0 Onward+-+%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%8B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A8%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C

Onward - คู่ซ่าล่ามนต์มหัศจรรย์

เข้าฉาย 5 มีนาคม 2563
ผู้ชม : 13,410
ผู้กำกับ : Dan Scanlon
ความยาวหนัง : 105.00
Text Size

หนัง Onward หรือชื่อไทยว่า คู่ซ่าล่ามนต์มหัศจรรย์ เรื่องราวโลกเวทมนต์ กับเอลฟ์สองพี่น้องที่ได้รับของจากพ่อที่หายสาบสูญไป และของขวัญชิ้นนั้นสามารถทำให้พ่อกลับมาได้ แต่ทั้งคู่กลับนำพ่อกลับมาได้แค่ครึ่งล่างเท่านั้น ทำให้พวกเขาต้องออกเดินทางตามหาเวทมนตร์วิเศษที่หลงเหลืออยู่ภายใน 24 ชม. กับการผจญภัยที่เต็มไปด้วยความแฟนตาซี 


Set in a suburban fantasy world, Onward introduces two teenage elf brothers who embark on an extraordinary quest to discover if there is still a little magic left out there. Pixar Animation Studios all-new original feature film is directed by Dan Scanlon and produced by Kori Raethe team behind Monsters University. Onward releases in theaters on March 6, 2020.

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

9 มีนาคม 2563 01:18:54

[รีวิว] Onward - คู่ซ่าล่ามนต์มหัศจรรย์
--- 7.5/10 ---
หนังอนิเมชั่นผจญภัยแนว Road Trip ที่ดูง่าย ดูได้ทุกเพศทุกวัย
แฝงประเด็นความสัมพันธ์ครอบครัว ซึ้งๆ ตามสไตล์ Pixar
ดูธรรมดาๆ แต่เป็นความธรรมดาที่เพลิดเพลินดี

Onward - คู่ซ่าล่ามนต์มหัศจรรย์เป็นเรื่องราวที่ถูกเซ็ตขึ้นมาใหม่ด้วยความแฟนตาซี เป็นโลกที่มีหลายเผ่าพันธุ์รวมกัน (ยกเว้นมนุษย์) โลกที่เต็มไปด้วยสัตว์ในจินตนาการ เซนทอร์ ยูนิคอร์น เอลฟ์ และอื่นๆ อีกมากมาย แถมยังมีเวทมนต์ด้วย แต่นับวันโลกใบนี้ก็ประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ขึ้นมาจนเวทมนต์เลือนหายไป แต่แล้วครอบครัวเอลฟ์ครอบครัวหนึ่งก็ได้รับมรดกตกทอดมาจากผู้เป็นพ่อที่เสียไปแล้ว คือไม้กายสิทธิ์และมนต์คาถาที่สามารถเสกให้พ่อของพวกเขากลับมาได้แต่มีข้อแม้คืออยู่ได้แค่ 1 วัน แต่มันเกิดข้อผิดพลาดทำให้ตัวพ่อกลับมาได้แค่ครึ่งล่างเท่านั้น ทำให้สองพี่น้องครอบครัวเอลฟ์ต้องออกเดินทาง ผจญภัย ตามหาเวทมนต์ที่ยังเหลืออยู่เพื่อนำพ่อเขากลับมาให้ทันเวลา

นี่คือหนังอนิเมชั่นเรื่องใหม่จาก Pixar ที่ได้ดาราชั้นนำคู่หูคู่กัดแห่ง MCU มาให้เสียงพากย์ อย่าง Chris Pratt และ Tom Holland ซึ่งเอาเข้าจริงๆ มันดีเลยนะกับการพากย์ของสองคนนี้ เพราะมันดูเข้ากั๊นเข้ากัน นอกจอสองคนนี้ก็สนิทกันมากๆ อยู่แล้ว พอมาพากย์ร่วมกันมันเลยดูเชื่อจริงๆ ว่าสองคนนี้รักกัน เหมือนเป็นพี่น้องกัน การแสดงอารมณ์ทางเสียงทำได้ดีจริงๆ คือดูไปดูมานึกภาพของสองคนนั้นออกเลย เป็นภาพมาซ้อนทับตัวละครเลยทีเดียว เอาจริงๆ ตัวละครที่ Tom Holland พากย์เสียงหน้าก็แอบเหมือนเจ้าตัวอยู่นะ 555

ทางด้านเนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรมาก ค่อนข้างจะธรรมดาเสียด้วยซ้ำ เป็นเส้นตรงเลยแหละ เป็นหนังอนิเมชั่นแนว Road Trip ผจญภัยทำภารกิจนำพ่อกลับมา ที่ไม่ได้ตลกหรือฮาท้องแข็งอะไรขนาดนั้น แต่มันมีความเรื่อยๆ เพลินๆ ก็สนุกนะ ไม่น่าเบื่อดีเหมือนกัน 

แน่นอนว่าความเป็น Pixar พยายามเล่นเราอีกแล้ว กับประเด็นครอบครัวที่เราคาดไม่ถึงเหมือนกันแหะ อาจจะไม่ได้หนักหน่วงร้องไห้ฟูมฟายขนาดนั้น แต่ก็ซึ้งไม่ใช่เล่น

แอบเสียดายโลกใบนี้เหมือนกัน เราได้เห็นหนังอนิเมชั่นเรื่องนี้เซ็ตโลกขึ้นมาใหม่ ที่แบบก็โอเคนะ เหมือนแบบโลกมนุษย์นี่แหละ แต่หลายๆ อย่างในนั้นเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นเหล่าสัตว์ในเทพนิยายอะไรทำนองนั้น แต่เราเห็นความซ้อนทับโลกน้อยไปหน่อย จะบอกยังไงดีอะ อย่าง Zootopia เราชอบมากเลย ที่มันมีการนำเอาเหล่าสัตว์เป็นโลกของเหล่าสัตว์ที่เหมืนอโลกมนุษย์และเราได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างในโลกใบนั้นว่าถ้าแบบไม่ใช่มนุษย์มันจะเป็นยังไง ใน Onward ก็มีนะ เพียงแต่ว่าเราเห็นโลกใบนั้นน้อยไปหน่อยแค่นั้นเอง 

สรุปแล้ว Onward - คู่ซ่าล่ามนต์มหัศจรรย์ เป็นหนังอนิเมชั่นที่เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี เนื้อเรื่องธรรมดาๆ แต่ก็ไม่น่าเบื่อ ดูได้เพลิดเพลินและสนุกอยู่เหมือนกัน 

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
7
การดำเนินเรื่อง
7
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
8.5
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
7.5
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
5 มีนาคม 2563 15:06:05

Onward อนิเมชั่นสไตล์ใหม่ของพิกซาร์

จะว่าไปในบรรดาหนังหลายๆ เรื่องของ Pixar Animation Studio แทบจะไม่มีเรื่องไหนมีเนื้อเรื่องสไตล์โลกเทพนิยาย แฟนตาซีแบบเต็มๆ เลย ดูเหมือนว่าทางค่ายเองก็น่าจะรู้จุดของตัวเองว่ายังไม่ค่อยถนัดในการสร้างหนังแนวๆ นี้ซักเท่าไหร่ จนมาถึงปีนี้ Pixar ขอออกจาก Comfort Zone อีกครั้ง ด้วยการสร้าง Onward แอนิเมชั่นที่เล่าเรื่องราวเดียวกับตัวละครในเทพนิยายแบบ 100% 

เรื่องราวในหนังนั้นจะว่าด้วย ดินแดนเทพนิยาย ที่สิ่งมีชีวิตในตำนานต่างๆ ได้มาอาศัยอยู่รวมกัน โดยที่สมัยก่อนดินแดนนี้เต็มไปด้วยเวทย์มนตร์ เพราะการดำเนินชีวิตยุคก่อนนั้นค่อนข้างลำบาก เพราะไม่ได้มีเครื่องมือที่ทันสมัย แบบโลกมนุษย์ จึงต้องพึ่งพาเวทย์มนตร์จากพ่อมดแทบจะตลอดเวย์ กลับกันพอมาถึงยุคนี้มีการคิดค้นไฟฟ้า หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และมันได้เข้ามามีบทบาทในโลกเทพนิยายนี้มากมาย ทำให้ทุกๆคนในโลกนี้ค่อยๆเลิกที่จะพึ่งพาเวทย์มนตร์น้อยลงไป และในที่สุดก็ถูกลืมเลือนไป จนกระทั่ง เอียนและบาร์ลีย์ สองพี่น้องเอล์ฟ ได้รับของขวัญที่พ่อของเขาทิ้งไว้ให้ก่อนเสียชีวิต ซึ่งมันคือไม้เท้าผู้วิเศษพร้อมทั้งมณีฟีนิกซ์และคถาที่สามารถเรียกให้พ่อของเขากลับมามีชีวิตได้ 1 วันเต็มๆ ด้วยความที่ทั้งคู่ยังเป็นมือใหม่ในด้านนี้ การร่ายคถาครั้งแรกนั้นส่งผลให้พ่อขอเขากลับมาแค่ครึ่งล่าง ทำให้ทั้งคู่ต้องออกตามหามณีฟีนิกซ์ในตำนานก้อนใหม่ ร่ายมนตร์ต่อให้ครบ เพื่อที่พ่อของเขาจะได้กลับมาแบบเต็มๆตัวซักที แต่ทั้งคู่ก็ต้องรีบหน่อยเพราะครึ่งล่างของพ่อเขาจะอยู่ได้ถึงอาทิตย์ตกดินในวันพรุ่งนี้ 

ว่ากันตามตรงแล้ว พล๊อตเรื่องนี้มีความฉีกแนวสไตล์ที่ Pixar ชอบทำเอามากๆ โดยเฉพาะการเดินเรื่องในช่วงแรกๆ ของหนัง ส่วนตัวผมเองค่อนข้างจะรำคาญการเดินเรื่องในช่วงแรกด้วยซ้ำไป แต่พอยิ่งดูไปเรื่อยๆ จิ๊กซอว์ที่ผู้สร้างพยายามที่จะปูเรื่องมาตั้งแต่ตอนต้น จะถูกกลับนำมาใช้เป็น Point หลักที่สามารถ Impact คนดูได้อยู่หมัดจริงๆ ทำเอาผมน้ำตาซึมเลยกับช่วงท้ายๆ แต่จะว่าไปแล้วซีนอารมณ์ในเรื่องนี้มันก็ยังไม่ได้กินใจเท่ากับเรื่อง Inside Out / Coco โดยรวมก็ยังถือว่าดีงามตามมาตรฐาน Pixar เรียกได้ว่าไปดูเลยไม่เสียดายตังแน่นอน! 8/10

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
7
การดำเนินเรื่อง
7
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
10
คะแนนเฉลี่ย
8
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)