007 : No Time To Die - 007 พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ
หนัง Bond 25 เจมส์ บอนด์ ได้ตัดสินใจปลดเกษียณและใช้ชีวิตอย่างสงบสุขร่วม แต่ในเวลาต่อมา FelixLeiter เพื่อนเก่าของเขาจาก CIA ก็มาขอให้เขาช่วยตามหานักวิทยาศาสตร์ที่ถูกลักพาตัวไป ทำให้เขาต้องกลับมาเผชิญหน้ากับศัตรูลึกลับและเทคโนโลยีใหม่ ๆ อีกครั้ง
Bond has left active service. His peace is short-lived when his old friend Felix Leiter from the CIA turns up asking for help, leading Bond onto the trail of a mysterious villain armed with dangerous new technology.
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
#NoTimeToDie ถือเป็นบทส่งท้าย 007 ฉบับลุงแดเนียล เครก ได้ดีงามจริง ๆ เป็นการใส่บทสรุปตัวละครที่ถ้าเป็นคนที่อินกับ 007 ฉบับที่คนนี้เล่นตั้งแต่ Casino Royale จะอินจนน้ำตาไหลเลยทีเดียว
เนื้อเรื่องในภาคนี้เราจะได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยมีให้เห็นในหนัง บอนด์ฉบับก่อน ๆ ก็จะได้เห็นในภาคนี้ ส่วนตัวค่อนข้างเซอไพร์สนะไม่นึกว่าจะกล้าเล่น กล้าแหวกธรรมเนียม 007 มากขนาดนี้ จนกลายเป็นสิ่งที่ชอบในหนังเลยก็ว่าได้ นี่อาจเป็นการเทหมดหน้าตัก เพื่อทิ้งทวนบอนด์ฉบับผมบลอนตาสีฟ้าชวนหลงไหลในแบบที่จะเป็นตำนานไปอีกนานแน่นอน ถือเป็นการหาทางลงให้กับตัวละคร 007 ฉบับแดเนียล เครก ได้ลงตัวยิ่งถ้าใครอินกับเวอร์ชั่นของนักแสดงคนนี้ จะยิ่งอินจนบ่อน้ำตาแตกเมื่อดูจบเลยก็ว่าได้
พูดถึงข้อดีมาเยอะแล้วขอเล่าถึงข้อเสียกันบ้าง ตัวหนังเองก็แทบจะไม่ได้สมูทในการเล่าเรื่องตลอด 2 ชั่วโมง 43 นาที ตัวหนังเองช่วงกลาง ๆ เรื่องนั้นค่อนข้างพูดเยอะเดินเรื่องเรียกได้ว่าเข้าขั้นอืดเลย มีแต่ตัวละคนคุยกันไปมา ซึ่งถ้าตัดพาร์ทนี้ให้สั้นกระชับกว่านี้ ตัวหนังจะดูดีขึ้นกว่าเดิมอีกพอสมควรเลยก็ว่าได้ รวมไปถึง Rami Malek ในบท ซาฟิน ตัวร้ายหลักของเรื่อง บทค่อนข้างไม่ค่อยส่งนักแสดงเท่าไหร่ ให้บทมาเป็นตัวร้ายหลักของเรื่องก็จริง แต่ดันโดนรัศมีของ ตัวร้ายจากภาคก่อนกลบซะมิดเลย ถึงแม้ว่าจะมาแค่รับเชิญนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ตาม
ปล.1 ฉากขยาย IMAX ส่วนใหญ่คืออยู่ต้นเรื่องกว่า 80% เลยใครเข้าโรงช้าระวังพลาด เป็นหนังที่ใช้สักยภาพของกล้อง IMAX ได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ซีนแอคชั่นคือเต็มตาเต็มจอมากจริง ๆ
ปล.2 Ana de Armas สาวบอนด์หน้าใหม่ ถึงแม้ว่าบทนางจะน้อยแต่ไต่ระดับความสวย น่ารัก ตลกได้อย่างโดดเด่นเลยทีเดียว อยากให้นางกลับมาอีกเยอะ ๆ
ถ้าจะให้เรียกลำดับความชอบส่วนตัวของหนังบอนด์ฉบับแดเนียล เครก ทั้ง 5 ภาค คงเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยได้ตามนี้
Casino Royale > Sky Fall > No Time To Die > Spectre > Quantum of Solace
[รีวิว] No Time to Die - พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ
--- 7.5/10 ---
ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ดูภาคนี้
บทสั่งลา Daniel Craig ที่พยายามหาทางลงแบบสวย ๆ
ต้องบอกก่อนว่าโดยส่วนตัวแล้วเราไม่ใช่แฟนหนัง James Bond สักเท่าไหร่ ภาคเก่า ๆ ก็จำได้เลือนลางมาก แต่ในฉบับของ Daniel Craig เราก็ติดตามและตีตั๋วไปดูอยู่ทุกภาค และมันก็ไม่ได้มีภาคไหนที่เราว้าวหรือตาตรึงใจเป็นพิเศษ
พอมาในภาคนี้ กับการมารับบทครั้งสุดท้ายของ Daniel Craig มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไม่มาดูภาคนี้ ถึงแม้องค์สุดท้ายหรือตอนจบมันจะน่าเบื่อและเชยแค่ไหนก็ตาม
หนังมีการดำเนินเรื่องที่แตกต่างออกไปในแต่ละองค์ ในองค์แรกหนังสนุกมาก ดำเนินเรื่องกระชับรวดเร็ว ฉับไว พอเริ่มเข้าองค์สองหนังเริ่มมีความย้วย พอมาองค์สามนี่เข้าขั้นหาวเลยแหละ
หนังเปิดเรื่องได้น่าสนใจ สนุกถึงสนุกมากเลยแหละ ตั้งแต่ฉากไล่ล่ากันแรก ๆ โดยเฉพาะการเข้าซีนกันระหว่าง Daneil Craig และ Ana de Armas ซีนนั้นคือซีนที่ดีที่สุดและเราชอบที่สุดในหนัง มันคือองค์ประกอบความลงตัวโคตร ๆ เคมีเข้าคู่กันแบบสุด ๆ กับพยัคฆ์ร้ายวัยเกษียณต้องมาเจอกับสายลับหน้าใหม่ที่ลุคโคตรมีเสน่ห์ สวยจนละสายตาไม่ได้ แต่คาแรคเตอร์กลับโก๊ะ ๆ เด๋อ ๆ ด๋า ๆ มันยิ่งทำให้ตัวละครนี้น่ารักแบบสุด ๆ บททั้งซีนนั้นคือดี ทั้งแอ็คชัน มุกที่รับส่งกันของทั้งสอง ที่ทำให้เราสนุกและยิ้มได้ตลอด แต่ที่น่าเสียดายคือฉากของทั้งคู่มี air time ที่น้อยจริง ๆ หวังว่าจะได้เห็นเธอกลับมาแสดงในแฟรนไชส์นี้อีก แต่จริง ๆ อยากเห็นการเข้าคู่กับ Daniel Craig อีกจริง ๆ
มาพูดถึง Rami Malek ในบทตัวร้ายบ้าง แน่นอนว่าเขาคือนักแสดงคุณภาพ แต่ปัญหามันน่าจะอยู่ที่บทที่เขาได้รับมากกว่า เขาก็เล่นได้ดีตามบทที่ได้รับ ด้วยความที่บทตัวละครนี้มันน้อยมาก เราแทบไม่รู้จักเขาเลย แถมเหตุผลและการกระทำของตัวละครนี้มันยิ่งไม่มีน้ำหนักให้น่าคิดตามว่าทำไมเขาถึงต้องร้ายขนาดนั้นนะ มันดูแบนไร้มิติที่พยายามสร้างให้มีมิติเท่านั้น แอบเสียดายความสามารถของเขาเหมือนกันนะ
พูดถึงตัวร้าย เราไม่ชอบความที่ตัวร้ายและตัวเอกต้องมานั่งเผชิญหน้ากันเพื่อพล่ามศีลธรรมอันดีงามหรือพล่ามเป้าหมาย แผนการร้ายต่าง ๆ เพื่อให้ดูเท่ดูเหนือหรือเพื่ออะไรไม่รู้ มันเป็นสิ่งที่น่าเบื่อมาก เช๊ยเชย
หนังเรื่องนี้มีจุดที่น่าหงุดหงิดแบบสุด ๆ อยู่ด้วย ไม่รู้ว่า James Bond มีสกิลปัดป้องกระสุนหรืออย่างไร ทุกครั้งที่ตัวร้ายยิงมันมักจะยิงไม่โดนเสมอ บางฉาก Bond แกเดินเฉย ๆ นิ่ง ๆ ไม่รีบไม่ร้อนจะหลบด้วยซ้ำ ตัวร้ายรัวปืนกลใส่ไม่ยั้งไม่โดนสักนัด พอ Bond สวนที ปัง! เข้าหัว ไอ้เก่งแม่นหรืออะไรเนี่ยไม่ว่าเลย แต่มันไม่โดนเลยสักนัดเนี่ยนะ
มาพูดถึงตัวละครหญิงผิวดำกับสายลับ 007 คนใหม่ที่มาแทนที่ James Bond ในหนังกันบ้าง กับการมารับบทของ Lashana Lynch โดยส่วนตัวมองว่าคาแรคเตอร์ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าจดจำเลย บทมันดูไม่มีอะไรด้วยซ้ำ บริบทมันลงตัวนะ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนกับว่าใส่มาเพราะอยากให้มีความหลากหลายเท่านั้นก็ไม่รู้ เหมือน Malek แหละ นักแสดงก็เล่นได้ดีตามบทที่ได้รับ
อย่างที่บอกไปในย่อหน้าแรก ๆ ว่าองค์ที่สามหนังค่อนข้างชวนหาว ทั้งฉากพระเอกตัวร้ายพล่ามศีลธรรมอันดีงามกัน และอื่น ๆ ที่ทำให้จังหวะหนังความสนุกลดลงทันที และองค์ประกอบทั้งหมดนั้นมันก็นำมาซึ่งบทสั่งลาของ Daniel Craig ที่พยายามหาทางลงแบบสวย ๆ ให้ตัวละครนี้เท่านั้น
ถามว่าสมศักดิ์ศรีมั้ย เราว่าเฉย ๆ มันดูจบแบบสวย ๆ มากกว่า โดยส่วนตัวก็ไม่ได้รู้สึกประทับใจ หรือรู้สึกว่ามันกินใจสักเท่าไหร่ และยิ่งฉากปิดแบบนั้นด้วยคำพูดแบบนั้นก่อนที่ภาพจะดำ มันให้ความรู้สึกเชยมากจริง ๆ
สิ่งที่ยังคงน่าชื่นชมคือเพลงประกอบ No Time To Die ของ Billie Eilish และพวกเสียงดนตรีประกอบในซีนต่าง ๆ พร้อมด้วย sfx และงานภาพที่ยังคงทำได้ดีมาโดยตลอด
สรุปแล้ว หากใครเป็นแฟน James Bond มาโดยตลอดก็ไม่ควรพลาดภาคนี้ ถือว่ามาดูเพื่อเป็นการส่งอำลาบทนี้ Daniel Craig ภาพรวมสำหรับเรามันก็สนุกนะ (แค่ครึ่งแรก) แต่ทางด้านอารมณ์ความรู้สึกเราก็ยังเฉย ๆ กับมันอยู่ดี
สรุปผลวิจารณ์หนัง