8.5
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)