Raya and the Last Dragon - รายากับมังกรตัวสุดท้าย
หนัง Raya and the Last Dragon หรือชื่อไทยว่า รายากับมังกรตัวสุดท้าย เรื่องราวเกิดขึ้นใน Kumandra ที่ดิอาณาจักรแห่งหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายโลกที่มีอารยธรรมเก่าแก่ โดยนักรบนามว่า Raya ได้ตามหามังกรตัวสุดท้ายของอาณาจักรเพื่อปกป้องอาณาจักรแห่งนี้จาก Druun
In a realm known as Kumandra, a re-imagined Earth inhabited by an ancient civilization, a warrior named Raya is determined to find the last dragon.
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
[รีวิว] Raya and the Last Dragon - รายากับมังกรตัวสุดท้าย
--- 7/10 ---
หนังอนิเมชันที่ผสมผสานความเป็นไทยและประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างลงตัว
หนังอนิเมชันเรื่องใหม่ส่งตรงจาก Disney ที่ได้คนไทยอย่างคุณฝน วีรสุนทรผู้ทำ Story Artist ให้กับ Zootopia และเบื้องหลังความสำเร็จของ Frozen มารับหน้าที่เป็น Head of Story ให้กับ Raya and the Last Dragon ที่ใครได้ดูคงจะเห็นเลยว่างานภาพองค์ประกอบต่าง ๆ อาหาร วัฒนธรรม การแต่งกาย สถานที่หรือชื่อตัวละครมีความเป็นไทยและประเภทสเพื่อนบ้านผสมผสานอยู่เต็มไปหมด
Raya and the Last Dragon บอกเล่าเรื่องราวของดินแดนที่มนุษย์และมังกรเคยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่แล้วพลังชั่วร้ายก็มาคุกคามทำให้เหล่ามังกรสละชีวิตเพื่อปกป้องมนุษย์ 500 ปี ต่อมาความชั่วร้ายก็กลับมาเยือนอีกครั้งจึงทำให้ รายา สาวน้อยต้องออกเดินทางตามหามังกรที่ยังหลงเหลืออยู่เพื่อปกป้องและพยายามรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง
อย่างแรกเลยคือตัวละครนางเอก ถึงไม่ได้ดูข่าวมาก็คงจะเดากันได้ไม่ยากว่าได้แรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครนี้มาจาก ญาญ่า อุรัสยา แบบเต็ม ๆ ความน่าสนใจของเรื่องนี้คือความเป็นไทยและประเทศเพื่อนบ้านที่ได้กล่าวไปข้างต้น มันได้ถูกผสมผสานเรื่องราวออกมาโดย Disney ชอบความที่มันผสมผสานได้กลมกล่อมไม่ยัดเยียดออกมาจนเกินไปเนี่ยแหละ
เนื้อเรื่องก็ยังคงสไตล์ความเป็น Disney เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี เนื้อหามันก็หนังสูตรสำเร็จเนี่ยแหละ แลดูธรรมดาไม่หวือหวา ไม่ว้าว คาดเดาง่าย หาทางลงง่ายไปสักหน่อย แถมมันยังดำเนินเรื่องเร็วอีกต่างหาก แต่แน่นอนว่าความเป็น Disney มันก็ยังคงไม่ลืมที่จะสอดแทรกแง่คิดอีกด้วย (แต่หาทางลงง่ายไปจริง ๆ นะ)
งานด้านภาพงดงามตามมาตรฐาน ทางด้านเพลงประกอบค่อนข้างเฉย ๆ ไม่ติดหูสักเท่าไหร่ แต่ที่ยังน่าชื่นชมคือการให้เสียงพากย์ตัวละครต่าง ๆ ดูเข้ากับแต่ละตัวละครด้วย
สรุปแล้วถ้าถามว่าเรื่องราวมันสนุกมั้ย สำหรับเราตอบตรง ๆ ว่าค่อนข้างเฉย ๆ แต่มันก็ยังให้ความบันเทิงตามแบบฉบับ Disney ที่เรียกเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม อบอุ่นและมีความน่ารักอยู่ดี ที่ชื่นชอบและน่าจะเป็นจุดเด่นที่สุดคือการผสมผสานความเป็นไทยและประเทศในอาเซียนได้อย่างกลมกล่อมลงตัวเนี่ยแหละ
สรุปผลวิจารณ์หนัง
ดีไหม ?
คือบอกตรง ๆ ว่าดูพวกคลิปโปรโมท ดูโปสเตอร์แล้วไม่ได้ชวนให้ดูขนาดนั้นสำหรับผู้ใหญ่ แต่เราก็ชอบดิสนีย์มาเรื่อย ๆ ดูบ้างไม่ดูบ้าง ไม่ได้ดูทุกเรื่อง (ล่าสุดที่ดูคืออะลาดินกับมู่หลาน) แต่ที่สนใจเรื่องนี้เพราะในที่สุดดิสนีย์ก็หยิบเอาเรื่องราวแถวๆบ้านเรามาทำเป็นหนังสักที เย่!!!! (ดีใจจริงๆ) เลยอยากรู้ว่าจะดีไหม จะดูมั่ว ๆ กลาง ๆ เพื่อให้ขายได้ทั่วโลกเหมือนตอนมู่หลานหรือเปล่า (เช่นมีเทพเจ้านกฟินิกส์แทนกิเลนแทนมังกรอะไรทำนองนี้)
เนื้อเรื่อง (ไม่สปอยล์)
แน่ล่ะ ดิสนีย์ตัวละครหลักส่วนใหญ่ต้องเป็นเจ้าหญิงของดินแดนใดสักดินแดนหนึ่ง เรื่องนี้ก็เช่นกัน รายาเป็นเจ้าหญิงแหล่ะ เมืองหลักของน้องรายาเป็นโลกอารยธรรมโบราณคล้ายๆบาหลี และในเรื่องก็จะมีชาวประเทศเพื่อนบ้านชาติอื่นๆที่ดูคล้าย ๆ ไทยนิดนึง เหมือนเวียดนาม ฟิลิปปินส์หน่อย ๆ แต่จะไม่ได้ระบุเป็นชาติใดชาติหนึ่งแบบเรื่องมู่หลานว่าเป็นชาวจีน จะเป็นชื่ออาณาจักรที่แต่งใหม่ขึ้นมา ชื่อเมืองใด ๆ จะปลอม ๆ หน่อย แต่มีกลิ่นอายอาเซียนในหนังเยอะแยะเลยแหล่ะ
ตัวคาแรกเตอร์องค์หญิงรายาจะดูเป็นนักสู้เหมือนเรย์ในสตาร์วอร์ภาคหลัง ๆ องค์หญิงรายามีภารกิจสำคัญในการกอบกู้สถานการณ์ และต้องออกผจญภัยโดยมีตัวนิ่มน่ารัก ๆ ชื่อ "ตุ๊กตุ๊ก" เป็นสัตว์เลี้ยงประจำตัว (แบบที่องค์หญิงดิสนีย์มีแทบทุกคนแหล่ะ) และระหว่างทางก็เจอเพื่อนร่วมขบวนการกอบกู้สถานการณ์เพิ่มเติมเป็นแก๊งค์ มีคุณมังกรชื่อ ซีซู ที่ดูเหมือนพญานาคถ้ามองข้าง ๆ แต่ถ้าดูข้างหน้าจะเหมือนยูนิคอร์น หน้าตาน่ารัก นิสัยก็น่ารัก และมีเพื่อนร่วมทางน่าเอ็นดูอีกหลายคนเลย ชื่อน้อย ชื่อบุญ ชื่อทอง (ชื่อมาอย่างไทยและลาวเลยอ่ะ ชอบ ๆ) จบการรีวิวเนื้อเรื่องคร่าวๆแค่นี้แหล่ะ ไปดูเอาเอง ก็สไตล์ดิสนีย์อ่ะ ส่วนตอนสรุปจังหวะดีมาก มีขนลุกน้ำตาซึม ๆ ซาบซึ้งกันไป นับว่าทำได้ดีมากในสไตล์ดิสนีย์
งานสร้าง
อันนี้คือทึ่งมากบอกเลย เอาเรื่องการศึกษาวัฒนธรรมเชิงลึกที่ไม่ได้ลึกมากก่อน ชื่นชมในฐานะค่ายหนังตะวันตกที่พยายามเข้าอกเข้าใจวัฒนธรรมอาเซียน มีหลาย ๆ อย่างดูเป็นอาเซียนเชิงดีเทลดี มีผลไม้บ้านเราในหนังเยอะมาก ทุเรียน มังคุด ลำไย แก้วมังกร ขนมหวานอย่างหรุ่ม ข้าวเหนียวมะม่วง อาหารอย่างแกงที่ดูเหมือนต้มยำกุ้ง ปอเปี๊ยะเวียดนาม ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ลามไปถึงการแต่งกายที่ดูเหมือนฟิลิปปินส์ อินโดฯ ไทยผสมๆกัน แปลกๆดี บางอย่างก็แอบดูเหมือนเครื่องประดับที่เอาไว้ขายนักท่องเที่ยวตามจตุจักรด้วย พวกที่เป็นเหรียญๆมีพู่ยาว ๆ หรือเบาะนั่งที่เหมือนพวกของฝากนักท่องเที่ยวก็มีในฉาก (ตลกดี นี่ถ้ามีกางเกงชาวเลลายช้างในเรื่องด้วยนี่ฮาเลย) ฉากหลาย ๆ ฉากก็ดูเหมือนบาหลีบ้าง ตลาดน้ำดำเนินสะดวก อัมพวา ลุ่มแม่น้ำโขง ป่าโกงกางอะไรทำนองนี้ ยันไปถึงวังที่ดูคล้ายๆวัดเบญฯผสม ๆ วัดสไตล์ไทย ๆ ดูสวยงามดี คือทุกอย่างจะดูผสม ๆ กันนัว ๆ หน่อย ไม่ได้ถูกต้องเรื่องวัฒนธรรมชาติใดชาติหนึ่งมาก ก็เข้าใจว่าต้องขายทั่วโลก (ขนาดพญานาคยังหน้าเหมือนยูนิคอร์นเลย) เลยไม่ได้โฟกัสเรื่องความถูกต้องในการถ่ายทอดวัฒนธรรมมากนัก (บางทีขนาดหนังฝรั่งเองยังถ่ายทอดกันผิด ๆ เลย พวกหนังอารยธรรมอียิปต์ หรือเอาแค่ไททานิกยังมีหลายอย่างผิดเลย ไปหาดูเอาได้)
เรื่องงานอนิเมชั่นไม่พูดถึงไม่ได้เลย สวยงามอลังการมาก แล้วยิ่งนำเสนอศิลปะแบบเอเชียอาคเนย์ด้วยแล้วยิ่งสวยงามอลังการเข้าไปใหญ่ ดูตระการตาดี งานภาพ มุมกล้องออกแบบมาลงตัวสวยงามเพลิดเพลิน ตอนแอคชั่นก็เท่มาก ๆ สนุกเร้าใจผสมความบันเทิงสลับกันไปแทบตลอดเรื่อง งานเพลงก็โดดเด่นเช่นกัน คือไม่ได้มีเพลงจ๋าอะไรแบบ Frozen หรือ Aladin แต่เพลงในเรื่องช่วยเสริมอารณ์ในแต่ละซีนได้ดีมาก ๆ
ถ้าซีเรียสอยากดูเงียบ ๆ แนะนำให้ดูช่วงเวลางานวันธรรมดา ถ้าช่วงเย็นและเสาร์อาทิตย์ก็จะมีน้อง ๆ ร่วมแรงร่วมใจเชียร์รายาด้วยกับเรา (ก็น่ารักและไม่เหงาดีนะ) ดูแล้วประทับใจ ระดับอยากดูอีกรอบเลยล่ะ คุ้มค่าตั๋วแน่ ๆ ต้นเรื่องมีหนังสั้นดิสนีย์ด้วย แค่ดูเรื่องนั้นก็คุ้มแล้ว
- เด็กเดินตั๋ว -
Raya And The Last Dragon หนังอาเซี่ยนร่วมใจ โดยดิสนีย์
หลังจากที่ดิสนีย์พาคนดูไปเที่ยวเมืองจีนใน "มู่หลาน" พาออกผจญภัยตามหมู่เกาะไปกับ "โมอาน่า" นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยที่ดิสนีย์ได้หยิบเอาวัฒนะธรรมทางโซน SEA เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาสร้างเรื่องราวขึ้นสู่จอใหญ่ให้ได้ชมกันในรูปแบบแอนิเมชั่น ถ้าถามว่าทำไมถึงต้องเอาวัฒนธรรม โดยรวมของโซนนี้มาใช้ อาจจะเพราะเรื่องราวในเรื่องนี้นั้น มีการแบ่งเป็นเผ่าต่าง ๆ ซึ่งทำให้สามารถสอดแทรกความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศเข้าไปเป็นจุดเด่นในแต่ละเผ่าได้อย่างลงตัวนั้นเอง
เนื้อเรื่องว่าด้วย อาณาจักรคูมันตรา ที่เคยมีผู้คนอาศัยอยู่กันอย่างกลมเกลียว จนดรูน ปีศาจร้ายได้เข้ามากล้ำกลายอาณาจักร ทำให้หลาย ๆ คนกลายเป็นหิน และแตกคอกัน รวมไปถึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เหล่ามังกร สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนนี้สูญพันธ์กันเลยทีเดียว เรื่องราวที่ว่าเลวร้ายแล้วนั้น หลายร้อยปีต่อมา เพื่อพ่อของรายา (ราชาของเผ่าหัวใจ) ได้เริ่มทำการสานสัมพันธ์ทุกเผ่าเข้าด้วยกันด้วยการเชิญมาร่วมงานเลี้ยง แต่แล้วก็ได้ทำให้เกิดการแย่งชิงมณีมังกร ซึ่งเป็นลูกแก้ววิเศษที่ทำให้สามารถปกป้องจาก ดรูน ปีศาร้ายได้ ได้ถูกทำให้แตกกระจายเป็นกลายส่วน และชิ้นส่วนถูกนำไปใช้ปกป้องตามแต่ละเผ่า จนแล้วจนรอด รายา ลูกสาวของผู้ครองเผ่าหัวใจ ต้องทำการตามหามังกรตัวสุดท้าย รวบรวมชิ้นส่วนมณีมังกรให้ครบเพื่อที่จะได้นำคนที่รักกลับมาได้
จะว่าไปแล้วงานดีไซน์ส่วนใหญ่ในเรื่อง ค่อนข้างที่จะมีแบบอ้างอิงจากวัฒนธรรมไทยเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นการหยิบเอามาดัดแปลงและลดทอนให้ดูเป็นสากลขึ้นไม่ได้ไทยจ๋า ๆ แบบแอนิเมชั่นของไทยหลายๆเรื่อง ในส่วนงานดีไซน์นี้ถือว่าทำออกมาได้น่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก ใครจะไปคิดว่าวันหนึงจะได้เห็นวัฒนธรรมไทยถูกถ่ายทอดออกมาโดยทีมงานจากสตูดิโอฮอลลีวูด ผสมผสานกับความแฟนตาซีของเรื่องราวทั้งหมดช่างลงตัว ไม่อยากให้คุณพลาดชมในโรงภาพยนตร์จริงๆ 8/10
สรุปผลวิจารณ์หนัง