Jojo Rabbit - ต่ายน้อยโจโจ้
เข้าฉาย 12 มีนาคม 2563
ผู้ชม : 8,434
ผู้กำกับ
: Taika Waititi
ความยาวหนัง
: 110.00
Text Size
หนัง Jojo Rabbit หรือชื่อไทยว่า ต่ายน้อยโจโจ้ เรื่องราวของเด็กชาวเยอรมันคนหนึ่ง ที่มีเพื่อนในจินตนาการเป็น Hitler แม่ของเขาได้ซ่อนตัวเด็กหญิงชาวยิวคนหนึ่งเอาไว้ ทำให้เด็กชายคนนั้นต้องให้เพื่อนในจินตนาการช่วยเหลือ
A young boy in Hitler's army finds out his mother is hiding a Jewish girl in their home.
[รีวิว] Jojo the Rabbit - ต่ายน้อยโจโจ้
--- 9.5/10 ---
หนังแนว Coming-of-age
สะท้อนความโหดร้ายของสงคราม ผ่านมุมมองไร้เดียงสาของเด็ก 10 ขวบ
มีความฮาแบบคอเมดี้ และมีความตลกร้ายจนรู้สึกอึ้งเหมือนกัน
Jojo the Rabbit - ต่ายน้อยโจโจ้ เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากหนังสืออีกที ผลงานของผู้กำกับ Taika Waititi ที่สร้างความฮาไว้ใน Thor: Ragnarok หลังจากนั้นก็กลายเป็นผู้กำกับเนื้อหอม ผลงานจ่อคิวเพียบ และเมื่อหนังสือที่ค่อนข้างจะดาร์คมาอยู่ในมือของเขาแล้ว มันจะกลายเป็นความฮา ความตลก อารมณ์และความรู้สึกก็เปลี่ยนไป แต่ก็ยังสะท้อนความโหดร้ายความหดหู่ของสงคราม ผ่านมุมมองของเด็กไร้เดียงสาออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงคว้ารางวัลออสการ์สาขา บทดัดแปลงยอดเยี่ยมไปได้ (Best Adapted Screenplay) ซึ่งจริงๆ หนังเรื่องนี้เข้าชิงอีกถึง 5 สาขาเลยทีเดียว
หนังว่าด้วยเรื่องราวของเด็กน้อยคนหนึ่งที่ชื่อว่า Jojo เขาเป็นเด็กที่รักชาติ หมกมุ่ง คลั่งไคล้ความเป็นนาซี และมีไอดอลเป็น Adolf Hitler อีกต่างหาก ที่สำคัญเขามีเพื่อนในจินตนาการเป็น Adolf Hitler อีกนั่นแหละ ปัญหามันเกิดขึ้นเมื่อเขามารู้ความลับว่าแม่ของเขาซ่อนสาวชาวยิวเอาไว้ในบ้านเขา ทำให้เขาต้องเผชิญเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้วยภาพ ด้วยตัวอย่าง ด้วยบท มันก็ดึงความสนใจความน่าดูของเราไปหมดแล้ว แต่เอาจริงๆ สารภาพเลยว่าไม่ได้ชอบ Thor: Ragnarok ของ Taika Waititi นะ คิดว่ามันใส่ตลกมาล้นเกินไปด้วยซ้ำ แต่อย่างที่บอกนั่นแหละความสนใจทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่ตัวผู้กำกับ
เอาจริงๆ เราเห็นหนังที่พูดถึงความโหดร้ายของ Hitler หรือนาซีมาก็เยอะเหมือนกันนะ แต่หนังเรื่องนี้เลือกที่จะบอกเล่ามุมมองพวกนั้นผ่านความไร้เดียงสาของเด็ก 10 ขวบ!!! แถมยังเล่าออกมาในมุมมองที่มีความฮา ความตลก คอเมดี้ ภาพโทนสว่างสีสดใส ดูไม่มีพิษไม่มีภัย แต่ก็แฝงไปด้วยตลกร้าย เจ็บปวด น่าเศร้า สะท้อนความรุนแรงของสงครามออกมา ให้คนไปตีความกันได้อย่างอึ้งใช่เล่นเลย ไม่ต้องมีฉากปูหรือขยี้เลยแม้แต่น้อย
แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือความไร้เดียงสาของเด็กนั่นแหละ ที่เติบโต คุ้นชิน คุ้นเคยกับนาซี ความโหดร้ายของ Hitler ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กด้วยสภาพแวดล้อมแบบนั้น แต่พอโตขึ้นเขาก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง รับรู้อะไรหลายๆ อย่าง จนความเชื่อเปลี่ยนไป อาจเรียกได้ว่าความเข้าใจก็ไม่ผิด แถมการเติบโตผ่านความสัมพันธ์ของเขากับเด็กชาวยินก็ทำได้ดี จนทำให้หนังมีความเป็น coming-of-age ที่มีคุณภาพและทรงพลังมากๆ เลยทีเดียว
ทางด้านนักแสดง ต้องยกให้น้อง Roman Griffin Davis ที่รับบทเป็น Jojo นี่แหละ ฉายแววแบบสุดๆ แสดงได้โคตรดี สีหน้าท่าทางการแสดงออกดูจริงมาก น้องเก่งจริงๆ ตามมาด้วย Taika Waititi ในบท Adolf Hitler ในจินตนาการของ Jojo ที่ขนความบ้ามาเต็มมาก ทางด้านเด็กชาวยิว Elsa ที่รับบทโดย Thomasin McKenzie ก็เล่นได้มีเสน่ห์ไม่ใช่เล่น ผู้รับบทแม่ของ Jojo อย่าง Rosie ที่แสดงโดย Scarlett Johansson ก็มีผลต่อหนังแบบสุดๆ แถมทุกฉากที่เธอออกมาก็แสดงได้ดีมากจริงๆ เอาจริงๆ เหล่าทีมนักแสดงในเรื่องนี้ไม่มีอะไรจะติเลยอะ ทุกตัวละครมีเสน่ห์ในตัวเองสูงมากๆ รู้หน้าที่ในการเล่าเรื่อง มันคือจิ๊กซอว์ที่ทำให้หนังเรื่องนี้สมบูรณ์
สรุปแล้ว Jojo the Rabbit คือหนังที่บอกเล่าเรื่องราวสะท้อนความโหดร้ายของสงครามออกมาได้ในมุมมองที่แปลกใหม่และชาญฉลาด ผ่านมุมมองของเด็ก 10 ขวบเท่านั้น เราจึงได้เห็นภาพสดใส ไร้เดียงสา แต่ก็หนักอึ้งในความตลกร้ายไปพร้อมๆ กัน แถมยังจบได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
ปล. ในตอนต้นเรื่องได้ฟังเพลง I Want To Hold Your Hand ของ The Beatles ในเวอร์ชั่นภาษาเยอรมันก็เพราะแบบแปลกๆ ดีเหมือนกัน 555+
สรุปผลวิจารณ์หนัง