Angel Has Fallen - ผ่ายุทธการ ดับแผนอหังการ์
หนัง Angel Has Fallen หรือชื่อไทยว่า ผ่ายุทธการ ดับแผนอหังการ์ เมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ ไมค์ แบนนิ่ง (เจอราร์ด บัตเลอร์) และ ประธานาธิบดี อัลลัน ทรัมบูล (มอร์แกน ฟรีแมน) ถูกโจมตีจากกลุ่มก่อการร้าย แม้รอดชีวิตมาได้ แต่กลับกลายเป็นว่า ไมค์ แบนนิ่ง ถูกตั้งข้อหาพยายามสังหารประธานาธิบดีเสียเอง เขาจึงหลบหนีจากการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่ พร้อมกับต้องตามล่าตัวการเพื่อล้างมลทินและปกป้องประธานาธิบดีที่กำลังตกอยู่ในอั นตรายจากทั้งฝ่ายรัฐบาลและผู้ก่อการร้ายระดับพระกาฬอีกครั้ง
Secret Service Agent Mike Banning is framed for the attempted assassination of the President and must evade his own agency and the FBI as he tries to uncover the real threat.
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
Angel Has Fallen ปิดไตรภาคตำนานองค์รักษ์พิทักษ์ประธานาธิบดี
ย้อนไปเมื่อปี 2013 ได้มีหนังที่มีพล๊อตหลักคล้ายคลึงกันเข้าฉายถึง 2 เรื่องระหว่าง Olympus Has Fallen กับ White House Down เป็นทีวิพากษ์วิจารณ์เปรียบเทียบกันระหว่างหนัง 2 เรื่องนี้อย่างหลากหลาย โดยคะแนนความสนุกส่วนใหญ่นั้นดูท่าจะเอนเอียงไปทาง Olympus Has Fallen ไปซะเยอะ ทั้งๆที่ตัวหนังนั้นเป็นหนังทุนน้อย ทำให้รายได้ที่ทำได้ในช่วงที่ออกฉายมากเพียงพอที่จะทำภาคต่อในอีก 3 ปีต่อมา ในชื่อ London Has Fallen และรายได้ของภาคนี้ก็ทำให้ทางผู้สร้างมั่นใจในแฟนไชร์ตัวเอง จนเข็นภาค 3 ออกฉายในปีนี้
เรื่องราวในภาคนี้ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนหรือผิดแปลกไปจากภาคก่อนๆ คือประธานาธิบดี สหรัฐได้ถูกลอบสังหาร แต่เพราะไมค์ แบนนิ่งได้ช่วยเอาไว้ได้ ทำให้ทั้งคู่นั้นรอดจากการโจมตี โดยที่ไมค์ แบนนิ่งเองนั้นถูกใส่ความว่าเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบโจมตีในครั้งนี้ เขาเองถูกทางการตามล่ารวมไปถึงพวกที่ใส่ร้ายเค้าเช่นกัน
ในภาคนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่าตัวละครอย่างไมค์ แบนนิ่งนั้นได้มีอายุเพิ่มขึ้น ตัวละครนี้ควรจะถึงคราวที่ต้องรีไทร์ตัวเองออกจากวงการนี้ได้แล้ว นี่คือประเด็นที่น่าสนใจในภาคนี้ เมื่อเทียบกับภาคก่อนๆที่ตัวละครนี้ยังไม่ได้มีอายุมากเท่านี้สามารถต่อสู้ทำภาระกิจเสี่ยงอันตราได้สบายๆ กลับกันในภาคนี้ด้วยวัยที่ล่วงเลยมาเยอะแล้วฉากต่อสู้ต่างๆ อาจจะไม่ดุเดือดเท่าสมัยวัยหนุ่ม แต่ก็ทำให้คนดูลุ้นมากขึ้นเป็น 2 เท่าเพราะทุกการปะทะ พระเอกของเรามีโอกาสที่จะพ่ายแพ้สูงกว่าครั้งไหนๆ
ดูเหมือนว่าข้อด้อยของหนังแฟนไชร์นี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง CG อีกแล้ว 2 ภาคก่อน CG มีลอยๆบ้างยังไง ภาคนี้ก็ยังคงมีเหมือนเดิม อาจด้วยเพราะเป็นหนังที่ไม่ได้มีทุนสร้างมากนักทำให้ในส่วนของงาน CG อาจจะไม่ได้รับความพิถีพิถันเท่าหนังฟอร์มใหญ่ซักเท่าไหร่ เรียกง่ายๆคือคุณภาพงานตามกำลังทรัพย์นั่นเอง แต่โดยรวมก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร สามารถมองข้ามๆไปก็ได้เพราะโดยรวมแล้วหนังก็ยังสนุกอยู่ดี
สรุปแล้วสำหรับในภาคนี้ ความสนุกส่วนตัวว่าสนุกกว่าภาคก่อนซะอีก โดยเฉพาะหลังจากฉากระเบิดภูเขาเผากระท่อมช่วงกลางเรื่องไปแล้ว กราฟความสนุกแทบไม่ลดลงเลย เป็นการกลับมาปิดไตรภาคได้อย่างสมศักดิ์ศรีทีเดียว 7.5/10
[รีวิว] Angel Has Fallen - ผ่ายุทธการ ดับแผนอหังการ์
--- 5/10 ---
เป็นหนังแอ็คชั่นที่บทเชยมากกกกกกกกกกกกกกกก
ความเป็นแอ็คชั่นก็มี แต่น้อยกว่า 2 ภาคแรกเสียอีก
ไม่คิดเลยว่าหนังอย่าง Olympus Has Fallen จะเดินทางมาจนมีถึง 3 ภาคได้ถ้าโคนันคือตัวซวยไปไหนก็มีคนตาย ไอ้ Mike Banning นี่ก็คือตัวซวยเช่นกัน เป็นคนอารักขาประธานาธิบดีที่พาชิบหายทุกครั้งไป ตั้งแต่ภาคแรกปกป้องประธานาธิบดีในทำเนียบขาวใน Olympus Has Fallen (2013) พอมาภาคสองใน London Has Fallen (2016) ต้องเดินทางไป London ก็โดนคนร้ายไล่ฆ่าประธานาธิบดีอีก และมาในภาคนี้ประธานาธิบดีก็ยังโดนอีก!!! แต่มันแตกต่างกันออกไปตรงที่ คราวนี้ Mike โดนใส่ร้ายว่าเป็นตัวตั้งตัวตีวางแผนสังหารประธานาธิบดีนั่นแหละ
เอาจริงๆ ในภาคนี้เหมือนพยายามทำให้หนังมีมิติมากขึ้นกว่าหนังแอ็คชั่นปกป้องประธานาธิบดีธรรมดาๆ มีการให้พระเอกสภาพย่ำแย่น่าเอาใจช่วยมากขึ้น หรอ? (เอาเข้าจริงก็ไม่ได้เอาจุดนี้มาเล่นเท่าไหร่เลย) มีการใส่ร้ายป้ายสี แต่เหมือนมันจะไม่เวิร์คเอาซะเลย เริ่มตั้งแต่บทที่เดาง่ายว่าใครเป็นตัวร้าย เห็นหน้าก็รู้เลยอะว่าไอ้นี่ร้ายแน่ๆ ตัวร้ายที่แลดูจะร้ายแต่ดูง่อยมาก เทคโนโลยีสุดไฮเทคของตัวร้ายก็ถูกนำมาใช้แค่ที่เห็นในตัวอย่างเท่านั้นล่ะ, เหตุผลหรือแรงจูงใจในการก่อการร้ายอีก การใส่ร้ายป้ายสีพระเอกนี่เชยมาก ไม่คิดว่ายังมีการทำแบบนี้ในหนังยุคปัจจุบันอยู่, อีกทั้งบท FBI และอีกหลายๆ ส่วนยิบย่อยที่ไม่รู้จะใส่มาทำไม มันดูเบาหวิวไปซะหมดเลย มันควรจะเอาไปเล่นอะไรได้เยอะมาก โดยรวมแล้วมันคือความเชยมากของการเป็นหนังสักเรื่อง
เรามาดูในแง่ของความแอ็คชั่นกันบ้าง ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าภาคนี้มีฉากแอ็คชั่นน้อยที่สุดในแฟรนไชส์นี้เลย มีนิดๆ หน่อยๆ ระหว่างเรื่อง และค่อยโผล่มาตอนท้าย ที่ไม่ได้ชวนว้าว ตื่นเต้น โชว์ความเทพของพระเอกแต่อย่างใด ค่อนไปทางเฉยๆ ด้วยซ้ำ พอเพลินๆ ในระดับที่ธรรมดาเท่านั้น จึงไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรก็ตามหนังยังคงรักษามาตรฐานการทำเอฟเฟ็คได้ดีอยู่ ระเบิดตูมตาม ยิงกันเปรี้ยงปร้าง ที่ออกมาดูไม่น่าเกลียด
ตัวละครที่น่าสนใจที่สุดในเรื่องกลับเป็นพ่อของ Mike Banning ซะงั้น ที่ทำให้หนังแลดูมีสีสันขึ้นมาทันทีที่เขาปรากฏตัว จากน่าเบื่อๆ ยังพอทำให้บันเทิงขึ้นมาได้บ้าง แต่พอบทของเขาหายไป หนังก็กลับมาเหมือนเดิม และน่าเสียดายที่ตัดบทพ่อของเขาทิ้งดื้อๆ ให้หายไปซะอย่างนั้น ทั้งๆ ที่น่าจะนำมาเล่นอะไรได้อีกเยอะเลย ทางด้านฝีมือนักแสดงคนอื่นๆ ก็ทรงๆ ตามมาตรฐาน ไม่ได้โดดเด่นจนร้องว้าว หรือไม่ได้หยีจนต้องบอกว่าแย่
สรุปแล้ว Angel Has Fallen น่าดีใจที่อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าภาคสอง แต่มันก็ไม่ได้ดีกว่าภาค 1 อีกหนึ่งแต่ที่สำคัญ คือ ภาค 1 มันก็ไม่ได้สนุกขนาดนั้นเสียด้วยสิ
สรุปผลวิจารณ์หนัง