The Babadook - บาบาดุค ปลุกปีศาจ
เข้าฉาย 9 ตุลาคม 2557
ผู้ชม : 6,525
ผู้กำกับ
: Jennifer Kent
ความยาวหนัง
: ไม่ระบุ
Text Size
ภาพยนตร์สยองขวัญที่กำลังสร้างเสียงฮือฮาปากต่อปากกระหึ่มอเมริกาตอนนี้ เมื่อนิทาน..ไม่ได้เป็นเพียงแค่นิทาน.. เมื่อจินตนาการ..กลับกลายเป็นเรื่องจริง! ภาพยนตร์ขนหัวลุกเรื่องใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการกล่าวขานถึงว่าน่ากลัวกว่า The Conjuring และหลอนยิ่งกว่า Insidious
6 ปีภายหลังจากการเสียชีวิตของสามี ทำให้เอมิเลีย (เอสซี่ เดวิส) ต้องเลี้ยงดูซามูเอล (โนอา ไวส์แมน) ลูกชายวัย 6 ปีของเธอเพียงลำพังอย่างยากลำบาก ทุกคืนเด็กชายมักจะถูกหลอกหลอนด้วยปีศาจในฝันร้ายที่เขาเชื่อว่าตั้งใจจะทำร้ายและมุ่งเอาชีวิตของตัวเองและแม่ วันหนี่งหลังจากได้อ่านนิทานก่อนนอนที่มีชื่อว่า ‘The Babadook’ ซามูเอลก็มั่นว่าใจสิ่งมีชีวิตที่แสนน่ากลัวในเนื้อเรื่องคือปีศาจที่เขาฝันถึงทุกคืน.. จากเรื่องไร้สาระที่ดูเหมือนจะเป็นแค่จินตนาการของเด็กชายตัวน้อย กลับกลายเป็นประสบการณ์หลอนคาบ้าน เมื่อ 2 แม่ลูกพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้ตามลำพังอีกต่อไป!
หนังสั้นแรงบันดาลใจจากผู้กำกับ
6 ปีภายหลังจากการเสียชีวิตของสามี ทำให้เอมิเลีย (เอสซี่ เดวิส) ต้องเลี้ยงดูซามูเอล (โนอา ไวส์แมน) ลูกชายวัย 6 ปีของเธอเพียงลำพังอย่างยากลำบาก ทุกคืนเด็กชายมักจะถูกหลอกหลอนด้วยปีศาจในฝันร้ายที่เขาเชื่อว่าตั้งใจจะทำร้ายและมุ่งเอาชีวิตของตัวเองและแม่ วันหนี่งหลังจากได้อ่านนิทานก่อนนอนที่มีชื่อว่า ‘The Babadook’ ซามูเอลก็มั่นว่าใจสิ่งมีชีวิตที่แสนน่ากลัวในเนื้อเรื่องคือปีศาจที่เขาฝันถึงทุกคืน.. จากเรื่องไร้สาระที่ดูเหมือนจะเป็นแค่จินตนาการของเด็กชายตัวน้อย กลับกลายเป็นประสบการณ์หลอนคาบ้าน เมื่อ 2 แม่ลูกพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้ตามลำพังอีกต่อไป!
หนังสั้นแรงบันดาลใจจากผู้กำกับ
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
17 ตุลาคม 2557 01:29:34
The Babadook (Jennifer Kent / Australia / 2014)
เริ่มเรื่องมาช็อตแรกๆ มันแวบนึกถึงแม่ใน We Need to Talk about Kevin ที่มันออกแบบฉากแรกๆ ให้รู้สึกว่าตัวละครอยู่ในภวังค์ความทรงจำในอดีตที่เจ็บปวดตลอดเวลา แถมยังดูแปลกแยกกับสังคมรอบข้างทำให้เราคอยตามติดความไม่ปกติไปเรื่อยๆ ด้วยการค่อยๆ เปิดเผยแบบคืบคลานรักษาระยะห่างจากเราสม่ำเสมอไปเรื่อยๆ จนค่อยๆ เข้าประชิดตัวกอดรัดฟัดเหวี่ยงก่อนจะระเบิดตูมออกมาในที่สุด ถึงหนังทั้งสองเรื่องจะไม่ได้เหมือนกันแต่รู้สึกได้เลยว่าแม่ในบาบาดุคนี้มันต้องซ่อนความจิตแบบสุดทางแน่ๆ แล้วรูปแบบการตัดต่อมันก็เล่าเรื่องเล่าบรรยากาศให้ชีวิตประจำวันปกติของสองแม่ลูกมันลึกลับได้ดีมาก มันน่ารักมันอบอุ่นแต่มันให้ความรู้สึกพิกลในความไม่ต่อเนื่องเนี้ยบนิ้งแบบให้เห็นร่องรอยการตัด แต่เชื่อมโยงอารมณ์ทำให้รู้สึกถึงสภาวะไม่ปกติของทั้งสองแม่ลูกได้แนบเนียนพิเศษมาก
เรื่องราวของภรรยาหลังจากที่สามีตายด้วยอุบัติเหตุรถชนขณะขับรถพาเธอไปคลอดลูก ลูกชายที่รอดเกิดมาจึงกลายเป็นปมที่ตอกย้ำความสูญเสียสามีของหญิงแม่หม้าย ทุกปีวันเกิดของลูกคือวันตายของสามีสุดหล่อที่รักทำให้ตลอดระยะเวลา7ปีเธอไม่สามารถลืมความทรงจำเลวร้ายนั้นไปได้ง่ายๆ ชีวิตของแม่กับลูกที่นับวันยิ่งดิ่งลงเหวลึกแต่ปีศาจข้างในใจมันกลับฟูมฟักเติบโตขึ้นสวนทางผุดขึ้นมาเป็นบาบาดุคที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจอันอัดอั้นเศร้าหมองของแม่ และมีเพียงลูกชายคนเดียวเท่านั้นที่สามารถรั้งสติของความเป็นแม่กลับคืนมาได้
รู้เหตุผลเลยว่าทำไมคนดูหลายคนไม่ชอบก็ผีมันไม่ใช่ผีในแบบที่หน้าหนังบอก ซึ่งหลายคนคงคาดหวังว่าเห็นแล้วต้องกลัวจนติดตาต้องตกใจจนสะดุ้ง แต่หนังไม่ได้สะดิ้งดิ้นแด่วไปทางนั้น ผีไม่ได้โผล่มาจนเกลื่อนเพียงเพื่อสร้างความบันเทิงตามจังหวะโครงสร้างหนังผีทั่วไปอย่างเดียว แต่ทำหน้าที่ปรากฏตัวเป็นโมทีฟสำคัญให้เห็นสภาพจิตใจของตัวละครแม่ในเรื่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบทที่คมคายมีชั้นเชิงในฐานะหนังสยองขวัญที่สอดไส้ประเด็นได้แนบเนียนไปกับลักษณะตัวละครที่ซับซ้อนซึ่งออกแบบมาเพื่อขับประเด็นเรื่อง อย่างรายละเอียดพัฒนาการตัวละครที่ออกแบบใช้กับฉากโต๊ะกินข้าว ฉากล้างจาน ฉากรถชนที่สร้างภาพซ้ำให้ตัวละครระลึกเห็นซ้ำสองและนำไปสู่จุดเปลี่ยนที่สั่นสะเทือนทั้งตัวละครและคนดูอย่างมีพลัง
ชอบการสะท้อนบาปของแม่ในเรื่องให้ชัดขึ้นด้วยแบ็กกราวน์อาชีพนักเขียนเรื่องเกี่ยวกับเด็ก ซึ่งในเวลาต่อมาเด็กกลายมาเป็นตัวกระตุ้นให้ระลึกปมในใจจนต้องเปลี่ยนอาชีพมาเป็นพนักงานโรงพยาบาลที่ก็ยังล้อกับการต่อสู้เยียวยาสภาวะทางจิตที่ยังคงไม่ลืมเลือนอดีตให้มีมิติได้มากขึ้นไปอีก จากแบ็กกราวน์ของแม่ยิ่งส่งให้บาบาดุคกลายเป็นศัตรูที่ออกแบบมาได้ฉลาดมากๆ ทั้งในด้านโครงสร้างบทที่เชื่อมโยงบาปของแม่ที่รู้สึกต่อลูกชายของตัวเองให้รู้ได้โดยที่ไม่ต้องเล่าตรงๆ ผ่านไดอะล็อก และคำว่า the boy ในหนังที่เป็นคำที่แม่ไม่ชอบให้ใครใช้เรียกแทน Samuel ลูกชายตัวแสบของตัวเอง ถึงมันจะเป็นแค่คำๆ เดียวแต่สามารถสร้างมิติได้ลึกถึงความรู้สึกตัวละครได้อยู่หมัด ไม่ว่าจะคิดไปเองหรือเปล่าแต่มันทำให้เรารู้สึกตามได้ว่าแม่ในมุมความรู้สึกฐานะภรรยาเธอเกลียดชัง the boy เด็กชายที่เธอให้กำเนิดซึ่งใจเธอคาดโทษว่าเด็กชายคนนี้เป็นเหตุให้สามีของเธอตาย แต่ในฐานะแม่สำหรับเด็กชายที่ชื่อ Samuel นั้น เด็กชายคนเดียวกันนี้คือคนที่เธอรักมากที่สุดและพยายามต่อสู้กับบาบาดุคในใจตัวเองมาตลอดเวลา จนกระทั่งไล่ลูกไปกินขี้!
นอกจากนั้นยังชอบการกำกับที่มันไม่พยายามกระตุ้นความกลัวให้คนดูตื่นตกใจด้วยเทคนิคเครื่องมือตุ้งแช่แต่รักษาบรรยากาศลื่นไหลไปตามระดับพัฒนาการของเรื่องราวและภาวะจิตใจตัวละครที่ทำให้เราค่อยๆ ดำดิ่งตามไปเรื่อยๆ รวมถึงการกำกับภาพโดยเฉพาะช็อตแทนสายตาทั้งหลายที่มันส่งอารมณ์และบรรยากาศแทนการใช้ผีน่ากลัวๆ ได้อยู่มือมาก ที่มองข้ามไปไม่ได้เลยคือการแสดงของทั้งแม่และลูก โดยเฉพาะแม่ที่แบกรับอารมณ์สุดขีดคลั่งได้มีน้ำหนัก ช่วงก้ำกึ่งแรกๆ ก็เก็บงำให้ชวนสงสัยได้ ช่วงค่อยๆ เผยเบื้องลึกในจิตใจก็สร้างความหวาดกลัวล่องลอยที่ให้เรารู้สึกเวทนาได้พอๆ กัน ส่วนหลอนๆ นี้ทำให้นึกถึงหนังอย่าง Magic Magic ขึ้นมาเลย
หนังปูทางเก็บเล็กผสมน้อยรายละเอียดที่สำรวจตัวละครในฐานะแม่ที่ต้องโดดเดี่ยวเลี้ยงลูกและเมียที่สูญเสียสามีที่รักได้ลุ่มลึกและซ่อนเงื่อนทางความรู้สึกแล้วยังไหลลื่นให้น่าติดตามไปได้ตลอดเวลา แต่ยังขัดแย้งในความรู้สึกสามัญส่วนตัวอยู่นิดหน่อยในส่วนของลูกชายที่ความสัมพันธ์ความใกล้ชิดกับแม่มันขึ้นๆ ลงๆ ดูไม่ลงรอยกันเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายใส่กัน ทำให้ตอนท้ายที่ลูกต้องมาช่วยแม่รู้สึกว่าลูกมันขาดความกลัวความลังเลไปหน่อยจนดูเด็กมันกล้าหาญเกินไป ในช่วงชลมุนก็จัดการกับบาบาดุคเหนือจริงไปหน่อยจนเราเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง คือถ้าบาบาดุคไม่มีตัวตนจริงเป็นเพียงภาพแทนจิตใจของแม่มันก็จะกลายเป็นว่าลูกชายสู้กับแม่ซึ่งในชุดความคิดของเด็กอายุเท่านี้มันดูเหมือนเด็กใน Home Alone ออกแนวแฟนตาซีไปทางคัลท์ไปเลย เพราะเด็กมันโดนทั้งลากขึ้นบ้านจับฟาดผนังแต่กลับไม่เป็นอะไรเลย ทำให้เผลอคิดออกนอกเรื่องว่าโตมามันจะกลายเป็น Wolverine หรือไงนะ แต่ถ้ามองว่าเรื่องทั้งเรื่องเล่าผ่านPOVจิตหลอนของแม่มันก็จะหายรู้สึกไปได้เยอะ แต่เสียงบางอันที่มันแผดแสบหูมากๆ จนหยีหน้าไปตามความถี่เดซิเบลเสียง แต่มันก็สนุกนะรายละเอียดการกำกับและการแสดงหลายอย่างก็พาให้สนุกไปด้วยและสุดท้ายยังดีที่ทุกอย่างที่ปูมาตั้งแต่ต้นเรื่องมันค่อยๆ หลอมมาเจอบรรจบกันในฉากไคลแม็กซ์ได้สะเทือนมากๆ จนเราน้ำตาคลอ...มันหนักหนาสาหัสมากๆ ขนาดถอนฟันด้วยมือเปล่ายังง่ายกว่าหลายขุม...
สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
10
การดำเนินเรื่อง
9.5
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
10
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
8.9
ความคิดเห็น (0)
GUEST
ฐิติวัฒน์
16 ธันวาคม 2557 20:28:59
สนุกมากกกกค่ะ
การเเสดงของเเม่-ลูก คู่นี้เป็นการเเสดงที่ยอดเยี่ยมมากๆ สมควรได้ 5 ดาว และรางวัลออสก้าสาขานักแสดงยอดเยี่ยม จริงๆ (แสดงจนน่ารำคาญ ได้อารมณ์สุดๆ)
GUEST
ดิว
12 ตุลาคม 2557 14:37:33
อยากดูมาก
สรุปผลวิจารณ์หนัง