0 Antebellum

Antebellum

เข้าฉาย 17 กันยายน 2563
ผู้ชม : 9,116
ผู้กำกับ : Gerard Bush, Christopher Renz
ความยาวหนัง : 105.00
Text Size

หนัง Antebellum เรื่องราวของ Veronica นักเขียนชื่อดังที่พบว่าตนเองติดอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง และทำให้เธอต้องค้นหาปริศนาบางอย่างในที่แห่งนี้และเอาชนะความกลัวของตนเองให้ได้


Successful author Veronica finds herself trapped in a horrifying reality and must uncover the mind-bending mystery before it's too late.

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

30 กันยายน 2563 15:08:53

Antebellum หนังอะไรคุณหลอกดาว (อันนี้ชม)

ต้องขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า ใครที่คิดจะดูหนังเรื่องนี้อย่าลืมที่จะหลบสปอย ต่างๆ นานา ให้ไว้ที่สุด เพราะถ้าคุณรู้สปอยปุ๊ป ความเซอไพร์สในเรื่องจะหายไปทันที นี่เป็นหนังจากทีมผู้สร้าง Us กับ Get Out ที่ยังคงหยิบประเด็นเสียดสีสังคมอเมริกัน มาสอดแทรกไว้ในบริบทได้อย่างลงตัว

ตัวหนังว่าด้วย ในยุคที่คนผิวสี ยังไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียบกับคนผิวขาว ใครที่เกิดมาเป็นคนผิวสี จะต้องตกไปเป็นทาสคนผิวขาว รับใช้จนวันตาย ซึ่งอีเดน เป็นทาสรับใช้ผิวสี ที่เคยพยายามที่จะหลบหนีนายจ้างตัวเองแต่ไม่สำเร็จ ต้องยอมรับกรรมรับใช้เจ้านายคนผิวขาวอย่างไม่เต็มใจ และรอวันที่จะหาทางหลบหนีอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน ตัดภาพมา สาวมั่น(ที่หน้าตาเหมือนอีเดน) ได้ใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน นั้นเป็นผู้สร้างแรงผลักดันประเด็นสิทธิความเท่าเทียบของผู้หญิง และคนผิวสี ให้ทัดเทียบผู้ชายและคนผิวขาว ได้กำลังออกหาเสียงพร้อมลงเลือกตั้งชิงการเป็นนายกเทศมนตรีของเมือง แต่ละไรทำให้ทั้ง 2 ไทม์ไลน์นี้มาบรรจบเป็นเรื่องเดียวกัน คุณต้องไปดูจริงๆ

สำหรับเรื่องนี้ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบรองลงมาจาก Get Out โดยเฉพาะการเซอร์ไพร์ส พล็อตช่วงท้ายที่ทำเอาคนดูเหวอ กินไปเลยจริงๆ แถบยังจิกกัดประเด็นความไม่เท่าเทียมทางสังคม ของคนผิวสี ในสังคมอเมริกัน ที่ในยุคปัจจุบันยังไม่ได้จางหายไปไหน และยังคงคุกรุ่นอยู่ภายในใจหลายคน ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ที่คนผิวสีตายจากการถูกจับกุมโดยตำรวจผิวขาวนั้น ได้สร้างแรงกระตุ้นทางสั่งคมให้คนอเมริกันไม่น้อยออกมาสนับสนุน หรือต่อต้านกันอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ 8/10

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
8
การดำเนินเรื่อง
7
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
8
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
17 กันยายน 2563 02:32:51

[รีวิว] Antebellum - หลอน ย้อน โลก
--- 6.5/10 ---
ไม่ว้าวเท่าไหร่ บทก็เบากว่าที่คิด
แต่ดูไม่ยาก เล่าเรื่องได้น่าติดตาม
ที่สำคัญ อย่าดูสปอยล์มาก่อนจะหมดสนุกแน่นอน

***รีวิวนี้ ไม่สปอยล์แน่นอน***

จะว่าไปก็เขียนยากเหมือนกันนะ 5555+ ตัวอย่างก็ไม่ได้บอกอะไรเราเท่าไหร่ เขียนมากไปก็กลัวสปอยล์ เอาเป็นว่า Antebellum มีเรื่องราวเกี่ยวกับการเหยียดผิวที่นางเอกต้องเผชิญ

ถึงแม้ป้ายโปสเตอ์หรือตัวอย่างจะขายทีมสร้างจาก Get Out หรือ Us ซะใหญ่โต แต่จริงๆ ผู้เกี่ยวข้องที่เห็นๆ ก็คือผู้อำนวยการสร้างบางคน ไม่ใช่ผู้กำกับ ไม่ใช่คนเขียนบท จะหวังให้เหมือน ก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว แต่ก็มีจุดคล้ายอยู่บ้าง (อาจมีฝ่ายอื่นๆ เกี่ยวข้องอีกก็เป็นได้) แต่เนื้อเรื่องก็พูดถึงประเด็นเดียวกันอยู่แหละ อย่างที่บอกไปว่าเรื่องเกี่ยวกับการเหยียดผิว และใน Antebellum นี้เหยียดผิวแบบตรงไปตรงมาสุดๆ

การดูหนังเรื่องนี้ให้สนุก คือการรู้น้อยที่สุด ยิ่งเข้าไปแบบไม่รู้อะไรเลยยิ่งดี ตัวอย่างไม่ต้องไปดูมัน ไปลุ้นกันในหนังเลย เพราะความรู้สึกระหว่างดูหนังเรื่องนี้ แค่เปิดเรื่องมาก็เรียกความน่าสนใจเราด้วยฉาก Long take และความน่าสงสัยแบบ เอ๊ะ!? อะไรวะ? มันไม่ได้งงนะ แค่ชวนสงสัย เป็นความสงสัยแบบน่าติดตาม

หนังดำเนินไปก็มีการสับขาหลอกคนดูไป ให้เราคิดไปต่างๆ นานา ไอ้จุดนี้แหละที่มันสนุก มันตรึงให้เราอยู่กับหนังว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ 555+ แต่มันก็ไม่ถึงกับว้าวมาก ไม่ได้เซอร์ไพรส์คาดเดายาก คาดเดาไม่ได้อะไรขนาดนั้น และที่สำคัญมันไม่ได้ดูยากเลย

การแสดงของ Janelle Monáe ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเอาอยู่ในทุกๆ ฉาก ไม่ว่าจะสถานการณ์ใดก็ตาม แต่ปัญหาคือ ตัวละครแวดล้อมอื่นๆ กลับไม่น่าจดจำ และไม่มีประโยชน์อะไรสักเท่าไหร่กับหนังเลย

แต่หนังแลดูเบากว่าที่คิด ไม่มีฉากโหดๆ เลือดสาดเท่าไหร่ ถือว่าผิดคาดไปพอสมควร ความตื่นเต้น ความระทึก ความอันตราย ความกดดันของตัวละครก็ดูน้อยไป ส่วนพาร์ทดราม่าหรือปมตัวละครต่างๆ ก็ดูจะละเลยจนเกินไป หยิบมาแตะแบบเบาๆ บางๆ เท่านั้น ไม่นำมาบอกเล่าเท่าที่ควร บทบางอย่างก็ดูแบบล็อคมาก เล่นง่ายเกิน

และไอ้ความตรงไปตรงมาในการบอกเล่าเกี่ยวกับประเด็นเหยียดผิว มันดูง่ายก็จริง แต่มันเลยกลายเป็นไม่มีอะไรเลย ไม่ได้ทำให้รู้สึกกระทบกระเทือนหนักอย่างหนังเหยียดผิวเรื่องอื่นๆ หนังแค่สื่อให้เห็นว่ามันมีการเหยียดผิวเท่านั้น

ตอนท้ายเราไม่ชอบเลย มันดูหนังสูตรมาก ธรรมดา คาดเดาง่าย แล้วฉากท้ายๆ นี่ดูตลกเสียด้วยซ้ำ แทนที่จะดูอีปิก จริงๆ เราว่าหนังมันไปได้ไกลกว่านั้น

ปล. ชอบความล้อกับประโยคเปิดหนังนะ ตอนแรกอาจจะงงๆ ว่าเกี่ยวอะไร พอจบเรื่องย้อนไปนึกดูจะเข้าใจในทันที

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
4.5
การดำเนินเรื่อง
7
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
7
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
6.5
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)

หนังภาพยนตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง