Venom: Let There Be Carnage - เวน่อม 2

[รีวิว]  Venom: Let There Be Carnage - ศึกอสูรแดงเดือด
--- 7.5/10 ---
ปรสิตตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยม
เหมือนดูหนังรัก Venom และ Eddie ที่มีแอ็คชันปะทะกับ Carnage
บทยังเบาบาง แต่หนังรู้ว่าคนดูชอบอะไร ก็จัดให้ซะเลย

Venom: Let There Be Carnage (เกลียดชื่อไทยมาก ศึกอสูรแดงเดือด) เป็นภาคต่อจาก Venom ในปี 2018 ที่ในฉาก Post-Credit มันได้ปูทางแล้วว่าตัวร้ายในภาคต่อคือ Carnage หรือ Cletus Kasady เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องเดาให้ยากในภาคนี้เราจะได้เห็นการปะทะกันของ Venom และ Carnage แน่นอน

สิ่งที่น่าชื่นชมคือหนังจะรู้จุดแข็งตัวเองจากภาคแรกว่าคนชอบอะไร เคมีความเข้ากันของ Eddie Brock กับ Venom ความฮา ความเกรียน ภาคแรกบันเทิงแค่ไหน ภาคนี้ทวีความบันเทิงของสองคนนี้มากกว่าเดิม ความพ่อแง่แม่งอน คู่รักคู่กัด มีโมเม้นหวานกันทั้งเรื่อง เรียกได้ว่าพาร์ทของทั้งคู่เรียกรอยยิ้มและเสียงฮาได้แน่นอน แถมยังเพลินดีอีกต่างหาก

ถ้าใครกะจะไปดูฉากแอ็คชันเต็ม ๆ Venom ปะทะ Carnage แบบซัดกันทั้งเรื่องต้องบอกก่อนว่ามันไม่ใช่แบบนั้น เพราะเอาจริง ๆ ฉากแอ็คชันในเรื่องนี้มีแค่ไม่กี่ฉาก ฉาก Venom กับ Carnage ซัดกันมีแค่ฉากเดียว แต่ลากยาวไปเลย แบบแอ็คชันเพียวไม่มีซีนอื่นมาขัดให้เสียอารมณ์ ที่สำคัญฉากแอ็คชันภาคนี้ดูรู้เรื่องกว่าภาคแรกเยอะมาก เราจะเห็น Venom กับ Carnage เป็นตัว ๆ ซัดกันมากกว่าที่ Venom ปะทะ Riot ในภาคแรกที่ดูไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ แต่ก็เหมือนเดิมมันไม่ได้อลังการ หรือมีซีนว้าว ๆ ให้น่าจดจำ เอาจริง ๆ ฉากสู้กันมันค่อนข้างธรรมดาเสียด้วยซ้ำ

ไอ้ซีนที่ชอบคือการเปิดตัว Carnage ที่ต้องบอกเลยว่าเท่ เถื่อน น่ากลัว น่าเกรงขามมาก ซีนนี้ทำออกมาดีจริง   ชอบกว่าฉากแอ็คชันท้ายเรื่องเสียอีก 

เรียกได้ว่าหนังแบ่งสัดส่วนการดำเนินเรื่องชัดเจนมาก คือ Venom กับ Eddie ส่วนนึง,  เรื่องราวของ Carnage ส่วนนึง, Venom ปะทะ Carnage ส่วนนึง, แล้วเอามาร้อยเรียงผูกนิดนั่นหน่อยไม่ได้ซับซ้อนเข้าใจง่ายและเป็นเส้นตรงแบบสุด ๆ ทางด้านตัวบทก็เบาบางไม่ได้มีอะไรที่ลึกซึ้ง คือหนังเอาบันเทิงล้วน ๆ เลย

เหล่านักแสดงทุกคนทำหน้าที่ตัวเองได้ดีหมดเลย ไล่ไปตั้งแต่ Tom Hardy ที่เสมอต้นเสมอปลาย (เรื่องนี้เจ้าตัวร่วมเขียนบทด้วยนะ), Woody Harrelson ที่แค่มองหน้าก็ดูว่าจิตดีไม่น้อย รวมถึงตัวละครแวดล้อมอื่น ๆ ก็เป็นองค์ประกอบที่ครบถ้วนสมบูรณ์และทำให้หนังกลมกล่อมเป็นอย่างดี

สรุปแล้วในภาพรวมมันยังคงเป็นหนังที่สนุก ดูเพลิน บันเทิงเรื่องนึงเลย ยังคงเสียดายว่าหากหนังถูกทำเป็นเรท R เราอาจจะได้เห็นแอ็คชันเถื่อน ๆ หรือซีนโหด ๆ ที่อาจสามารถทำให้หนังมันลงตัวกว่านี้ได้ และแน่นอนว่ามีภาคต่อชัวร์

ปล. หนังมี Mid-Credit 1 ตัวถ้วนที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง