Midsommar - เทศกาลสยอง
หนัง Midsommar หรือชื่อไทยว่า เทศกาลสยอง ดานี่ และ คริสเตียน คู่รักที่เดินทางมายังประเทศสวีเดนตามคำชักชวนของเพื่อนร่วมมหา’ลัย ที่นั่นพวกเขาและเพื่อนๆ วางแผนที่จะไปเที่ยวเทศกาลเฉลิมฉลองฤดูร้อนในหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลและร้างไร้ผู้คน เทศกาลนี้จะจัดขึ้นเพียง1ครั้งในรอบ 90 ปี เป็นเวลา 9 วัน และเป็น 9 วันที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน แต่ยิ่งพวกเขาคลุกคลีอยู่กับดินแดนที่เหมือนจะสดใสแห่งนี้เท่าไร ก็ยิ่งค้นพบเรื่องราวสุดแปลกประหลาด และชวนขนหัวลุกขึ้นเรื่อยๆ และกว่าจะรู้ตัวก็แทบจะสายเกินไป
A young woman reluctantly joins her boyfriend on a summer trip where things quickly go awry.
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
[รีวิว] Midsommar - เทศกาลสยอง
--- ?/10 ---
งงนิดหน่อย ไม่เข้าใจมากๆ
น่ากลัว? หลอน? สยอง? แปลก? ตลก?
!@#$%^&*()_+
ต้องบอกก่อนเลยว่าชอบ Hereditary ของผู้กำกับคนนี้มว๊ากกกกกกถึงมากที่สาุด (Ari Aster) ทั้งหลอน น่ากลัว ขนลุกขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทั้งเรื่อง และยกให้มันเป็นหนังสยองขวัญแห่งปี 2018 ไปเลย พอมาเรื่องนี้อ่านข่าวตอนแรกและดูตัวอย่าง + แนวคิดมันต้องเจ๋งมากแน่ๆ กับหนังสยองขวัญสีสดใส โทนพาสเทล!!! ความคิดแรกคือแบบว้าวมาก จะทำยังไงให้คนกลัวแบบโจ่งแจ้ง และด้วยคำถามนั้นทำให้เราอยากมาหาคำตอบกับ Midsommar สุดๆ
Midsommar เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มวัยรุ่นที่ได้เดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งเพื่อเข้าร่วมพิธีที่นานๆ จะจัดขึ้นที เป็นพิธีที่จัดติดกัน 9 วัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ พวกเขาก็ได้พบกับเหตุการณ์สุดแปลกประหลาดอย่างไม่รู้จบ
พอดูจบแล้วแบบ WTF!!! ที่พึ่งดูไปไม่กี้คือไรอะ ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง คือเราตั้งใจดูมากกกกกก แต่ดูจบก็ไม่เข้าใจอยู่ดี งงเลยแหละ ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนะ แต่ก็ไม่ได้บอกเหมือนกันว่ามันดี คือตลอดทั้งเรื่องมีเสียงในหัวถามว่า “อะไรวะๆๆๆๆๆๆๆ” เต็มไปหมด เกิดคำถามมากมายหลั่งไหลเข้ามา มันเกิดอะไรขึ้น? ทำแบบนั้นทำไม? เพื่ออะไร? อันนั้นมีทำไม? อันนี้มาทำไม? เพื่อ? เอาหล่ะ เราคงไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของเขา และเราอาจไม่ฉลาดพอที่จะตีความอะไรต่างๆ ที่เขาใส่เข้ามา
คือตัวหนังไม่ได้ดำเนินเรื่องงงนะ มันก็ดำเนินเรื่องแบบปกติแหละ เพียงแต่ว่าเหตุผล เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น มันทำให้เราสงสัยไง หนังดูไม่ยาก แต่ตีความยากมากกกกกกกกกกกกกก มันเหมือนกับมีอะไรมากมายเต็มไปหมด ทั้งตัวอักษร ภาพวาด บลาๆ ไม่รู้ว่าอะไรเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้อง รู้สึกมั่วไปหมด ดอกไม้ ท้องฟ้า ใบหญ้า สดใส พิธีกรรม เลือด หดหู่ มีความสุข เศร้า ยิ้มแย้ม กดดัน สับสน งงงวย บางจังหวะแบบ ฉากนึงน่ากลัว ฉากนึงหลอน ฉากนึงตลก ฉากนึงแปลก แต่ก็งงอยู่ดี คืออะไรไม่รู้เยอะมาก ไม่รู้จะเขียนถึงยังไงจริงๆ แต่ที่แน่ๆ หนังเรื่องนี้เดาอะไรไม่ได้เลย
ไม่แน่ว่าจริงๆ แล้วผู้กำกับอยากให้เรารู้สึกแบบนั้นแหละก็เป็นได้ เหมือนกับที่ตัวละครเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้ครั้งแรก “แปลกและไม่รู้อะไรเลย” “สงสัยและสับสน” “กลัวและหลอน”
ที่หนังได้เรท ฉ20+ คือมันมีฉากที่แบบแหวะๆ เห็นๆ เลย เลือดเป็นเลือด สมองไหล หน้าเละ คือแบบโต้งๆ กลางวันแสกๆ ไม่มีความมึดช่วยเลยว่างั้นเถอะ และที่น่าจะได้เรทนี้อีกฉากคงจะเป็นฉากมีอะไรกันแบบเต็มๆ ตา มาหมดส่วนบนและล่าง แต่มันก็มีฉากแบบนั้นอยู่ 1-2 ฉาก ไม่เกินนี้แน่นอน
สรุปแล้ว มันไม่ใช่หนังผีแบบทั่วๆ ไป ไม่ใช่หนังสยองขวัญอย่างที่เคยดู ไม่ต้องกลัวฉากตุ้งแช่ จั้มสแกร์เลยไม่ต้องห่วง ไม่มีแน่นอน คนละแนว แตกต่างจาก Hereditary อย่างสิ้นเชิง หน้ามือกับหลังตีนเลยก็ว่าได้ เข้าใจยากกว่าเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เราไม่อิน เข้าไม่ถึง และไม่เข้าใจ งง ไม่ได้ความบันเทิงจากหนังเรื่องนี้เลย เล่าเรื่องช้าๆ เนิบๆ แถมยังชวนสับสนอีก หนังจบนั่งมองหน้าเพื่อน ทั้งคู่ต่าง เงียบ พูดไรไม่ออก ความรู้สึกมากมายถาโถมตีกันในหัวเต็มไปหมด เรียกว่าไม่รู้จะพูดอะไรดีกว่า 555 ย้ำว่านี่เป็นความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ลองไปดูด้วยตาตัวเองดีกว่า
ปล. เราเขียนคำว่า “งง” กับ “ไม่เข้าใจ” กี่คำกันนะในรีวิวนี้ 555555
เตรียมใจนานมากก่อนดู....
เพราะปีที่แล้วไปดู Hereditary หนังผีสุดหลอนจากผู้กำกับคนนี้ (Ari Aster) บอกเลยว่าปวดหัวมาก กดดัน เครียด หลอนมาก เป็นหนังผีที่หลอนที่สุดเท่าที่เคยดูมาเลย ไม่ Jump Scare มานิ่มๆ เล่านุ่มแต่หลอนมาก เลยเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้นานพอสมควร ตอนแรกเกือบถอดใจไม่ดูแล้วด้วยซ้ำ....
สยองมาก...
สบายใจได้เลย ไม่ใช่หนังผี!!! ไม่มีผี ไม่มีซาตาน วิญญาณ เทวดาอะไรแบบ Hereditary เลยจ้า กลับบ้านนอนหลับไม่กลัวผีแน่นอน แต่!!!!! รับรองความหลอน ความสยองตามหลอกหลอนแน่นอน สิ่งที่ตัวละครทำ(ไม่ว่าจะตัวไหน) มันชวนสยองมากเลย สิ่งที่เคยเจอใน Hereditary ยังไม่โหดเท่าในเรื่องนี้เลย มันเละ แหวะ สยองจนปวดตับเลยล่ะ
ฟีลิ่งจากหนังเรื่องนี้...
เครียด กดดัน ปวดหัวจากสิ่งที่เห็น แต่เดชะบุญภาพในเรื่องนี้ไม่มืดเลย สว่างสดใส สีสวย มีทุ่งดอกไม้ มีชาวสวีเดนยิ้มร่าเริงในชุดพื้นบ้านสีขาวอาจจะพอช่วยเยียวยาจิตใจได้ประมาณนึง แต่มุมมองที่มีต่อชาวสวีเดนจะเปลี่ยนไปจากเดิมนิดนึง เมื่อก่อนอาจจะคิดถึงสวีเดนในภาพอีเกีย มีทบอล รถยนต์วอลโว่สุดปลอดภัย ตำนานพื้นบ้านเทพเจ้าไวกิ้ง(โซนๆ นอร์ดิธ สแกนดิเนเวีย),เทพเจ้าธอร์ถือค้อน อะไรทำนองนี้ แต่พอดูเรื่องนี้ก็จะมีมิติที่กว้างขึ้นในการมองชาวสวีเดน เราอาจจะไม่อยากยุ่งกับชาวสวีเดนแสนร่าเริงที่มีเห็ดเมา ชาแปลกๆ weed อะไรสักเท่าไหร่ เริ่มไม่น่าไว้วางใจ (บอกเลยใครชวนไปเที่ยวสวีเดนตอนนี้โกรธ...5555)
ในเชิงภาพยนตร์
น่าประทับใจ ชื่นชมการกำกับของ Ari Aster มาก ทั้งการคุมไดเรกชั่นของภาพ การเล่าเรื่อง อาร์ต โปรดักชั่นดีไซน์ การใช้สีต่างๆ ใดๆ เจ๋งไม่แพ้ Hereditary เลย เฮีย Ari เก่งและมีสไตล์ที่ชัดเจนมากๆ จริงๆ การแสดงออกของตัวละครบางตัวในเรื่อง ก็มีท่าทางการแสดงเหมือนใน Hereditary จนเริ่มรู้ว่าเป็น Signature ของเฮีย อารมณ์และสิ่งที่เฮียถ่ายทอดออกมาจากภาพยนตร์มันส่งความรู้สึกหนักอึ้งภายในจิตใจของเฮียออกมาได้จริงๆ เรื่องความสัมพันธ์ เรื่องครอบครัว มันชัดเจนมากๆ ตั้งแต่เรื่อง Hereditary รับรู้ได้เลยว่าเฮียต้องรู้สึกยากในการใช้ชีวิตขนาดไหน (Ari Aster เคยให้ข้อมูลในบทความว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องร่วมต่อสู้กับโรคซึมเศร้าของสมาชิกในครอบครัว และสูญเสียคนในครอบครัวจากภาวะนี้ด้วย) ในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็สะท้อนสิ่งนี้อออกมาชัดเจน ไม่ต่างกับตอน Hereditary ที่สื่อภาวะนี้ออกมานำเสนอเชิงอารมณ์ความรู้สึกในภาพยนตร์ชัดเจนเช่นกัน
นอกจากนี้การใช้สัญลักษณ์ในการตีความในเรื่องนี้มีอะไรให้ขบคิดมากมาย ทั้งภาพ มุมกล้อง สีที่ใช้ พร้อพประกอบ ฉากต่างๆ ใดๆ ยิ่งคิดยิ่งหลอน ยิ่งคิดยิ่งสนุก เฮียไปทำการบ้านเรื่องเทศกาลพื้นบ้านมานำเสนอได้ลึกซึ้งดี และตีความนำเสนอในมิติที่หลอนประสาทได้ครีเอทมากๆ เฮียหลอกเก่งมากอ่ะ ไม่ต้อง Jump Scare ไม่บิวท์เวอร์วังอลังการ มานิ่มๆ แล้วเชือดคมๆ เด็ดจริงๆ เพลงก็แปลกมากๆ อย่าเรียกว่าเพลงดีกว่า น่าจะเรียกว่าการออกแบบเสียง เพราะมีอะไรที่เร้าอารมณ์หรือให้ความรู้สึกที่แตกต่างโดยการใช้เสียงต่างๆเยอะมากในหนังเรื่องนี้
การแสดงก็บอกเลยว่าถ่ายทอดความคิดความรู้สึกของทุกตัวละครออกมาได้ไม่มีช่องโหว่เลย เหตุใดตัวละครถึงทำแบบนั้น แบบนี้ ท่าทางการแสดงมันบ่งบอกออกมาหมดเลย
แค่ไปเสพงานภาพยนตร์จากเรื่องนี้ก็คุ้มค่ามากๆ แล้ว.... แถมได้ความหลอน เครียด กดดัน ปวดหัวจนนอนไม่หลับเป็นของแถมด้วย (เย่!)
ข้อควรรู้เล็กน้อย
- หนังเรื่องนี้เรท R 20+ ตรวจบัตรประชาชนจริงจัง
- มีฉากสยอง แหวะ เละ ดูแล้วปลงสังขาร
- มีฉากเซ็กส์แบบโจ่งแจ้ง เปลือยโล่ง เห็นทุกอย่าง
- เช็คพื้นที่ใจ หรือถ้าหลอกล่อเพื่อนหรือแฟนไปดู ควรอธิบายเขาว่ากำลังจะดูอะไร เดี๋ยวดราม่า...
- ควรพกพกยาดม น้ำหวาน น้ำตาลไปเยียวยาตัวเองเบื้องต้น
- เด็กเดินตั๋ว -
สรุปผลวิจารณ์หนัง