Stand by Me Doraemon - โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป
ครั้งแรกของ โดราเอมอน ในรูปแบบอนิเมชั่นเต็มรูปแบบทั้งระบบปกติและสามมิติ ผลงานโดย ทาคาชิ ยามาซากิ ผู้กํากับที่เคยสร้างความประทับใจให้กับคนดูมาแล้วกับ Always ทั้งสามภาค ที่ครั้งนี้จะมาถ่ายทอดเรื่องราวจากวันแรกถึงวันลาของตัวละครที่ทั้งโลกตกหลุมรัก! เรื่องราวใน Stand by Me: Doraemon เป็นการหยิบเอา 4 ตอนที่ประทับใจที่สุดในตลอด 45 ปีนับตั้งแต่การถือกําเนิดของโดราเอมอน โดยเริ่มจากตอนแรกที่โดราเอมอนเดินทางมาช่วยเด็กผู้ชายขี้แยอย่าง โนบิตะ ด้วยของวิเศษต่างๆจากโลกอนาคต ตอนที่โนบิตะต้องไปผจญภัยในดินแดนหิมะเพื่อช่วย ชิซุกะ ซึ่งนําไปสู่ตอนที่โนบิตะกําลังจะแต่งงานกับสาวที่เขารัก จนไปถึงตอนสุดท้ายที่โดราเอมอนต้องลาจากโนบิตะเพื่อกลับโลกอนาคต
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
Stand by Me เพื่อนกันตลอดไป...
หลังจากเดินปาดน้ำตา ใบหน้าอมยิ้มออกมาจากโรง ค้นพบว่า ”โดราเอม่อน เพื่อนกันตลอดไป” ได้พาเรานั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปในช่วงวัยเด็กของเราโดยสมบูรณ์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ทำหน้าที่เล่าเรื่องของโดราเอม่อนและโนบิตะจบสมบูรณ์ในภาพยนตร์ นอกเหนือจากนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ทำหน้าที่นำพาเราไประลึกถึงความทรงจำในวัยเยาว์อันแสนน่าประทับใจและอบอุ่น ความสัมพันธ์ระหว่างโดราเอม่อนกับความทรงจำต่างๆของเราในวัยเด็กถูกดึงขึ้นมาให้ชื่นชมอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการดูการ์ตูนช่องเก้าวันเสาร์อาทิตย์ตอนเช้า การซื้อหนังสือการ์ตูนอ่านหน้าโรงเรียน ซึ่งนำพาไปสู่ความทรงจำอื่นๆในสมัยประถมอีกมากมาย อารมณ์ของภาพยนตร์ยังคงอิ่มเอมและทำหน้าที่นำพาเรากลับไปสู่ช่วงเวลาดีๆในชีวิตอีกครั้ง เสมือนของวิเศษที่โดราเอม่อนได้หยิบยื่นมาให้เรา...
ทันทีที่รู้ว่าจะมาการสร้างภาพยนตร์ “บทสรุปตอนจบ” ของการ์ตูนโดราเอม่อนในรูปแบบอนิเมชั่น ทำให้แทบอยากตีตั๋วเข้าไปดูทันทีอย่างไม่ต้องลังเลใดๆ แล้วยิ่งได้ผู้กำกับอย่าง ทาคาชิ ยามาซากิ ที่ฝากผลงานน่าประทับใจอย่าง Always : Sunset in the third street ทั้งสามภาคมาเป็นผู้กำกับด้วยแล้วยิ่งทำให้โดราเอม่อนเวอร์ชั่นภาพยนตร์อนิเมชั่นเป็นอะไรที่น่าดูเป็นอย่างมาก
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการรวมเอาตอนไฮไลท์ที่เกี่ยวกับเส้นชีวิตของโนบิตะตั้งแต่เริ่มเจอโดราเอม่อน จนถึงอนาคตในภายภาคหน้ามาขมวดรวมเป็นเรื่องเดียวกันโดยใช้หลายๆเหตุการณ์และหลายๆของวิเศษเป็นตัวเชื่อมโยงไว้เป็นเรื่องเดียวกัน และมีการยำของวิเศษที่เป็นไฮไลท์ไว้ให้ได้หายคิดถึงอีกด้วย
ส่วนคาแรกเตอร์ของโดราเอม่อน โนบิตะและเพื่อนๆก็ออกแบบมาเสมือนลายเส้นของฟูจิโอะ (เจ้าของการ์ตูนเรื่องนี้) เป็นอย่างมากแม้จะออกแบบมาเป็น3D แต่ลายเส้นก็ยังคงเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างน่าชื่นชม รวมไปถึงฉากห้องนอนโนบิตะ บ้านโนบิตะ สนามเด็กเล่น(ที่มีท่อปูนเรียงกันสามอัน) โรงเรียน ห้องเรียน ทำออกมาได้เหมือนในการ์ตูนมาก อะไรหลายๆอย่างที่เป็นซิกเนเจอร์ของหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้ก็อยู่ครบแทบทำให้คิดถึงหนังสือการ์ตูนกันเลยทีเดียว (ขนาดฉากชิซูกะอาบน้ำยังมีเลย)
การดำเนินเนื้อเรื่องเป็นไปอย่างละเมียดละไม และอบอุ่นตามสไตล์ของผู้กำกับ แทบจะทำให้รู้สึกเห็นใจและรับรู้อารมณ์โดดเดี่ยวของการเป็นลูกคนเดียวของโนบิตะที่มีโดราเอม่อนเป็นเสมือนพี่ชายที่แสนดีและอบอุ่น และการลาจากกันระหว่างโนบิตะและโดราเอม่อนมันทำให้เศร้าและสะเทือนใจมากๆ ระหว่างดูก็เอาใจช่วยโนบิตะอยู่เสมอ เสมือนน้องชายที่ต้องต่อสู้กับชีวิตลำพัง ทำให้เรามีอารมณ์ร่วมและแทบจะไปอยู่ในหนังเลยทีเดียว จังหวะของเส้นเรื่องตั้งแต่เพลิดเพลินจนเนื้อเรื่องหนักหน่วง ทาคาชิสามารถนำพาเราไปสู่แต่ละห้วงอารมณ์ได้อย่างแนบเนียนและนุ่มละมุน
การได้ดูโดราเอม่อนภาคนี้นำพาช่วงเวลาดีๆมาสู่ผู้ชมทุกท่านไม่ว่าขณะดูอยู่หรือออกมาจากโรงแล้ว หรือพาเราไปสู่ห้วงเวลาดีๆในความทรงจำ การได้ดูโดราเอม่อนเรื่องนี้ตอนปีใหม่ถือเป็นเรื่องดีๆ ที่จะนำพาความสุขมาให้เราตั้งแต่ต้นปีเลยทีเดียว ;)
สวัสดีปีใหม่ทุกคนนะครับ
-เด็กเดินตั๋ว-
31 Dec 2014
สรุปผลวิจารณ์หนัง