0 American+Sniper+-+%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99+%E0%B8%AA%E0%B9%84%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C

American Sniper - อเมริกัน สไนเปอร์

เข้าฉาย 22 มกราคม 2558
ผู้ชม : 6,550
ผู้กำกับ : Clint Eastwood
ความยาวหนัง : ไม่ระบุ
Text Size

ผลงานล่าสุดจากผู้กำกับ คลินต์ อีสต์วู้ด พาคุณมันส์เดือดเลือดพล่านไปกับ คริส ไคล์ (แบรดลี่ย์ คูเปอร์) สุดยอดมือสังหารระดับพระกาฬในประวัติศาสตร์ของกองทัพอเมริกา ทว่าภายใต้ทักษะแม่นปืนของทหารฮีโร่อเมริกันคนนี้กลับซ่อนเรื่องราวมากมายเอาไว้! เมื่อ คริส ไคล์ พลแม่นปืนสังกัดหน่วยรบพิเศษของสหรัฐอเมริกา (ซีลล์) ถูกส่งไปยังอิรัก เพื่อปฏิบัติภารกิจเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือ ปกป้องพี่น้องทหาร ด้วยฝีมือความแม่นยำทำให้เขาสามารถรักษาชีวิตเพื่อนทหารในสนามรบมานับไม่ถ้วน ความกล้าหาญของเขาเป็นที่เลื่องลือในหมู่เพื่อนทหารหน่วยซีลล์ จนได้รับสมญานามว่า เดอะ เลเจนด์ แม้กระทั่งในแวดวงศัตรูชื่อเสียงของคริสก็โด่งดัง จนถูกตั้งฉายาจากฝ่ายศัตรูว่า ปีศาจแห่งราห์มาดี หรือ เดอะ เดวิลล์ ทำให้เขาถูกตั้งราคาค่าหัวถึง 2 หมื่นดอลลาร์ (ประมาณ 650,000 บาท) และกลายเป็นเป้าหมายหลักของฝ่ายต่อต้าน ถึงแม้ต้องแลกกับอันตรายและการต้องสูญเสียคนรอบข้างผู้เป็นที่รัก คริสก็ยังคงเดินหน้าปฏิบัติภารกิจอันแสนทรมานในอิรักตลอดทั้ง 4 ครั้งที่ถูกส่งไป ทำให้เขากลายเปรียบเหมือนสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณของหน่วยซีลล์ที่ว่า อย่าทอดทิ้งใคร! ทว่าในระหว่างที่เขากำลังจะได้กลับบ้านนั้น คริสก็ค้นพบว่า สงครามต่างหากที่เขาไม่สามารถทอดทิ้งไปได้

 

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

27 มกราคม 2558 17:46:57
American Sniper (Clint Eastwood / USA / 2014)
 
หนังสงครามหลายเรื่องมักจะมีจุดร่วมคล้ายๆ กันที่ทำให้เกิดความซ้ำซากจำเจคือบรรยากาศฉากรบ  ฝั่งแรกคือหนังที่ต้องการเอาความมันยิงถล่มกันตูมตามวิ่งหนีกันอุตลุดดูสนุกเหนือจริงจน และซัดความตื่นเต้นตกอกตกใจใส่เราได้ตลอดเวลา  อีกฝั่งหนึ่งคือหนังสมจริงสมจังที่ต้องรายล้อมด้วยความรู้สึกกดดันและตึงเครียดทางอารมณ์ที่อันตรายรอบด้านจากลูกระเบิดและหัวกระสุนจนเกิดความหวาดระแวงถึงขั้นต้องมีสติกับเนื้อกับตัวและต้องนั่งติดเก้าอี้ผ่อนคลายความตื่นตกใจที่ค่อยๆ คืบคลานความรู้สึกของเราไว้ตลอดเวลา  ซึ่งเรามักจะเห็นในหนังสงครามที่สร้างมาจากเรื่องจริง และแน่นอนว่า American Sniper ปักธงดาว 50 ดาวตั้งฐานที่มั่นอยู่ฝั่งแรก
 
พอบรรยากาศที่ใกล้เคียงกันแล้วสิ่งที่สำคัญมากๆ คือการกำกับที่จะพาจังหวะของหนังเคลื่อนไหวไปในแนวทางไหนซึ่งปู่ Clint Eastwood ก็ทำให้เราเห็นว่าผู้กำกับวัยเก๋าฝีมือเซียนระดับรางวัลออสการ์ยังสามารถดึงมาตรฐานของตัวเองขึ้นมาจากงานหนังที่ดูดร็อปลงไปมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา  แต่มันก็ไม่ได้ดีโดดเด่นในระดับที่สมน้ำสมเนื้อกับผลงานมาสเตอร์พีสก่อนหน้านั้นหลายๆ เรื่องหรอก  คือถ้ามองแค่ภาพที่เห็นเพียงผิวเผินแล้วมันก็ไม่ค่อยต่างจากหนังสงครามทั่วไปในแง่ของการสร้างสรรค์ออกแบบวิธีการเล่าฉากต่าง ซึ่งก็เป็นไปตามบทบาทสถานการณ์และเรื่องราวตัวละครอย่างปกติ ไม่ได้โดดเด่นด้วยภาพหรือเครื่องมือทางภาพยนตร์อื่นเพื่อเน้นสื่อความหมาย แต่ก็แน่นอนว่ามันพกพาความสมจริงมาเต็มกระเป๋า ก่อนจะกระชากมันหายไปในฉากไคลแม็กซ์ที่ CGI วิถีกระสุนนัดนั้นมันขัดกับความสมจริงสมจังที่ผ่านมาทั้งเรื่องเสียเหลือเกิน
 
 
ส่วนตัวแล้วเราเป็นคนที่ตกหลุมระแวงของหนังสงครามทำนองนี้ได้ง่ายมากๆ American Sniper ก็เลยยิงเราโดนแทบทุกนัดอย่างหวาดเสียว ถึงจะไม่ถึงขนาดนั่งไม่ติดเบาะจนตะลึงอึงอื้อไปเลยแต่ความรุนแรงของสงครามที่สัมผัสจากหนังมันก็คุกรุ่นอยู่ในความรู้สึกอยู่นานพอสมควร แต่ถ้ามองแค่ภาพที่เห็นเพียงผิวเผินแล้วมันก็ไม่ค่อยต่างจากหนังสงครามทั่วไปในแง่ของการสร้างสรรค์ออกแบบวิธีการเล่าฉากต่าง  ซึ่งก็เป็นไปตามบทบาทสถานการณ์และเรื่องราวตัวละครอย่างปกติ  ไม่ได้โดดเด่นด้วยภาพหรือเครื่องมือทางภาพยนตร์อื่นเพื่อเน้นสื่อความหมาย  แต่ก็แน่นอนว่ามันพกพาความสมจริงมาเต็มกระเป๋า  ก่อนจะกระชากมันหายไปในฉากไคลแม็กซ์ที่ CGI วิถีกระสุนนัดนั้นมันขัดกับความสมจริงสมจังที่ผ่านมาทั้งเรื่องเสียเหลือเกิน
 
ส่วนของบทหนังก็เลยกลายมาเป็นส่วนเติมเต็มจุดอ่อนระหว่างทางที่ดูเหมือนเป็นหนังเชิดชูหรือแอนตี้ทางใดทางหนึ่งที่ตั้งใจให้เห็นภาพความรุนแรงและตั้งคำถามอะไรก็ไม่รู้แหละ  ซึ่งตอนจบมันก็สามารถตอบสรุปได้อย่างหนักหน่วง  เพียงแค่ตัวอักษรสรุปจุดจบตัวละครในท้ายเรื่องที่มีพลังสั่นสะเทือนทัศนคติอเมริกันฮีโร่ฝ่ายตรงข้ามสูงถึงขีดสุด  สั่นสะเทือนไล่เลี่ยในเส้นกราฟระดับเดียวกันกับตอนจบของ Imitation Game ที่สุดท้ายความรุนแรงก็เป็นจุดจบของตัวละคร แต่ต่างกันที่ American Sniper พระเอกใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือในการตอบสนองอุดมคติรักชาติ แต่ใน Imitation Game พระเอกไม่หลุดพ้นจากการเป็นเหยื่อของความรุนแรงจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต  ถึงแม้ว่าทัศนคติของพระเอกทั้งสองเรื่องจะแตกต่างกัน แต่หนังเข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมทั้งสองเรื่องนี้ก็เป็นตัวแทนตั้งการ์ดต่อต้านสงครามและความรุนแรงอย่างเห็นได้ชัดเจน

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
7.5
การดำเนินเรื่อง
7.5
ดนตรีประกอบ
7.5
ฝีมือนักแสดง
8.5
กราฟฟิก
7.5
คะแนนเฉลี่ย
7.7
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)