0 %E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%A7+-+Raew-Talu-Raew

เร็วทะลุเร็ว - Raew-Talu-Raew

เข้าฉาย 13 พฤศจิกายน 2557
ผู้ชม : 4,280
ผู้กำกับ : พันนา ฤทธิไกร
ความยาวหนัง : ไม่ระบุ
Text Size

“เร็วทะลุเร็ว” ผลงานหนังแอ็คชั่นสุดระห่ำเที่ยวล่าสุดของสุดยอดปรมาจารย์คิวบู๊อันดับหนึ่งของเมืองไทย “พันนา ฤทธิไกร” ที่ขอกลับมาสร้างผลงานในสไตล์ถนัดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกครั้ง หลังจากว่างเว้นจากผลงานเรื่องล่าสุดอย่าง “โคตรสู้ โคตรโส” โดยการกลับมาในครั้งนี้ของพันนา เขาก็ขอสร้างปรากฏการณ์ความยิ่งใหญ่ครั้งสำคัญให้คอหนังแอ็คชั่นจารึกไว้ใน ความทรงจำ กับเรื่องราววิถีชีวิตมือปืนที่เต็มไปด้วยแง่มุมของความรัก มิตรภาพของพี่น้อง การแก้แค้นที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน ซึ่ง พันนา ฤทธิไกร พูดถึงจุดเริ่มต้นของ “เร็วทะลุเร็ว” ว่า

“มันเริ่มมาจากการที่อยากเปลี่ยนภาพหนัง และวิธีการนำเสนอแบบใหม่ๆ ปกติจะมีการคิดฉากแอ๊คชั่นก่อน แล้วค่อยใส่เรื่องราวเข้าไป มา ในเรื่องเร็วทะลุเร็วผมอยากทำหนังที่สตอรี่กับฉากแอ็คชั่นเดินไปด้วยกัน ซึ่งเราก็ได้ปรึกษาคุณปรัชญา (ปรัชญา ปิ่นแก้ว) ถึงเรื่องมุมมองและจังหวะของเรื่องราว ซึ่งมีตัวละครแบบหนึ่งที่ผมอยากทำเป็นหนังอยากเอามาเป็นตัวพระเอกบ้าง ก็คือตัวละครที่เป็นมือปืน เป็นนักฆ่า เลยนึกไปถึงหนังในดวงใจของผมคือเรื่อง “มือปืน” ของ ท่านมุ้ย คือบอกไว้ก่อนว่าคงไม่อาจเอื้อมทำให้ได้แบบท่านนะ แต่ชอบคาแรกเตอร์ของมือปืนที่พี่เอก สรพงษ์เล่นไว้ เหมือนที่ตัวเอกของเร็วทะลุเร็วที่เดี่ยวเล่น การที่ชีวิตหันเหมาเป็นมือปืนเพราะพ่อแม่โดนฆ่า คือ มันเป็นจุดเชื่อมต่อของดราม่ากับแอ็คชั่น เพราะถ้าตรงนี้ไม่มีพลังไม่มีแรงขับพอ พาร์ทของแอ็คชั่นก็ไม่น่าเชื่อ ไม่ใช่มาถึงก็ต่อยๆ กัน แต่หนังต้องมีความรู้สึกจากข้างใน แล้วขับไปเป็นพลังให้เกิดฉากต่อสู้เสี่ยงตายต่างๆ ได้”

       กับที่มาของชื่อ “เร็วทะลุเร็ว” ซึ่ง หลายคนอาจอยากรู้ถึงที่มาที่ไปของชื่อนี้ ที่ผู้กำกับพันนาตั้งใจสื่อความหมายให้ออกมาตรงกับคอนเซปต์ของการต่อสู้รวม ไปถึงฉากเสี่ยงตายที่จะออกสู่สายตาทุกคู่ให้ได้ตะลึงจนแทบหยุดหายใจอีกครั้ง

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

17 พฤศจิกายน 2557 22:52:51

เร็วทะลุเร็ว (2014)

พันนา ฤทธิไกร

พันนา ฤทธิไกร อาจไม่ใช่คนทำหนังที่เล่าเรื่องเก่ง ตลอดทั้งเรื่องมันพรุนไปด้วยข้อบกพร่อง ทั้งที่เราไม่ได้คาดหวังอะไรกับมิติของบท การกำกับการแสดง แต่แม้กระทั่งสิ่งที่ดีอันเป็นจุดแข็งที่สุดของหนังอย่างคิวแอคชั่นก็ยังผสมผสานกันทั้งสิ่งที่ยอดเยี่ยมและหลายอย่างที่ไม่เข้าท่า มันเหมือนเป็นหนังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยpassion ของความเป็นแอคชันคลาสสิค เต็มไปด้วยโมเมนต์ที่ดี ขณะเดียวกันก็ประดักประเดิดขาดเป็นวิ่นๆ ไม่สามารถกลมกลืนลงตัวได้ในแบบคนทำหนังที่เล่าเรื่องเก่ง แต่ก็เป็นหนังที่เต็มไปด้วยรสชาติแอคชันไทยคลาสสิคอย่างที่ใครก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

คิวบู๊ในหนังทะเยอทะยานเกินงบประมาณไปไกลมาก แต่สิ่งที่พันนาเลือกคือการชักดาบสองคมดันไปให้สุดจนสุดทาง การจะพารถไฟไทยเหิรฟ้าไปชนคอปเตอร์แลกมาด้วยซีจีห่วยบรม เป็นการตัดสินใจที่บ้าและกล้าดีในยุคที่คนไทยมีมารตฐานซีจีระดับฮอลลีวู้ดโอนลี่เป็นพื้นยืนไปแล้ว

นอกจากซีจีที่ดูจะเป็นปัญหาไม่น้อยสำหรับคนส่วนใหญ่ที่คงส่ายหัวไม่รับ ซาวด์เอฟเฟกในคิวบู๊ก็ดูจะเป็นอะไรที่น่ารำคาญไม่น้อย การใส่ซาวด์เอฟเฟกหลายๆ ครั้งที่ไม่เมกเซนส์และดูจะพร่ำเพรื่อไปหน่อย เป็นมุขที่โพสต์โปรดักชั่นของสหมงคลฟิล์มไม่ได้พัฒนาขึ้นมาจากยุคองค์บากเท่าไหร่เลย

แต่ในฐานะที่หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องสุดท้ายของตำนานผู้กำกับ/ผู้ออกแบบคิวบู๊ไทยอย่าง พันนา ฤทธิไกร สิ่งที่สัมผัสได้เต็มๆ จากหนังคืออรรถรสความเป็นหนังแอคชั่นแบบไทยคลาสสิคที่หลังจากนี้ไปเราคงไม่มีโอกาสได้เห็นง่ายๆ อีกแล้ว แม้มันจะเป็นหนังที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่อง แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังความทะเยอทะยานและพลังความหลงใหลในแอคชั่นล้นปรี่จริงๆ และไม่มากไม่น้อยสำหรับคนดูที่เกิดทันยุคทองของฉลอง ภักดีวิจิตร ไล่เรียงมาจนถึงยุคแจ้งเกิดหนังแอคชั่นไทยในระดับโลกอย่างองค์บาก ส่วนผสม รสชาติ บรรยากาศที่เราเคยคุ้นเคยเหล่านั้นมีกลิ่นเจือปนอยู่ในผลงานกำกับสุดท้ายของผู้กำกับคอแอคชั่นขนานแท้เรื่องนี้ไม่มากก็น้อย

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
4
การดำเนินเรื่อง
6
ดนตรีประกอบ
6
ฝีมือนักแสดง
6
กราฟฟิก
4
คะแนนเฉลี่ย
5.2
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
15 พฤศจิกายน 2557 21:44:02
เร็วทะลุเร็ว (พันนา ฤทธิไกร / Thailand / 2014)
 
ถ้านับแค่งานกำกับหนังของ พันนา ฤทธิไกร นี่ชอบ เกิดมาลุย มากนะ ชอบที่มันดูสนุกแล้วมันก็ไม่ได้ใหญ่เกินตัว(คนทำและตัวละคร)มากมาย แล้วหนังแอคชั่นไทยยุคหลังๆที่ชอบและสนุกด้วยจริงๆ ก็เป็น องค์บาก ฅนไฟบิน ช็อกโกแลต หมาแก่อันตราย จีจ้าดื้อสวยดุ(ที่งานภาพกับแอคชั่นพาเพลินดีแต่เสียดายที่บทมันคลิเชเกินตัว) เทือกนั้น
 
***สปอยล์***
แต่ทำไมหนังแอคชั่นไทยหลังๆ มานี้ต้องเน้นความเหนือจริงตลอดเลยทั้งๆ ที่ทั้งเงินทั้งฝีมือโดยเฉพาะบทหนังมันยังดีไม่ถึง หลักๆ คือมันไม่ไหลลื่น ซ้ำซาก และอ่อนความเป็นเหตุเป็นผลของการเป็นไปและการมีอยู่ของแต่ละฉากมากๆ
 
ในหนังเรื่องนี้ก็อย่างเช่น ฉากแรกเปิดมาเป็น Sport Action แย่งฟุตบอลไล่ตีกันมีถ่านติดไฟมีน้ำมันไฟลุก แต่ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นฉากฝัน แล้ว เดี่ยว-ชูพงษ์ ที่ดูเหมือนจะเป็นตัวร้ายในฉากฝันก็ไม่ได้นำพาความสงสัยเชื่อมโยงไปสู่อะไร /
ถ้าจะปิดบังซ่อนเรื่องพ่อแม่เป็นสายสืบตำรวจไว้เป็นความลับทำไมไม่เอาวิดีโอฝึกซ้อมต่อสู้ไปเผาทิ้งล่ะคร้าบบบบบ..ไม่ก็เก็บไว้ลับๆกว่านี้ก็ได้..แล้วลูกมันก็เก่งเกิ๊นในวิดีโอฝึกกันง่องแง่งแมลงเม่ามากๆ แต่วิทยายุทธมึงเก่งเอาง่ายเชียว / โดนยิงจะตายแล้วก็ยังพากลับมาเศร้ากันที่บ้านอีกเมื่อกี้เพิ่งได้ข่าวว่าทั้งรถไฟรถจี๊ปรวมทั้งเฮลิค็อปเตอร์มันก็ระเบิดทิ้งกันไปหมดแล้วนี่ / นางเอกจะใส่ชุดรำไทยวิ่งหนีคนร้ายให้รุ่มร่ามทำไมหาาาาาาถอดสิถอด...เป็นทูตวัฒนธรรมเหรอออออออ แล้วพอเปลี่ยนชุดก็ใส่สั้นเสมอเลยนะ..ซึ่งอันนี้ดีๆ / วิทยาการแพทย์หมอจีนมันล้ำขนาดนั้นเลยเหรอ..โดนเหล็กเสียบท้องทะลุหลังปางตายขนาดนั้น ฯลฯ
 
แต่ยังดีที่ทุกอย่างมันยังถูไถไปได้เพราะท่าทีเหนือจริงของมันทำให้แผลที่เหวอะหวะอยู่ทุกองค์ประกอบทั้งเรื่องกลายเป็นสิ่งบันเทิงทดแทนความดีของหนังสำหรับเรา คือหนังแอคชั่นก็แอคชั่นไม่ได้มีทีท่าจะมาระลึกบุญบาปถูกผิดอะไรกันให้เห็น มันเกินตัวกับความพยายามเจ๋งด้วยฉากแอคชั่นลองเทคกับCGIหวือหวาลอยๆ ก็จริง แต่ความเว่อร์นี่แหละที่ทำให้หนังเรื่องนี้มันสนุกขึ้นมาได้บ้างกับฉากรถไฟ+เฮลิคอปเตอร์ตูมตามที่คนดูขำขันขึ้นพร้อมกันทั้งโรง...มันสนุกสนานแต่ก็อดที่จะเศร้าใจไปพร้อมๆ กันไม่ได้
 
ผิดที่เราหรือเปล่าที่สองสามวันก่อนเพิ่งดู The Raid 2 ไป...
 
ยังทำท่าจะมีภาค2 ต่ออีกแหนะ
 
R.I.P พันนา ฤทธิไกร

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
6
การดำเนินเรื่อง
6.5
ดนตรีประกอบ
6.5
ฝีมือนักแสดง
7
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
6.6
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)