The Hummingbird Project - โปรเจกต์สายรวย
เข้าฉาย 20 มิถุนายน 2562
ผู้ชม : 6,352
ผู้กำกับ
: Kim Nguyen
ความยาวหนัง
: 110.00
Text Size
หนัง The Hummingbird Project หรือชื่อไทยว่า โปรเจกต์สายรวย สำหรับนักลงทุนตลาดหุ้นที่ใช้วิธีการเทรดด้วยความเร็วสูงแล้ว “ความเร็ว” คือดัชนีที่ใช้ตัดสินทุกอย่าง The Hummingbird Project คือ เรื่องราวของ วินเซนต์ เซเลสกี้ (เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก) และ แอนทอน เซเลสกี้ (อเล็กซานเดอร์ สการ์สการ์ด) กับความฝันการบรรลุด้วยความเร็วดุจการขยับปีกของ นกฮัมมิ่งเบิร์ด ที่กระพือปีกได้ไวที่สุดในโลก เพื่อสงครามการคว้าราคาหุ้นให้ไวกว่าทุกคน ซึ่งรวมถึงเจ้านายเก่าของพวกเขา เอวา ตอร์เรส (ซัลม่า ฮาเย็ค) ผู้ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ความเร็วนั้นมาครอบครองเป็นของตัวเอง เช่นกัน
A pair of high-frequency traders go up against their old boss in an effort to make millions in a fiber-optic cable deal.
[รีวิว] The Hummingbird Project - โปรเจกต์สายรวย
--- 7.8/10 ---
หนังเฉือนคมที่เต็มไปด้วยบทสนทนาอันชาญฉลาด
อาจไม่ได้สนุกแบบหนังทั่วไป แต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของมัน
The Hummingbird Project เป็นหนังที่มีกลุ่มคนหนึ่งต้องการวางสายเคเบิ้ลเป็นเส้นตรงเพื่อที่จะชนะในการเทรดหุ้นด้วยความเร็วกว่า เพื่อที่จะได้คำนวนการซื้อขายทั้งหมด และตัวเองก็จะรวย! มันอาจฟังดูซับซ้อน เข้าใจยาก แต่แท้จริงแล้วคุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในด้านหุ้นเลยก็สามารถเข้าใจมันได้อย่างง่ายๆ ผิวมันอาจดูล้ำ แต่แก่นของมันก็คือหนังชิงดีชิงเด่น หักเหลี่ยม เอาชนะกันดีๆ นี่แหละ
ครั้งแรกที่ได้ดูตัวอย่างทำให้เรานึกถึงหนังเรื่อง The Social Network ทันที จากทั้งวิธีการนำเสนอ หรือการเล่าก็ตาม แต่พอได้ดูจริงๆ แล้ว มันยังสู้ The Social Network ไม่ได้สักเท่าไหร่ เรื่องนั้นค่อนข้างสนุกและเพลิดเพลินกว่ากันเยอะเลย ด้วยภาพลักษณ์ของนักแสดงนำอย่าง Jesse Eisenberg ที่ในเรื่องนี้เขาพูดรัวเป็นปืนกลมาใส่ ก็ทำให้สลัดภาพ Mark Zuckerberg ไม่ออกจริงๆ และเหมือนนั่นก็กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเวลาเขาแสดงหนังในเรื่องไหนๆ ไปแล้ว และแน่นอนว่าในเรื่องนี้เขาไม่ทำให้ผิดหวัง กับบท Vincent Zaleski ที่เน้นพูดไม่ต่างจาก Mark และ Jesse ถ่ายทอดบทสนทนานี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ ตามมาด้วย Alexander Skarsgård ในบท Anton Zaleski ที่เล่นซีนอารมณ์และแสดงออกเป็นโปรแกรมเมอร์เนิร์ดได้อย่างน่าปรบมือ บทรั่วๆ ฮาก็ฮามาก รวมไปถึง Salma Hayek ในบทเจ้าแม่ Eva Torres ที่เธอปรากฏตัวทุกครั้งทีไรมันทั้งดูน่าเกรงขาม และเซ็กซี่ไปพร้อมๆ กัน
หนังดำเนินเรื่องแบบมีจุดมุ่งหมายชัดเจน อาจจะไม่ถูกใจคอหนัง Blockbuster สักเท่าไหร่ เพราะนอกจากบทสนทนามันจะเยอะแล้ว หลายๆ ฉากน่าเบื่อ เอื่อยๆ ถึงแม้อาจไม่ได้มีฉากลุ้นตื่นเต้นให้เราหัวใจเต้นตุ๊บๆ แต่มันสนุกและตื่นเต้นด้วยบทสนทนามากกว่า ทำให้น่าติดตามว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เหมือนเป้าหมายหลักของตัวละคร ที่เขาพร้อมจะไปที่ปลายอุโมงค์ ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม หนังทำให้เรารู้สึกเช่นเดียวกันกับตัวละครนำนั้นเลย นี่แหละจุดสนุกของหนังเรื่องนี้
ด้วยความที่มันเป็นหนัง Detail ที่ใส่ข้อมูล+บทสนทนามาเยอะมาก เพราะฉะนั้นคุณต้องใช้สมาธิและจดจ่อกับบทพูดเหล่านั้นอยู่พอสมควร เพราะแต่ละประโยคที่พ่นออกมาจากปากล้วนส่งผลต่อหนังไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่งแน่นอน เรียกได้ว่าไม่ได้พูดออกมาลอยๆ เลอะเทอะอย่างแน่นอน
หนังมีการถ่ายทำที่ยอดเยี่ยมมาก คุม Mood และ Tone ของหนังได้โคตรดี ทั้งจังหวะการตัดต่อ การเล่าเรื่อง หรือมุมกล้อง ก็ตาม ทั้งหมดมันถูกร้อยเรียงมาได้อย่างสวยงาม
สรุปแล้ว The Hummimgbird Project อาจไม่ใช่หนังที่เหมาะกับทุกคน แต่ถ้าใครชอบหนังแนวนี้ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
สรุปผลวิจารณ์หนัง